ลุงกุ้ยไม่กล้าชักช้า รีบนำหินวิญญาณออกจากแหวนจักรวาลและส่งให้ เซิ่นเทียน
เซิ่นเทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ฝึกจามศาสตร์ซินหัวและเริ่มดูดซับหลิงฉีอย่างเมามัน
เซิ่นเทียน ไม่เคยกล้าที่จะบ้าขนาดนี้หากเป็นวิธีการฝึกแบบกลั่นฉีแก่นทองคำ
การดูดกลืนหลิงฉีที่ไม่บริสุทธิ์เข้าไปเป็นจำนวนมากมาย ก็ไม่ต่างจากการแสวงหาทางตัน
อย่างไรก็ตาม การกลั่นกายาเทพปีศาจนั้นแตกต่างกัน และหลิงฉีที่ เซิ่นเทียน ดูดซับไม่ได้ไปที่ตันเถียนเลย
แต่มันถูกดูดเข้าไปในกล้ามเนื้อทั่วร่างกายของ เซิ่นเทียน อย่างต่อเนื่องหลังจากการหายใจของ เซิ่นเทียน
กล้ามเนื้อของเซิ่นเทียนราวกับถูกหลอมเป็นเหล็กกล้า
กล้ามเนื้อของ เซิ่นเทียน ยังดูดซับหลิงฉีจำนวนมากหลังจากแช่ตัวด้วยยา
เซิ่นเทียน รู้สึกถึงพลังทั่วร่างกายที่กำลังพลุ่งพล่าน
ทุกเซลล์ในร่างส่งเสียงตื่นเต้น เจ็บปวด และมีความสุข
เขาเข้าใจดีว่าเขาเข้าใกล้ระดับต่อไปมากขึ้นเรื่อยๆ!
การกระตุ้นที่รุนแรงทำให้เขารู้สึกชื่นใจ
สิ่งสกปรกเถูกขับออกทางเหงื่อ
ร่างกายของ เซิ่นเทียน อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลง ละความรู้สึกก็แปลกมาก
แท้จริงแล้วความรู้สึกของการฝึกฝนเป็นเช่นนี้ไม่น่าแปลกใจที่มีผู้ฝึกตนมากมาย!
…
100 หินวิญญาณ!
200 หินจิตวิญญาณ!
300 หินวิญญาณ!
400 หินวิญญาณ!
500 หินวิญญาณ!
ต้องใช้หินวิญญาณจำนวน 500 ชิ้นเต็มเพื่อทำให้อารมณ์ดีขึ้นตลอดทั้งคืน
ดวงจันทร์ร่วงหและในที่สุด เซิ่นเทียน ก็รู้สึกโล่งใจไปหมดแล้ว
คอขวดถูกทำลายและร่างกายของเขาเข้าสู่ขอบเขตใหม่
กลั่นกายาขั้นที่ 1!
เขาค่อยๆ บีบกำปั้น เขารู้สึกถึงพละกำลังที่มากล้น
ว้าว!
เซิ่นเทียน ลุกขึ้นจากถังไม้ และยาในถังเปลี่ยนเป็นสีเขียวซีด
เห็นได้ชัดว่าประสิทธิภาพของยาถูกดูดซึมไปแล้ว 7หรือ 8 ส่วน
…
“ลุงกุ้ย เตรียมรับมือ!”
เซิ่นเทียน หัวเราะอย่างมีความสุขและชกไปที่ขันทีกุ้ยที่อยู่ข้างเขา
เมื่อเซิ่นเทียนเหวี่ยงหมัดออกไปบังเกิดกระแสลมจำนวนมากในบริเวณนั้นทันที
บูม!
ขันทีกุ้ยรับหมัดของ เซิ่นเทียน ด้วยฝ่ามือขวาก่อนคลายมืออกอย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากสีหน้าที่ตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าพลังหมัดนี้เกินความคาดหมายของเขา
“หมัดของท่านทรงพลังมาก” ขันทีกุ้ยถอนหายใจ “สมกับเป็นการกลั่นกายาเทพปีศาจ อยู่ยงคงกระพันในการต่อสู้ระยะประชิด!”
เซิ่นเทียน ยิ้มและพูดว่า “เป็นยังไงบ้าง ลุงกุ้ย?”
ขันทีกุ้ยพยักหน้าและปรบมือ: “พลังหมัดเกือบ 1,000 จิน เทียบได้กับกลั่นฉีขั้นที่ 4 หากฝ่าบาทเผชิญหน้ากับกลั่นฉีขั้นที่ 1 ฝ่าบาทคงจัดการได้ทันที”
แม้ว่าการการกลั่นฉีแก่นทองคำ สามารถปลดปล่อยปราณออกมาได้และระยะโจมตีนั้นกว้างกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนกายาเทพปีศาจใช้ทรัพยากรมากกว่า 10 เท่า และโดยทั่วไปแล้วในระดับเดียวกันจะแข็งแกร่งกว่า
เว้นแต่จะเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้าในระบบแก่นทองคำถึงจะสามารถต่อสู้กับเขาได้
ในเวลานี้ พลังการต่อสู้ของ เซิ่นเทียนเพียงพอที่จะบดขยี้กลั่นฉีขั้นที่1ให้นอนจมตีนของเขา
”ดูเหมือนว่า “วิชาการกลั่นกายาเทพปีศาจเพลิง” นี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่ข้าคิด
(薪火神魔炼体术 วิชาการกลั่นกายาเทพปีศาจเพลิง) ( 薪火炼体术 วิชากลั่นกายาเพลิง)
(ผู่เขียนน่าจะเปลี่ยนชื่อวิชา)
มุมปากของ เซิ่นเทียน ยกขึ้นเล็กน้อย หนังสือราคา 5 เหรียญเล่มนี้ค่อนข้างดี
แต่มันโผลาญเงินมากเกินไป
หินวิญญาณ 500 ก้อน บวกกับอ่างยาราคาแพงเหล่านั้น มูลค่ารวมประมาณ 800 หินวิญญาณ
ต้องใช้หินวิญญาณทั้งหมด 800 ก้อนเพื่อเข้าสู่ขอบเขตกลั่นกายาขั้นที่1
หากเป็นระบบกลั่นฉีแก่นทองคำมันเพียงพอที่จะไปถึงกลั่นฉีขั้นที่ 9!
โดยธรรมชาติแล้ว ด้วยค่าใช้จ่ายมากกว่าสิบเท่า การเอาชนะเพื่อนระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดายจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
“ข้าไม่รู้ว่าทรัพยากรที่คนอื่นต้องใช้ในการฝึกการกลั่นกายาเทพปีศาจนั้นมากเหมือนข้าหรือเปล่า”
“น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ฝึกกายาเทพปีศาจในวัง”
เซิ่นเทียน ส่ายหัวแอบถอนหายใจ
หากเขาไม่ทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญแร่ เขาคงไม่สามารถฝึกการกลั่นกายาเทพปีศาจได้
กลั่นกายาเพลิงและเงิน
ใช่มันคือเงินนนนน!
…
“ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าจะสามารถฝึกการกลั่นกายาเทพปีศาจได้”
“ฝ่าบาทต้องฝึกมันชั่วคราว!”
เซิ่นเทียน ทำให้ร่างกายของเขาแห้งและสวมเสื้อใหม่
ร่างกายที่เดิมดูเหมือนจะค่อนข้างผอม ตอนนี้มันสูงและกำยำขึ้นมาก
โครงร่างทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูสูงขึ้นไปอีก
แม้เขาไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ เซิ่นเทียน ก็ไม่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้า
ตรงกันข้าม เขาเต็มไปด้วยกำลัง
“ใกล้จะรุ่งสางแล้ว ออกไปหาอะไรกินกันเถอะ!”
เซิ่นเทียน หยิบป้ายขึ้นมาและกำลังจะออกไป
ทันใดนั้น ก็มีเสียงอุทานดังมาจากห้องพักข้างๆ
”ช่วยด้วย!”
ทันทีที่เสียงดังขึ้น ก็มีคนทุบหน้าต่างแตก
เขาวิ่งในคืนสลัว ขึ้น ๆ ลง ๆ ซิกแซก หนีออกไป
มีผู้หญิงคนหนึ่งบนไหล่ของชายคนนั้น
…
“นั่นมันแม่นางหลิงเอ๋อ!”
สีหน้าของขันทีกุ้ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย: “ฝ่าบาท เราจะไล่ตามไปไหม?”
การแสดงออกของ เซิ่นเทียนเปลี่ยนไปและเขาก็รีบพูด “ไป!”
ขันทีกุ้ยยิ้ม ฝ่าบาทยังคงชอบเสี่ยวหลิงเซียน
ตอนนี้เสี่ยวหลิงเซียนกำลังตกอยู่ในอันตรายและเขาก็ซ่อนมันไว้ไม่ได้!
สำหรับคนที่ลักพาตัวเสี่ยวหลิงเซียนออกไป ขันทีกุ้ยไม่กังวล
เพราะจากการสังเกตของเขา โจรคนนั้นอยู่เพียงขอบเขตกลั่นฉีขั้นที่ 8
ขันที กุ้ยผู้ฝึกฝน “ตำราปีศาจแห่งสุริยัน” เขามั่นใจที่จะจัดการมันลงได้!
เมื่อเสี่ยวหลิงเซียนตกอยู่ในอันตราย เขาจึงสามารถตรวจสอบหัวใจฝ่าบาทได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ขันทีกุ้ยก็รีบตามเซิ่นเทียนไป
…
เซิ่นเทียน ไม่รู้ว่า ขันทีกุ้ยกำลังคิดอะไรอยู่
เหตุผลที่เขากังวลตอนนี้ไม่ใช่เพราะเขาชอบหลิงเซียน
ในศตวรรษที่ 21 ผู้คนได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยค่านิยมหลักของสังคมนิยม
และเซิ่นเทียนเป็นคนดีและกล้าหาญ
ที่จริงแล้วที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงเรื่องไร้สาระเท่านั้น
เหตุผลที่แท้จริงของ เซิ่นเทียน คือเขาเห็นภาพอยู่เหนือหัวเสี่ยวหลิงเซียน
ใช่แล้ว. ตอนแรกมันไม่มีภาพอะไรเลย
แต่ในระหว่างที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ฉากแห่งโชคชะตาก็ปรากฏขึ้นบนหัวของเสี่ยวหลิงเซียน
นี้มันแสดงให้เห็นอะไร?
มันแสดงให้เห็นว่า การที่นางถูกลักพาตัวในครั้งนี้ นางจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ
ตรงกันข้าม นางอาจเจอโชคที่ยิ่งใหญ่!
…
โอกาสของผู้ในสีแดง เซิ่นเทียน พบเพียงสองครั้งเท่านั้น
ครั้งหนึ่งคือ “ปีศาจแห่งสุริยัน” ของฉินเกาซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมรดกสูงสุดของวงการขันที
และอีกครั้งหนึ่ง เป็นน้ำเต้าเซียนเจ็ดสมบัติของหลี่เหลียนเอ๋อ ที่อ้างว่าสามารถปกป้องนิกายได้หลายชั่วอายุคน
ที่สำคัญกว่านั้นคือโอกาสทั้งสองนี้ได้สลายโชคร้ายเหนือหัวของ เซิ่นเทียน ออกไปเป็นจำนวนมาก
ตามการประเมินของ เซิ่นเทียน โอกาสระดับนี้หากเขาเจออีก1หรือ2ครั้ง
เมื่อถึงตอนนั้น ความโชคร้ายของเขาจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และในที่สุดเขาก็สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้!
เซิ่นเทียนรู้สึกเบิกบานใจเมื่อคิดว่าเขาจะไม่ตายจากเหตุการณ์ที่บังเอิญและโชคไม่ดี ดังนั้น เขาจึงต้องเข้าไปพัวพันกับโอกาสโดยบังเอิญของเสี่ยวหลิงเซีย!
*******
เมื่อขันทีกุ้ยเร่งความเร็ว เซิ่นก็ได้ยินเสียงลมหวีดข้างหูเขา
พวกเขากำลังเข้าใกล้ร่างที่ลักพาตัวเสี่ยวหลิงเซียนมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดที่ขอบหน้าผาทางตะวันออกของสวนว่านหลิง ขันทีกุ้ยตามเขาทัน
เป็นชายสวมชุดคลุมสีดำ มีแสงเย็นวาวในดวงตาของเขา
“โจรร้าย ปล่อยเสี่ยวหลิงเอ๋อซะ!”
ขันทีกุ้ยสูดลมหายใจอย่างเย็นชาและหยุดอยู่ตรงหน้าชายผู้นั้น
กระบี่อ่อนสีม่วงที่เอวของเขาถูกดึงออกจากฝักทันที ส่องประกาแสงเย็นจางๆ
นี่คือสิ่งที่ถูกซื้อด้วยหินวิญญาณ 100 ก้อนของเซิ่นเทียน ซึ่งเป็นอาวุธที่ถูกเลือกมาเป็นพิเศษ ชื่อของมันคือ กระบี่อ่อนขนนกสีม่วง
กระบี่เล่มนี้สามารถงอได้อย่างประหลาดและคาดเดาทิศทางการโจมตีไม่ได้
กระบี่อ่อนชนิดนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับขันทีกุ้ยก่อนที่จะทะลุผ่านไปยังขอบเขตสร้างฐานราก
อาจกล่าวได้ว่าเมื่อกระบี่เล่มนี้อยู่ในมือขันทีกุ้ยเขาแทบไร้คู่ต่อสู้ภายใต้ขอบเขตกลั่นฉี
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับขันทีกุ้ย ชายชุดดำดูสงบมาก และดูถูกเหยียดหยาม
เขาตั้งใจโยนเสี่ยวหลิงเซี่ยน ออกไปด้านข้าง เขามองไปที่ เซิ่นเทียน และยิ้ม
”ฮ่าๆ วีรบุรุษช่วยสาวงาม เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้”
“เซิ่นโอวเทียน เจ้าตามข้ามาจริงๆด้วย!”