เซิ่นเทียนรู้สึกหดหู่ใจมาก
เขาได้ข้ามมิติมายังโลกแห่งการบ่มเพาะ
!
เขากลายเป็นองค์ชายที่ 13 แห่งอาณาจักรเพลิงในถิ่นทุรกันดารตะวันออกในโลกแห่งการบ่มเพาะใบใหม่นี้
แล้วมีอะไรที่ควรจะบ่นเกี่ยวกับการเป็นองค์ชาย?
เขาไม่ได้เป็นแค่องค์ชายธรรมดาๆ … แต่เขาเป็นองค์ชายที่ขึ้นชื่อในเรื่องความโชคร้ายสุด ๆ !
…
แม่ของเขาคือนางสนมหลาน หญิงสาวที่สวยที่สุดในอาณาจักรเพลิง และเป็นหญิงสาวที่จักรรพดิชื่นชอบมาก สถานะของนางในรางวงศ์ใกล้เคียงกับจักรพรรดินีมาก
แน่นอน ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามปกติลูกชายของนางสนมหลานจะมีโอกาสที่จะได้ขึ้นเป็นรัชทายาทในอนาคต
แต่ทว่าในวันที่คลอดเขาออกมา นางสนมหลานได้เสียชีวิตเนื่องจากอาการตกเลือดอย่างรุนแรงที่เกิดจากการคลอดที่ลำบาก( dystocia )
จากนั้นจักรรพดิก็ทรงเกลียดชังการปรากฏตัวขององค์ชายที่ 13 เป็นอย่างมาก ดังนั้นสถานะในราชวงศ์ของเขาจึงเริ่มตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อองค์ชายองค์ที่ 13 อายุมากขึ้นโชคของเขาก็แย่ลงเรื่อย ๆ
เขามีวิหคเพลิงที่งดงามเป็นภูตวิญญาณของเขา แต่มันได้จมน้ำตายในสวนราชวัง
เขามีกระบองเพชรสีม่วงราคาแพง แต่วันหนึ่งกลับมีเด็กที่ไหนไม่รู้ถอดมันออกไป
เขาเคยติดตามลูกพี่ลูกน้องของเขาไปหาผู้อำนวยการของสถาบันเพื่อเข้าเรียนครั้งหนึ่ง…และตึกก็ถล่มลงมาในวันนั้น!
…
นอกเหนือจากความโชคร้ายในกิจวัตรประจำวันแล้วองค์ชาย 13 ยังมีเส้นทางการบ่มเพาะที่ท้าทายอีกด้วย
วันนี้เป็นครั้งที่ 88 ที่เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากการเบี่ยงเบนของเส้นลมปราณ(Qi Deviation.)
องค์ชาย 13 ไม่เชื่อในโชคชะตาและพยายามต่อสู้กับมัน แต่ตอนหลังมันก็ดีขึ้น
ตอนนี้ร่างกายของเขาเป็นของ เซิ่นเทียนเด็กหนุ่มจากศตวรรษที่ 21
…
“ น้ำ…เอาน้ำมาให้ข้า…”
เซิ่นเทียนนอนอยู่บนเตียงด้วยความเจ็บปวด ความรู้สึกแสบตนแทบจะทนไม่ได้และมันส่งผลกระทบต่อกระเพาะอาหารของเขา
ขันทีชรารีบถือกาน้ำชาและเข้ามาหาเซิ่นเทียน
“ ฝ่าบาทนี่น้ำพะยะค่ะ ค่อยๆดื่ม”
เขาคือขันทีกุ้ย หัวหน้าแผนกการดูแลวังและเป็นขันทีคนเดียวที่อยู่ในวังเลมในตอนนี้ เขาเป็นคนเฝ้าเลี้ยงดูองค์ชาย 13 มา อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นดั่งพ่อขององค์ชาย 13 ก็ได้
เซิ่นเทียนรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากดื่มน้ำ
เขามองไปที่ขันทีชราผู้นี้และตะลึง
เขาจำคนๆนี้ได้จากความทรงจำขององค์ชาย 13
ขันทีกุ้ยอยู่ในวังตั้งแต่เขายังเด็กและทำงานที่นี้มามากว่า 50 ปี สนมหลานเคยช่วยชีวิตเขามาก่อนดังนั้นเขาจึงจงรักภักดีต่อองค์ชาย 13 มาก
แต่ครั้งนี้เขากลับเห็นขันทีกุ้ยไม่เหมือนเดิม เพราะเขามีรัศมีเรืองแสงลอยอยู่บนหัวของขันทีกุ้ย!
ใช่มันเป็นรัศมีสีเขียวที่เปล่งประกาย!
เซิ่นเทียนตกใจกับสิ่งที่เขาเห็น รัศมีนั้นคล้ายกับเทวดาองค์หนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะมีหลากสี
ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?
เซิ่นเทียนขยี้ตาและมองอีกครั้ง รัศมียังคงอยู่ที่นั่น เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาจินตนาการขึ้นมาเอง
“ ลุงกุ่ย ท่านช่วยส่องกระจกให้ข้าหน่อยได้ไหม”
ขันทีกุ้ยหยิบกระจกขึ้นมาในเวลาไม่นาน
เมื่อ เซิ่นเทียนมองไปที่เงาสะท้อนของเขาในกระจกในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมองค์ชาย 13 ถึงโชคร้ายขนาดนี้
ใบหน้าของเขานั้น หล่อ!
หล่อมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
นางสนมหลานเคยเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในอาณาจักรเพลิงและเขาก็ได้รับการถ่ายทอดยีนที่ดีที่สุดของนาง
ตอนอายุ 16 องค์ชายคนที่ 13 หน้าตาหล่อเหลาคนไม่มีใครเทียบได้ แม้แต่ เซิ่นเทียนยังรู้สึกหลใหล
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก เขาก็มีรัศมีบนศีรษะเช่นเดียวกับขันทีกุ้ย ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือรัศมีของเขาเป็นสีดำสนิทและมีหมอกควันล้อมรอบ
ดูเหมือนว่ามันเต็มไปด้วยทุกข์และความโชคร้ายและมันก็น่ากลัวจริงๆ
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นลางไม่ดีแน่ๆ!
นี่อาจเป็นการแสดงให้เห็นถึงความโชคร้าย!
มันคงเหมือนกับคำพูดที่ว่า “หว่างคิ้วของเจ้าดูมืดมน?”
เซิ่นเทียนกลับไปนอนบนเตียง ในตอนนี้เขาต้องการเวลาที่จะอยู่คนเดียว
…
คนที่ข้ามมิติมามีบัฟตัวละครเอกและรัศมีของพวเขามันจะต้องส่องแสงเป็นสีทอง!
แต่สำหรับข้า?
เพียงแค่รูปลักษณ์ของแสงรัศมี มันก็ทำให้กระดูกสันหลังของ เซิ่นเทียนรู้สึกหนาวสั่น เขารู้สึกว่าเขาอาจถูกฟ้าผ่าแม้ว่าเขาจะออกไปข้างนอกในวันที่แดดจ้า!
ข้าต้องเป็นตัวเอกปลอมแน่ๆ
…
คงจะเป็นเรื่องโกหกที่จะบอกว่าเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับรัศมีสีดำบนหีวของเขา
ลืมเกี่ยวกับการบ่มเพาะการผจญภัย การล่าขุมทรัพย์และการเผชิญหน้าสัตว์อสูรไปได้เลย ตอนนี้แม้เขาอาจจะกินแค่ข้าว เขาอาจสำลักตายก็ได้!
“ ลุงกุ่ยข้าเหนื่อยแล้ว ท่านออกไปเถอะ”
เซิ่นเทียนตัดสินใจที่จะพักผ่อน
ตอนนี้เขาไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ ก่อนที่เขาจะหายดีสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดคงจะเป็นเตียงนอน
1
“ ฝ่าบาท ข้าจะออกไปเตรียมน้ำสมุนไพรให้ท่าน
”
ขันทีกุ้ยไม่รู้เลยว่าเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้ไม่ใช่องค์ชาย 13 ที่เขารู้จัก เขาปิดประตูเบา ๆ เพื่อไม่ให้เซิ่นเทียนเป็นหวัดและไปที่ห้องครัว
เซิ่นเทียนประพฤติตัวดีตลอดทั้งเดือน เขาไม่ได้แอบบ่มเพาะหรือทำอะไรเลย เขาไม่แม้แต่จะลุกจากเตียง
ในที่สุดภายใต้การดูแลของขันทีกุ้ย เซิ่นเทียนก็เริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ
…
เป็นเดือนแล้ว! หนึ่งเดือน! พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าข้ารอดมาได้ยังไง!
ในที่สุด เซิ่นเทียนก็หมดความอดทน เขานอนบนเตียงเป็นเดือนๆโดยไม่มีโทรศัพท์คอมพิวเตอร์หรือแม้แต่นิยายให้อ่าน!
ชีวิตที่น่าเบื่อแบบนี้ทำให้เขาแทบคลั่ง
เซิ่นเทียนตระหนักว่าอิสรภาพมีค่ามากกว่าชีวิต ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก!