คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย – ตอนที่ 120 เปิดหูเปิดตาดูเหตุการณ์ในสังคม

ตอนจินเฟยเหยามาถึงท่าเรือ เสี่ยวหมางยังรอนางอยู่ที่ท่าเรือ เพียงแต่เพื่อแบ่งเวลารับแขก เรือปลาทองเหล่านั้นล้วนมีการแบ่งกะกลางวันและกลางคืน เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวหมางเป็นกะกลางวัน ยามนี้กำลังอธิบายกับเรือปลาทองรอบด้าน แสดงตัวว่าตนเองกำลังรอคอยลูกค้าของตอนกลางวัน ไม่ได้มาแย่งชิงการค้า

นางรู้สึกละอายใจที่ทำให้คนอื่นรออยู่นาน จินเฟยเหยาจึงรีบเดินเข้าไปหา และตะโกนเสียงดัง “เสี่ยวหมาง ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เจ้าต้องรอนานขนาดนี้ ข้ามาช้าไป”

“อา ท่านเซียน เกรงใจไปแล้ว ข้าไม่ได้รอนานนัก” เสี่ยวหมางเห็นว่าในที่สุดจินเฟยเหยาก็มาจึงโล่งอก ไม่เช่นนั้นต้องถูกคนถือว่าแย่งชิงการค้าแน่ ส่วนคนเรือรอบด้าน พอเห็นว่าเสี่ยวหมางกำลังรอคนอยู่จริงๆ อีกทั้งคนที่นางรอยังเป็นผู้บำเพ็ญเซียนก็หุบปาก

เพื่อแสดงความขอโทษ จินเฟยเหยาจึงจ่ายศิลาวิญญาณห้าสิบก้อนให้เสี่ยวหมาง ทั้งยังจดป้ายไม้ไผ่ของเรือปลาทองเสี่ยวหมางไว้ ต่อไปจะเช่าเรือ ขอเพียงใช้นกถ่ายทอดเสียงไปหานางก็พอ วันนี้เสี่ยวหมางมีรายได้ดีอย่างยิ่ง นางฉุดดึงเด็กชายคนหนึ่งมาบนท่าเรือแล้วเอ่ยกับจินเฟยเหยา “ท่านเซียน เขาคือบุตรชายของสหายข้า มาส่งแผนที่โดยเฉพาะ”

เด็กชายที่ผอมดำคนนี้อายุประมาณสิบขวบ ลืมดวงตาเป็นประกาย เอ่ยกับจินเฟยเหยาอย่างปลอดโปร่ง “สวัสดีขอรับท่านเซียน ข้านำแผนที่มา เชิญท่านผ่านตา”

เอ่ยแล้วเขาก็เปิดห่อของในมือออก นำกระจกขนาดเท่าฝ่ามือชิ้นหนึ่งออกมาจากด้านใน ยังไม่พอเขายังเอ่ยว่า “ท่านเซียนลองดูก็จะรู้ แผนที่ของตระกูลเราคุณภาพดีเลิศ บันทึกเยอะทั้งยังละเอียด ผู้บำเพ็ญเซียนส่วนมากล้วนใช้แผนที่ของตระกูลเรา”

“ตระกูลของเจ้ามีคนเป็นผู้บำเพ็ญเซียน?” จินเฟยเหยารับกระจกชิ้นนี้มา ใช้กระจกบันทึกแผนที่ มีเพียงผู้บำเพ็ญเซียนเท่านั้นที่ทำได้

เด็กชายเชิดหน้า เอ่ยอย่างภาคภูมิ “ท่านพ่อของข้าก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียน ต่อไปข้าก็จะเป็นผู้บำเพ็ญเซียนด้วย”

จินเฟยเหยาใช้การรับรู้กวาดดูเด็กชายเบาๆ พบว่ามีพลังวิญญาณจริงๆ อีกทั้งยังมีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นฝึกปราณเบื้องต้น เพียงแต่น่าเสียดายที่เป็นพลังวิญญาณเทียม พลังวิญญาณเช่นนี้ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีทางฝึกบำเพ็ญในโลกหนานซานได้ นางเก็บการรับรู้กลับมาตรวจดูแผนที่ในมือ เอ่ยถามตามสบายว่า “ท่านพ่อของเจ้ามีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นใด?”

“ขั้นฝึกปราณช่วงปลาย คุณสมบัติของข้าเหมือนกับท่านพ่อ แต่ตอนนี้ข้าอยู่ขั้นฝึกปราณเบื้องต้นแล้ว เร็วกว่าท่านพ่อห้าปี ต่อไปต้องล้ำหน้าพลังการบำเพ็ญเพียรของท่านพ่อแน่นอน” เด็กชายตอบอย่างตื่นเต้น

ได้ยินคำพูดของเขา ทำให้จินเฟยเหยาสนใจโลกระดับวิญญาณยิ่งขึ้น คิดไม่ถึงว่าพลังวิญญาณเทียมจะฝึกบำเพ็ญถึงขั้นฝึกปราณช่วงปลายได้ ในโลกระดับวิญญาณไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ท่าทางโลกระดับวิญญาณแห่งนี้ มีสิ่งของมากมายที่โลกระดับดินไม่มี แม้แต่คนที่มีพลังวิญญาณเทียมก็สามารถฝึกบำเพ็ญได้ คุณสมบัติของตนเองไม่ถือว่าดีแต่ก็ไม่แย่ คาดว่าอยู่ที่นี่จะฝึกบำเพ็ญได้เร็วขึ้น

จินเฟยเหยามองแผนที่กระจกชิ้นนี้ จึงพบว่าเมืองวั่นเซียนสุ่ยอยู่ริมทะเล ทะเลสาบแห่งนี้เชื่อมต่อกับปากอ่าว ดูตามสบายครู่หนึ่ง จึงถอยการรับรู้ออกจากแผนที่กระจก สิ่งนี้ต่อไปค่อยๆ ครุ่นคิด

จ่ายศิลาวิญญาณให้เด็กชาย ขณะที่เขากำลังเอ่ยขอบคุณ นางก็นำพวกพั่งจื่อเดินกลับไปที่เขตการค้าบนเกาะอีกครั้ง

ไม่เหมือนการรีบเดินรีบดูก่อนหน้านี้ ครั้งนี้เข้าไปเดินวนในแต่ละร้านหนึ่งรอบ นางอยากซื้อถุงเฉียนคุนที่สุด ในร้านหลอมสร้างสิ่งของทุกร้านล้วนมีขาย ราคาไม่ถือว่าแพงมาก ถุงละหนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณชั้นล่าง กระเป๋าเก็บของที่ถูกเรียกว่ากระเป๋าเงินเล็กๆ ก็แขวนอยู่ในตู้ ศิลาวิญญาณชั้นล่างเพียงสิบก้อนก็ซื้อได้ใบหนึ่งแล้ว อีกทั้งฝีมือการทำยังงดงามกว่าพวกถุงในตัวจินเฟยเหยาเสียอีก แต่ละชิ้นเย็บปักอย่างประณีต งดงามน่ารัก

ข้างถุงเฉียนคุนเหล่านั้น นางยังเห็นของวิเศษเก็บของอื่นๆ จำนวนไม่น้อย มีขวดหยกขวดเล็กๆ พันด้วยสีสันสดใส แขวนไว้บนเอวสามารถประดับและเก็บของได้ ยังมีรูปเครื่องประดับศีรษะจำนวนมาก กำไล แหวน หรือสร้อยข้อมือล้วนมีหมด มีรูปแบบสวยๆ หลากชนิด จินเฟยเหยามองดูจนคันในหัวใจ จ่ายเงินซื้อกำไลและแหวนอย่างละชิ้นอย่างใจป้ำ

ไม่รู้ว่ากำไลทำขึ้นจากวัสดุใด เหมือนเงินนิดหน่อย ด้านบนฝังหินผลึกสีเขียว ลักษณะงดงามยิ่งทั้งยังไม่จุกจิกเกินไป ส่วนวัสดุของแหวนก็เหมือนกำไล เป็นสีเงินและฝังผลึกสีเขียวเช่นเดียวกัน ดูเหมือนเป็นชุดกัน ยังมีชิ้นอื่นๆ ที่ฝังผลึกสีต่างๆ แต่แบบเข้ากันเป็นชุดสวยกว่า

สิ่งเก็บของสองชนิดนี้มีพื้นที่กว้างขวางยิ่ง ทั้งยังใหญ่กว่าถุงเฉียนคุนนิดหน่อย จินเฟยเหยารู้สึกว่าผู้บำเพ็ญเซียนที่นี่ช่างโชคดีจริงๆ ไม่ว่าสัตว์ที่ล่าจะมีขนาดใหญ่เพียงใด ก็สามารถนำไปได้โดยไม่เสียเวลาสักนิด

นางวนไปร้านอื่นๆ อีก ซื้อนกถ่ายทอดเสียงหนึ่งตัว นกที่มีขนาดเพียงนกหมาเชวี่ย[1]ชนิดนี้ เพียงให้มันกินก้อนน้ำตาล ก็จะช่วยเจ้าถ่ายทอดคำพูดโดยไม่ตกหล่น ปกติมันไปหาเมล็ดพืชในพุ่มไม้หรือผลไม้ป่ากินเองได้ เมืองวั่นเซียนสุ่ยล้วนใช้นกเล็กๆ ชนิดนี้แทนยันต์ถ่ายทอดเสียง เอ่ยถึงความสะดวกและสามารถใช้ได้จริงแล้ว แน่นอนว่าสู้ยันต์ถ่ายทอดเสียงไม่ได้ ทว่าแพงที่ความน่ารักของนก แม้แต่คนธรรมดายังเลี้ยงไว้ตัวหนึ่ง ถ้าไม่ซื้อก็แปลกแล้ว

ภายใต้คำแนะนำอย่างแข็งขันของพั่งจื่อ จินเฟยเหยาพาพวกมันมาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในร้านอาหารล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เพื่อไม่ให้เห็นท่าทางการกินน่าเกลียดเกินไป นางจึงขอห้องส่วนตัว ตอนอาหารขึ้นโต๊ะ ร้านยังให้กระดาษใบหนึ่งมาให้นางอ่านฆ่าเวลา

จินเฟยเหยาเปิดกระดาษขนาดสองฉื่อใบนี้เห็นบนนั้นเขียนบางอย่าง สถานที่ใดมีสัตว์ปิศาจขั้นสูงปรากฏตัวหรือข่าวสำนักใดถูกฆ่าล้างสำนัก ผังอาวุธมีชื่อสิบอันดับในโลกวิญญาณเป่ยเฉินตามลักษณะภายนอกและความแข็งแกร่ง ของวิเศษสิบชิ้นในโลกวิญญาณเป่ยเฉินเรียงลำดับอยู่ในนั้น

บนผังอาวุธมีชื่อนี้ ยังมีผังสงครามวิญญาณ ในนั้นมีชื่อของผู้บำเพ็ญเซียนสิบคน ทั้งยังจดสำนักไว้อย่างละเอียด

มองดูต่อไปจึงได้รู้ นี่คือผังสงครามวิญญาณแห่งโลกวิญญาณเป่ยเฉินโดยเฉพาะ หรือก็คือผังเทพสงคราม ขอเพียงสังหารผู้บำเพ็ญมารคนหนึ่งตาย ใช้โลหิตสดของเขาปาดเช็ดบนป้ายสงครามวิญญาณ ก้อนหินสงครามวิญญาณที่อยู่บนภูเขาสงครามวิญญาณก็จะจดบันทึกความดีใจการสู้รบไว้ ยิ่งสังหารมากลำดับก็จะยิ่งสูง กลายเป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องจากผู้บำเพ็ญเซียนในโลกวิญญาณเป่ยเฉิน

คิดไม่ถึงว่าโลกระดับดินไม่เคยมีคนเห็นเผ่ามาร ในโลกระดับวิญญาณถึงกับมีกิจกรรมเช่นนี้ เนื้อหาด้านในยังเอ่ยถึงผังสงครามโลหิตของเผ่ามาร คนเผ่ามารก็มีผังรายชื่อเช่นเดียวกัน ขอเพียงมีการเปลี่ยนแปลงผังรายชื่อ ก็จะประกาศต่อทั้งโลกได้ทุกเมื่อ

ในมุมเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีหนังสือแจ้ง ด้านในเพียงแค่เอ่ยถึงอย่างไม่ใส่ใจว่าโลกระดับดินมีโลกหนึ่งทำลายกฎเกณฑ์การแย่งชิงดินแดนอย่างสันติ เริ่มโจมตีโลกอื่นๆ ตอนนี้วุ่นวายยิ่ง

ที่แท้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องที่โลกหนานซานเผชิญกับการรุกรานของโลกเซียวไท่ แม้แต่โลกระดับดินอื่นๆ เริ่มระเบิดการรุกรานอย่างมโหฬาร จากนั้นตอนจบรายงาน คนที่เขียนเรื่องนี้ ยังเอ่ยอีกประโยคว่า ยามนี้สงครามยังเล็กเกินไป ระดับที่เกี่ยวข้องยังไม่แข็งแกร่งมากพอ แม้แต่บ่อนพนันทั้งหมดยังไม่เปิดให้ลงเดิมพัน บ่อนพนัน จินเฟยเหยาหมดวาจากับโลกระดับวิญญาณจริงๆ ยังคิดจะลงเดิมพันสงครามของโลกระดับดินอีก ทว่าเนื่องจากสงครามไม่ใหญ่โต แม้แต่บ่อนพนันก็เปิดเดิมพันไม่ได้

เดิมทียังคิดจะดูว่าสภาพของโลกหนานซานในตอนนี้เป็นอย่างไร คิดไม่ถึงว่าผู้อื่นจะรังเกียจเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยจึงไม่มีเนื้อหาเอ่ยถึง กลับเขียนเรื่องผู้บำเพ็ญเซียนสตรีขั้นหลอมรวมสองคนในสำนักใหญ่อันดับห้าของโลกวิญญาณเป่ยเฉิน สุ่ยเยวี่ยต้งเทียน ต่อสู้ชิงรักหักสวาทอย่างรุนแรงบนภูเขาอู๋อิ่งเพื่อตู้จื่อมู่ซึ่งเป็นบุคคลอันดับที่แปดบนผังสงครามวิญญาณเสียมากมาย

สำหรับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เช่นนี้กลับยึดครองพื้นที่กว่าครึ่งบนแผ่นกระดาษที่บอกไม่ถูกแผ่นนี้ ผู้เขียนบรรยายตั้งแต่รูปร่างหน้าตา ชื่อแซ่ ไปจนถึงชุดที่สวมใส่ในตอนนั้นของสตรีทั้งสองนางอย่างชัดเจนราวกับเห็นด้วยตาตนเอง ทั้งยังเป็นเรื่องรักสามเส้าชิ้นเอกที่เขียนบรรยายว่าสตรีทั้งสองนางต่อสู้กันอย่างไร หลังตู้จื่อมู่ปรากฎกายขึ้นอุ้มสาวงามคนหนึ่งจากไป อีกคนเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ลงมือกับตู้จื่อมู่ จนถูกตู้จื่อมู่ทุบตีอีกครั้ง

จินเฟยเหยาเห็นสิ่งของแปลกใหม่เช่นนี้เป็นครั้งแรก อ่านรายละเอียดอย่างออกรสออกชาติ ขนาดขึ้นโต๊ะแล้วก็ลืมสนิท หลังอ่านเนื้อหาทั้งหมดจบ นางรู้สึกยังไม่สาสมใจ เรียกผู้รับใช้ของร้านอาหารแห่งนี้มา สอบถามว่าของสิ่งนี้คืออะไร

ผู้รับใช้รับศิลาวิญญาณชั้นล่างก้อนหนึ่งเป็นรางวัล เอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง “นี่คือซื่อเต้าจิง[2] ทุกครึ่งเดือนออกหนึ่งฉบับ สามารถหาซื้อได้บนถนนทั่วไป หรือสามารถให้นกถ่ายทอดเสียงไปจองล่วงหน้ากับคนของซื่อเต้าจิง ขอเพียงซื่อเต้าจิงออกก็จะส่งไปที่เกาะซึ่งท่านเซียนอาศัยอยู่ทันที”

จินเฟยเหยาได้ยินคำพูดนี้ จึงรีบนำนกถ่ายทอดเสียงออกมา คิดไม่ถึงว่านกชนิดนี้จะสามารถหาคนได้ ท่าทางคนขายนกจะฝึกฝนนกถ่ายทอดเสียงมาเป็นอย่างดี ในเมืองวั่นเซียนสุ่ยแห่งนี้เรียกได้ว่าสะดวกที่สุด ให้มันกินก้อนน้ำตาลที่หยิบมาตอนซื้อนกหนึ่งก้อน จินเฟยเหยาสั่งให้นกถ่ายทอดเสียงออกไปหาคนของซื่อเต้าจิง สั่งจองซื่อเต้าจิงบนเกาะเสี่ยวสือ นกถ่ายทอดเสียงร้องเสียงใสเบาๆ กระพือปีกบินออกนอกหน้าต่างไป ครู่หนึ่งก็คาบป้ายหยกชิ้นเล็กๆ กลับมา บนนั้นเขียนซื่อเต้าจิงสามอักษร

หยิบป้ายหยกเล็กๆ ชิ้นนี้ขึ้น จินเฟยเหยาใช้การรับรู้กวาดดูด้านใน เห็นบนนั้นเขียนเตือนว่า ขอเพียงแขวนป้ายหยกของซื่อเต้าจิงไว้ตรงประตูถ้ำเซียน จากนั้นใช้พลังวิญญาณกระตุ้นหนึ่งครั้ง คนของซื่อเต้าจิงจะส่งซื่อเต้าจิงมาถึงหน้าประตูทุกครึ่งเดือน ส่วนราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ซื่อเต้าจิงหนึ่งฉบับราคาหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณชั้นล่าง ดังนั้นทางที่ดีแขวนศิลาวิญญาณและป้ายหยกไว้ด้วยกันล่วงหน้า ตอนซื้อแต่ละครั้งจะได้จ่ายศิลาวิญญาณ และสามารถคำนวณเวลาด้วยตนเองแล้วจ่ายรวมในคราวเดียวได้

ถึงแม้จะแพงไปหน่อย แต่สำหรับสิ่งที่สามารถทำให้จินเฟยเหยาเข้าใจโลกวิญญาณเป่ยเฉินได้รวดเร็ว มีประโยชน์อย่างยิ่ง ซื่อเต้าจิงนอกจากเขียนเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของสำนักใหญ่เหล่านั้น ก็ยังเอ่ยถึงว่าสถานที่ใดเกิดเรื่องประหลาดอะไร แม้แต่สัตว์ปิศาจระดับสูงปรากฏตัวยังเอ่ยถึง มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเข้าใจสภาพภายในโลกนี้

รอจนนางเก็บป้ายหยกลงในแหวนบนมืออย่างพึงพอใจ จึงพบว่าอาหารบนโต๊ะถูกกวาดเกลี้ยงไปมากกว่าครึ่ง พวกพั่งจื่อไม่เกรงใจเลยสักนิด เห็นจิตใจนางไม่อยู่กับการกินอาหารจึงฉวยโอกาสกินอย่างบ้าคลั่ง จินเฟยเหยาเห็นพวกมันกินจนสำราญ ก็หัวเราะเสียงดัง

นางต้องยินดีแน่นอน จับพลัดจับผลูมาถึงโลกระดับวิญญาณ ปราณวิญญาณที่นี่มีเปี่ยมล้น มีสิ่งมีชีวิตหลากหลาย ขนาดพลังวิญญาณเทียมยังสามารถฝึกบำเพ็ญได้ ยังมีสถานที่ใดดีกว่าที่นี่อีก เพียงร้านยาในวันนี้ก็สามารถซื้อใบสั่งยาระดับสูงที่โลกหนานซานไม่มีขายได้อย่างราบรื่น ใบสั่งยาบางอย่างยิ่งไม่มีขายในโลกหนานซาน จึงรู้ว่าเส้นทางบำเพ็ญเซียนของตนเองราบรื่นเพียงใด

……………………………………

[1] นกหมาเชวี่ย คือ นกกระจอก

[2] ซื่อเต้าจิง หมายถึง ตำราเหตุการณ์ในสังคม

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายเวลาเช้าตรู่ บนเส้นทางอันยาวไกลของยอดเขาลั่วซี มีเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังแบกถังไม้ขนาดใหญ่สูงเจ็ดฉื่อ[1]เดินไปยังวังอวิ๋นเย่ที่สร้างอยู่กลางยอดเขาด้วยฝีเท้าเบาและรวดเร็ว นางอายุประมาณสิบสองสิบสามปี เกล้าผมเป็นมวยสาวน้อยคู่หนึ่ง บนมวยแต่ละอันมีแถบผ้าสีเขียวพันประดับ บนร่างสวมชุดศิษย์สายนอกสีเทาทั้งตัว บนเข่ามีรอยปะชุนแห่งหนึ่ง หน้าตางดงามน่ารัก รูปร่างพอเหมาะพอดี ทว่ากลับแบกถังไม้ที่สูงกว่านางสองเท่า ก้าวเดินบนบันไดศิลาดุจเหินบิน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset