เซิ่นเทียนถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน“ ทำไม? เจ้าจะไม่ทำตามคำสั่งของข้า”
“ ข้ามาแล้ว ฝ่าบาท”
ขันทีหนุ่มตัวสั่นและรีบคุกเข่าต่อหน้า เซิ่นเทียนและโค้งคำนับให้เขา
แม้ว่า เซิ่นเทียนจะไม่เป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิ แต่เขาก็เป็นองค์ชาย 13 การไม่เชื่อฟังคำสั่งและการเพิกเฉยต่อสถานะถือเป็นความผิดฐานหนักในราชวัง
เซิ่นเทียนพอใจ เขาถามว่า “บอกชื่อของเจ้ามา”
ขันทีหนุ่มตอบอย่างรวดเร็ว“ ข้าชื่อฉินเกา ท่านสามารถเรียกข้าว่า เกา เฉยๆก็ได้ ฝ่าบาท”
ฉินเกา?
เซิ่นเทียนครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดว่า “เงยหน้าขึ้นให้ข้าดูว่าเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร”
ฉินเการู้สึกหวาดกลัว มีข่าวลือเกี่ยวกับการที่บางคนที่มีสถานะเป็นเชื้อพระวงศ์ะเบื่อผู้หญิงและเริ่มจะหาความสำราณกับเก็กหนุ่มเช่นเขา
องค์ชาย 13 ก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านี้ด้วยเหรอ?
ความคิดนี้ทำให้ฉินเกาหวาดกลัว
เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทา
เซิ่นเทียนมองไปที่ใบหน้าของเขาอย่างระมัดระวังและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ฉินเกายิ่งกังวลมากขึ้น
“ ฝ่าบาทมีอะไรผิดปกติกับขันทีหนุ่มคนนี้หรือเปล่า?” เสียงของขันทีกุ้ยขัดจังหวะความคิดของเซิ่นเทียน
จริงๆแล้วเขาไม่ได้มองไปที่ใบหน้าของ ฉินเกาแต่เป็นรัศมีบนหัวของเขา
ขณะที่ เซิ่นเทียนกำลังสังเกตรัศมีของฉินเกา เขาสังเกตเห็นภาพบางอย่างฉายอยู่ข้างใน ภาพเริ่มต้นด้วยทางเข้าหลักของห้องสมุดหลวงในราชวัง
จากนั้นภาพจึงเปลี่ยนเป็นภายในห้องสมุด เดินผ่านชั้นหนังสือไปหลายชั้นและไปถึงมุมตะวันออกเฉียงใต้และมุ่งความสนใจไปที่หนังสือชื่อ ประวัติศาสตร์แห่งเปลวเพลิงที่ยิ่งใหญ่
ภาพหยุดนิ่งก่อนที่มันจะหายไป
เซิ่นเทียนเชื่อว่าหนังสือ ประวัติศาสตร์แห่งเปลวเพลิงที่ยิ่งใหญ่ มีความลับ
ส่วนใหญ่มันอาจเกี่ยวข้องกับรัศมีสีแดงบนหัวของฉินเกา
นี่อาจเป็นโอกาสโดยบังเอิญของ ฉินเกาซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของโชคชะตาของเขา ถ้าข้าจได้หนังสือเล่มนี้มาก่อนขันทีหนุ่ม โชคชะตาครั้งนี้จะเป็นของข้าใช่ไหม?
เซิ่นเทียนคิด เขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจที่จะทำเช่นนั้น มีเพียงผู้ที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดนั่นคือกฎในโลกแห่งการบ่มเพาะ ผลที่ตามมาอาจเลวร้ายหากคน ๆ หนึ่งไร้เดียงสาเกินไป
โอกาสนี้ไม่ใช่เหตุผลหลักที่เซิ่นเทียนกังวล เขาจำเป็นต้องหาทางเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง ถ้าไม่เช่นนั้นเขาต้องประสบกับความตายอย่างน่าอนาถแน่นอน!
…
“เจ้าสามารถออกไปได้แล้ว”
เซิ่นเทียนจากไปและรีบเดินไปที่ ห้องสมุดหลวง
ห้องสมุดหลวงแห่งอาณาจักรแห่งเพลิงตั้งอยู่ตรงกลางของพระราชวัง มีหนังสือหายากมากมายที่ถูกรวบรวมไว้อยู่ที่นั่น
โดยปกติหนังสือวิชาบ่มเพาะขั้นสูงจะถูกเก็บไว้ที่พื้นที่หลักของห้องสมุดและได้รับการดูแลอย่างดีจากผู้ที่ทักษะชั้นเลิศ
หากไม่มี เหรียญแห่งเพลิง แม้แต่องค์ชายอย่างเซิ่นเทียนก็ไม่สามารถเข้าถึงหนังสือเหล่านั้นได้
โชคดีที่ ประวัติศาสตร์แห่งเปลวเพลิงที่ยิ่งใหญ่นี้เป็นเพียงหนังสือประวัติศาสตร์ทั่วไป
เซิ่นเทียนนึกถึงเส้นทางตามภาพและพบหนังสือเล่มนี้อย่างรวดเร็ว
หนังสือเล่มนี้หนาประมาณ 10 ซม. และดูเก่าและเต็มไปด้วยฝุ่น เมื่อเทียบกับหนังสืออีกหลายพันเล่มมันไม่ได้เป็นที่สะดุดตา อย่างไรก็ตาม เซิ่นเทียนเชื่อมั่นว่ามันมีความลับบางอย่าง
ตอนนี้ข้ามีหนังสือแล้วดังนั้นโชคของข้าควรจะเปลี่ยนแปลงไป
เซิ่นเทียนหยิบกระจกออกมาจากกระเป๋าเสื้อและดู เขาหล่อเหมือนเดิม
รัศมีของเขาก็เช่นกัน!
เซิ่นเทียนรู้สึกผิดหวัง
ดังนั้นการมีหนังสือเล่มนี้ไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา? ข้าต้องหาเบาะแสจากหนังสือเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของข้า?
เซิ่นเทียนยืมหนังสืออย่างรวดเร็วและออกจากห้องสมุดหลวง
…
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เซิ่นเทียนก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม กิจกรรมต่างๆของเขามีศูนย์กลางอยู่ที่รอบเตียงและเขาไม่ได้ออกจากห้องเลย
มันสิ่งที่น่าเจ็บปวดของเซิ่นเทียนเพราะเขาไม่สามารถหาประโยชน์อะไรจากมันได้ หนังสือเล่มนี้น่าเบื่อมาก ไม่มีภาพไม่มีอะไรน่าดึงดูดเลยและแม้แต่ประโยคก็รวบลัด
ไม่น่าแปลกใจที่มันจะถูกทิ้งไว้ที่มุมห้องเป็นเวลาหลายปี!
ถ้า เซิ่นเทียนไม่ได้เห็นภาพจากรัศมีของฉินเกา เขาจะไม่คิดหยิบมันขึ้นมาเลย
เป็นไปได้ไหมที่ข้าจะโชคร้ายเกินไปที่จะพบความลับในหนังสือเล่มนี้?
นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย!
“ ฝ่าบาท ท่านอยู่ในห้องสามวันแล้ว!” ขันทีกุ้ยกังวลมากเกี่ยวกับเซิ่นเทียน “ ท่านอ่านหนังสือเล่มนี้หลายครั้งแล้ว ท่านอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกไหม”
เซิ่นเทียนส่ายหัว ไม่มีทางที่เขาจะออกจากวังโดยยังไม่รู้ความลับของหนังสือเล่มนี้
ด้วยความโชคดีในปัจจุบันของเขาเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะทำหนังสือเล่มนี้หายไป หลังจากที่มันถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีใครดูแล
เขาไม่กล้าเสี่ยง!
หลังจากผ่านไปสามชั่วโมง…
เซิ่นเทียนอ่าน ประวัติศาสตร์แห่งเปลวเพลิงที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง นอกเหนือจากเนื้อหาที่น่าเบื่อมากขึ้นแล้ว เซิ่นเทียนยังไม่พบสิ่งอื่นใด
ในที่สุด เซิ่นเทียนก็เหนื่อยล้าและยอมแพ้ต่อชะตากรรมที่โชคร้ายของเขา
บางทีข้าควรจะให้คนอื่นอ่าน?
“ ลุงกุ่ยมาดูหนังสือเล่มนี้” เซิ่นเทียนส่งหนังสือให้ขันทีกุ้ย “ ข้ามีความรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้จะให้โอกาสข้าในการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของข้า”
“ มีโอกาสที่ดีในหนังสือเล่มนี้ไหม”
ขันทีกุ้ยไม่เชื่อ แม้ว่าเขาจะเคารพและไว้วางใจองค์ชาย 13 แต่เขาก็รู้ดีว่าองค์ชายของเขา“ โชคดี” แค่ไหน
องค์ชายยืมหนังสือสุ่มจากห้องสมุดหลวงและมันมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่? ใช่แน่นอน.
“ ฝ่าบาท ถ้าท่านพูดอย่างนั้นข้าจะลองดู!”
ขันทีกุ้ยไม่เชื่อว่าเขาจะพบสิ่งที่เป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตามขันทีกุ้ยเชื่อฟังและเริ่มอ่านหนังสืออย่างระมัดระวัง
ในไม่ช้าขันทีกุ้ยก็ประหลาดใจ “ ว้าว มีบางอย่างอยู่ในหนังสือเล่มนี้จริงๆ”
เซิ่นเทียนพูดไม่ออก เขาไม่แน่ใจว่าควรจะรู้สึกดีใจหรือผิดหวัง เขาใช้เวลาหลายวันในการค้นคว้าหนังสือเล่มนี้และไม่พบอะไรที่คุ้มค่าเลย
ขันทีกุ้ยอ่านเพียงไม่กี่นาทีและเขาก็หามันเจอ?
จริงจัง!?