พลันมีเสียงตวาดด้วยโทสะและเสียงต่อสู้กันดังมาจากที่ไกลๆ และเห็นของวิเศษกระทบกันเกิดประกายไฟแลบแปลบปลาบ
“เอ๋ สู้กันแล้ว ข้านี่โง่จริงๆ ตอนนี้มืดสนิท ข้าขจัดฤทธิ์ยันต์ซ่อนกายก็ไม่มีผู้ใดเห็น” จินเฟยเหยาตบศีรษะ รีบถอนฤทธิ์ยันต์ซ่อนกาย
นางมาตามหาคนและมาค้นหาสมบัติ ไม่ใช่มาเพื่อลอบสังหาร ทำตัวลึกลับและปกปิดขนาดนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์
ขจัดฤทธิ์ยันต์ซ่อนกายแล้ว นางก็ล้วงหินแสงราตรีออกมาชิ้นหนึ่งแล้ววิ่งไปอย่างเบิกบาน ด้านซ้ายมีเสียงต่อสู้กันดังเอะอะ พวกจินเฟยหยางสามคนต้องอยู่ตรงนั้นแน่ ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงวิ่งมาทางด้านขวา หยิบยืมแสงสว่างของหินแสงราตรี พบว่าเบื้องหน้ามีสิ่งก่อสร้างที่ถูกกลบฝังอยู่หลังหนึ่ง
“ข้ายังนึกว่าที่ฝังอยู่ใต้ดินคือสุสานของสตรีจอมมารหลง เพียงแต่เรียกให้น่าฟังหน่อยว่าคฤหาสน์อีกแห่ง เพียงแต่รสนิยมของคนเผ่ามารพวกนี้ก็แปลกประหลาด สร้างบ้านอยู่ใต้ดินทำไม ดูสิ ถูกดินปกคลุมไว้ครึ่งหนึ่งเลย”
คฤหาสน์อีกแห่งหนึ่งหลังนี้มีลักษณะของสิ่งก่อสร้างเผ่ามนุษย์อยู่บ้าง ทว่าเห็นเพียงชายคาปลายงอน[1] กำแพงมุมหนึ่ง แล้วก็ราวจับหยกขาวที่สลักสิงสาราสัตว์และนกนานาชนิดเผยออกมาให้เห็นด้านนอก สถานที่อื่นๆ ล้วนถูกกลบฝังอยู่ในดิน คิดจะหาสมบัติก็ต้องขุดดินออก
พวกจินเฟยหยางสามคนมีการเตรียมตัวมา ถุงลมใบนั้นก็คือเครื่องมืออย่างดี ผู้บำเพ็ญเซียนที่โง่เขลาเหล่านั้น ไม่รอให้พวกเขาเอาดินออกให้หมดก่อน ค่อยหยิบของวิเศษอย่างสะอาดเอี่ยม? รีบร้อนทำไม
จินเฟยเหยาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ใช้การรับรู้ค้นหาในดิน การรับรู้กวาดผ่านดินลงไปด้านล่าง เริ่มค้นหาสิ่งของที่มีปราณวิญญาณหรือไอมารทุกอย่าง รูปแบบสิ่งก่อสร้างของคฤหาสน์ทั้งหลังถูกส่งมาในสมองนาง
ใกล้เคียงกับสิ่งก่อสร้างของเผ่ามนุษย์จริงๆ น่าจะสร้างขึ้นแบบนี้โดยเฉพาะ ภูเขาจำลองและศาลาเล็กๆ รอบด้านก็ใช่ มีทางเดินรอบสระจำนวนมาก น่าเสียดายที่ถูกดินถมหมด
ของดีๆ น่าจะอยู่ในตัวบ้าน โดยเฉพาะสถานที่ซึ่งจอมมารหลงอาศัยอยู่ ที่นั่นน่าจะเป็นห้องที่ดีที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุด จินเฟยเหยาปีนขึ้นไปตามภูเขาดิน คิดจะหาห้องโถงประชุมที่ปกติบุคคลสำคัญชอบสร้าง เพื่อสยบสี่ทิศและแสดงความแข็งแกร่งของตนเอง คนว่างงานเหล่านั้นจึงจัดวางสิ่งของราคาแพงและมีความสำคัญไว้ที่นั่น
จินเฟยเหยาจุดหินแสงราตรีปีนขึ้นภูเขาดินแบบนี้ ซ่อนกายเสียยังดีกว่า ดังนั้นผู้บำเพ็ญเซียนที่ลงหลุมมาล้วนมองเห็นนาง ในใจของทุกคนเดือดดาล นี่ใครกัน ไม่รู้จักฎเกณฑ์เกินไปแล้ว เหตุใดจึงไปหาสมบัติก่อน ยังไม่ได้จัดการผู้บำเพ็ญมารเลย
“สหายเซียนทางด้านนั้น ขจัดผู้บำเพ็ญมารก่อนจึงเป็นธุระสำคัญ เจ้าจะหาประโยชน์ใส่ตัวก่อนคนเดียวได้อย่างไร!” มีผู้บำเพ็ญเซียนไม่พอใจ ส่งเสียงดังใส่จินเฟยเหยา
จินเฟยเหยาชะงักฝีเท้า นึกตำหนิในใจอย่างไม่พอใจ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย จินเฟยหยางจะเป็นผู้บำเพ็ญมารหรือไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ถึงจะไม่รู้ว่าเขาพบเรื่องโชคดีอะไรจึงสามารถบรรลุขั้นสร้างฐานช่วงปลาย ทั้งยังมาถึงโลกระดับวิญญาณได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามายุ่งเรื่องนี้
“สหายเซียนท่านนี้ ข้าได้ยินว่าพวกเจ้าเก็บกวาดจบแล้วมิใช่หรือ?” มีผู้บำเพ็ญเซียนผดุงคุณธรรมมากมายปานนี้อยู่ นางไม่กล้าบอกตรงๆ ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า
“นั่นเป็นพวกหลี่ว์ป้า ยังหาผู้บำเพ็ญมารไม่พบ ที่นี่มืดสนิท ทางที่ดีทุกคนอยู่รวมกันไว้จะปลอดภัยกว่า จะให้ผู้บำเพ็ญมารฉวยโอกาสไม่ได้” ทางด้านนั้นมีเสียงตะโกนดังมาอีก
จินเฟยเหยานับคร่าวๆ ดูเหมือนผู้บำเพ็ญเซียนทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่นี่จริงๆ นอกจากเพื่อป้องกันเผ่ามารสังหารทีละคน เป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดคือป้องกันไม่ให้คนไปช่วงชิงสิ่งของก่อน
ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงตะโกนเสียงดัง “สหายเซียนทุกท่านโปรดวางใจ ข้ายอมเสียสละความปลอดภัยของตนเองยืนอยู่บนที่สูงเพื่อเฝ้าระวังให้ทุกคน พวกเจ้าต้องอดทนไว้ ขอเพียงพบเงาร่างของผู้บำเพ็ญมาร ข้าจะแจ้งทุกท่านเป็นคนแรก ทุกท่าน ถ้าข้าประสบโชคร้าย พวกเจ้าต้องบอกอาจารย์ของข้านะ ว่าข้าไม่ได้ทำให้ท่านผู้เฒ่าเสียหน้า”
“อาจารย์ของเจ้า…” มีคนทนฟังต่อไม่ได้ กำลังคิดจะถามนาง ว่าอาจารย์เจ้าเป็นใคร! ก็ถูกจินเฟยเหยาเอ่ยเสียงเครียดตัดบทคำพูดของเขา
“สหายเซียนท่านนี้! เจ้าไม่ต้องเอ่ยโน้มน้าวแล้ว เพื่อถอนรากถอนโคนผู้บำเพ็ญมาร การเสียสละเล็กน้อยของข้าเป็นเรื่องสมควร ข้าจะไปล่อผู้บำเพ็ญมารมาเดี๋ยวนี้ หากยังมีชีวิตอยู่คงได้พบกันอีกครั้ง!” จินเฟยเหยาประสานมือคารวะทุกคนราวกับเห็นการตายดุจการกลับคืนสู่มาตุภูมิ จากนั้นเริ่มปีนขึ้นภูเขาดินอีกครั้ง ทันใดนั้น เบื้องหน้านางก็สว่างวาบ ขุดลงไปในดินแล้วใช้พลังวิญญาณดูด สิ่งของขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งถูกดูดออกมา
จากนั้นนางก็ใช้แขนเสื้อเช็ดดินด้านบนทิ้ง มองใต้แสงสว่างของหินแสงราตรี ที่แท้เป็นหยกแกสลักรูปสัตว์ปิศาจ มีน้ำหนักสิบกว่าชั่ง รูปสลักแผ่ปราณวิญญาณเย็นเยียบออกมา ท่าทางจะใช้แกะสลักวัตถุที่มีปราณวิญญาณ
ใส่หยกสลักชิ้นนี้ลงในกำไลข้อมือเฉียนคุน จินเฟยเหยาหันหน้ามาโบกมือตะโกนให้ผู้บำเพ็ญเซียนทางด้านล่างที่จ้องมองนางอยู่ตลอดเวลา “ทุกคนวางใจได้ ไม่ใช่สิ่งมีพิษ เป็นเพียงหินหยกที่ไม่มีราคา” ทักทายแล้วนางก็เริ่มใช้การรับรู้สำรวจบนกองดิน
เห็นจินเฟยเหยาแสดงละครพูดเองเออเอง ผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี นางพูดเสียถูกต้องชอบธรรม รู้ชัดๆ ว่าเป็นข้ออ้างที่นางใช้ค้นหาสมบัติ แต่ก็ยังทำให้คนหมดทางด่า ผู้อื่นกำลังเป็นเหยื่อล่อ คิดจะล่อลวงผู้บำเพ็ญมารออกมา ถ้าเจ้าไปขัดขวางนาง ด้วยฝีปากอันลื่นไหลของคนผู้นี้เกรงว่าจะพูดว่าเจ้าสมคบคิดกับผู้บำเพ็ญมาร ไม่เช่นนั้นทำไมตนเองต้องเสนอหน้าออกมา
ทุกคนร้อนใจดุจไฟลน มีโทสะจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ปกติไม่เคยพบเห็นคนกล้าทำเรื่องไร้ยางอายต่อหน้าคนมากมายแบบนี้มาก่อน ทุกคนแค้นจนกัดฟันกรอดๆ โดยเฉพาะไป๋เจี่ยนจู๋ เบื้องหน้าพลันปรากฏความทรงจำที่ทำให้คนเดือดดาลขึ้นทีละฉาก ทำให้เขาต้องกำหมัดแน่นจึงสามารถสะกดอารมณ์อยากพุ่งไปฟันผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้ให้ตายภายในใจได้
ยามนี้ในกลุ่มผู้บำเพ็ญเซียน พลันมีเสียงขัดเขินดังขึ้นอ่อยๆ “มีคนล่อผู้บำเพ็ญมารเพียงคนเดียว เกรงว่าประสิทธิผลจะย่ำแย่ ข้าจะไปช่วยเขาด้วย”
หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ ทุกคนหันหน้าไปมอง เป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่เพิ่งขั้นสร้างฐานช่วงต้นคนหนึ่ง เดิมทีหน้าตาอัปลักษณ์นิดหน่อย ยามนี้ยิ่งทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกขยะแขยงหน้าตาของเขา สายตากินคนแต่ละคู่ตกลงบนร่างของเขา
“ขอโทษด้วย” ผู้บำเพ็ญเซียนรูปร่างสูงใหญ่ข้างกายเขา ตบไหล่เขาอย่างขออภัย จากนั้นยกหมัดขึ้นต่อยใส่ขั้วหัวใจของเขาอย่างแรง หนึ่งหมัดนี้แฝงพลังวิญญาณ ทั้งแม่นยำทั้งรุนแรง แทบจะใช้ปราณวิญญาณดูดนมแม่ทั้งหมดออกมา
ผู้บำเพ็ญเซียนหน้าตาอัปลักษณ์คนนั้นร้องโหยหวน กุมทรวงอกล้มลงบนพื้น ภายใต้แสงสว่างของหินแสงราตรีเห็นได้ชัดว่าใบหน้าน่ากลัวเล็กน้อย
ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนรูปร่างสูงใหญ่ที่ต่อยเขา ประสานหมัดเอ่ยกับทุกคน “พวกเราจะให้ผู้บำเพ็ญเซียนไปรนหาที่ตายไม่ได้ ข้าไม่มีทางเลือก จึงได้แต่ใช้วิธีการเช่นนี้หยุดยั้งเขา หวังว่าทุกท่านอย่าได้สงสัย ทุกคนต้องร่วมกันต่อกรกับผู้บำเพ็ญมาร”
“เป็นธรรมดา พวกเราจะสงสัยสหายเซียนได้อย่างไร เจ้าทำได้ดีมาก ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามออกไปรนหาที่ตายอีก ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้น พวกเราก็ต้องหาวิธีช่วยเหลือเขากลับมา!” ทุกคนตอบรับพร้อมกัน
จินเฟยเหยาเข้าไปใกล้ห้องโถงหลักของคฤหาสน์ใต้ดินแล้ว หาเวลาเงยหน้าขึ้นมองผู้บำเพ็ญเซียนกลุ่มนั้น เห็นไป๋เจี่ยนจู๋ยืนอยู่ในกลุ่มคน นางรู้สึกอย่างจริงใจว่า “ผู้บำเพ็ญเซียนมากมาย ถ้าแต่ละคนเป็นเหมือนเขา โลกคงงดงามจริงๆ”
“ไม่รู้ว่าปู้จื้อโหยวแล่นไปที่ใดแล้ว เจ้าหมอนี่ซ่อนกายได้ คงตักตวงสิ่งของไปเป็นกองแล้วเสียแปดส่วน ข้ารวมแรงโทสะของคนเหล่านี้ไว้บนตัว คงสบายเจ้าหมอนั่นแล้ว ถ้าเขาตักตวงสิ่งของได้มากมาย อีกทั้งพวกเราก็ร่วมมือกัน น่าจะเอาสิ่งของทั้งหมดกลับไปด้วยกัน จากนั้นแบ่งเท่าๆ กัน” มุมปากของนางอดโค้งขึ้นไม่ได้ วางแผนเอาเปรียบปู้จื้อโหยว
จินเฟยเหยาพึมพำ ใช้การรับรู้กวาดดูด้านล่าง พบว่าในห้องโถงด้านล่างมีสิ่งของขนาดใหญ่ที่มีปราณวิญญาณชิ้นหนึ่ง อีกทั้งปราณวิญญาณยังเข้มข้นอย่างยิ่ง นางยินดี หรือว่านี่จะเป็นของวิเศษชั้นยอด?
ขอเพียงหยิบได้ของชิ้นนี้ ก็จะไปจากที่นี่ทันที ไม่ต้องการสิ่งของอื่นๆ แล้ว จินเฟยเหยาเรียกทงเทียนหรูอี้ออกมา แล้วกลายเป็นพลั่วสองเล่ม ขุดอย่างสุดชีวิต
พอผู้บำเพ็ญเซียนด้านล่างเห็นก็ส่งเสียงดังเอะอะ เห็นได้ชัดว่าต้องพบของวิเศษดีๆ แน่ ทุกคนต่างเกิดความคิดเช่นนี้ทันที
“ทุกท่าน ทุกคนไม่รู้สึกแปลกใจหรือ” มีคนอดเอ่ยขึ้นไม่ได้
ยามนี้ทุกคนล้วนจิตใจฟุ้งซ่าน พอได้ยินคนเอ่ยถามก็เอ่ยตอบทันที “สหายเซียนท่านนี้พบเห็นปัญหาอะไรหรือ?”
คนผู้นั้นจงใจทำท่าทางลึกลับ “ผู้บำเพ็ญมารสามคนนั้นลงมาด้านล่างก่อนพวกเรานานแล้ว ทว่าตอนนี้กลับไม่รู้ร่องรอย หลี่ว์ป้าก็ถูกพวกเราทุบจนสลบไป ยามนี้มีบุรุษผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เขากำลังหาสมบัติอยู่ตรงนั้น แต่พวกเรากลับยืนเฝ้ามองเขากำลังค้นหาสมบัติอย่างโง่งมอยู่ตรงนี้ นี่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”
“จริงด้วย ผู้บำเพ็ญมารไปไหน? จะปล่อยให้เขาค้นหาไปทั่วแบบนี้ได้อย่างไร ต่อให้เกรงกลัวพวกเราว่ามีคนมาก แต่พวกเราอยู่ไกลขนาดนี้ ถ้าลงมือ เขาคงตายไปนานแล้ว” จริงเสียด้วย ทุกคนไม่อยากมองดูจินเฟยเหยาหาสมบัติอยู่คนเดียว ทยอยกันเอ่ยคำถามที่ตนเองคิดไว้ดีแล้วออกมา
“จริงด้วย ตอนพวกเราล้อมโจมตีหลี่ว์ป้าตรงปากหลุม คนผู้นี้ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม เขาต้องเป็นผู้บำเพ็ญมารปลอมแปลงมาแน่ๆ ขอเพียงเจ้าพวกนั้นไม่ใช้พลังวิญญาณ ก็จะไม่มีไอมารรั่วไหลออกมาภายนอก พวกเราติดกับแล้ว!”
“ถูกต้อง! เจ้าหมอนี่คือผู้บำเพ็ญมาร ทุกคนติดกับแล้ว”
“กล้าหลอกพวกเรา ฆ่ามันเสีย!”
ทุกคนค่อยๆ เดือดดาล ในที่สุดก็หาข้ออ้างได้ ฉวยโอกาสนี้สังหารคนที่ทำลายกฎเกณฑ์ทิ้งเสีย
ที่จริงในใจของทุกคนล้วนรู้ดี ผู้อื่นกำลังควบคุมพลั่วสองเล่มขุดดินและใช้ปราณวิญญาณอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้สึกว่ามีไอมารรั่วไหลออกมาเลยสักนิด เพียงแต่เจ้าหมอนี่ค้นหาสมบัติคนเดียว และดูเหมือนจะหาของดีพบ ไม่มีใครยินยอมให้จินเฟยเหยาได้เปรียบ
มีเพียงพวกไป๋เจี่ยนจู๋สี่คนที่มองผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านั้นด้วยสายตาเย็นชา เฟิงอวิ๋นจู๋หัวเราะเบาๆ เอ่ยกับผู้บำเพ็ญเซียนที่ชื่อซิ่นเทียนทางด้านข้าง “ศิษย์น้องซิ่นเทียน ที่จริงผู้บำเพ็ญเซียนของโลกระดับวิญญาณญ ก็ไม่แตกต่างจากผู้บำเพ็ญเซียนของโลกระดับดินมากนัก ปกติเจ้ายกยอตนเองเกินไป เจ้าดูสภาพการณ์ตอนนี้สิ”
ซิ่นเทียนถอนหายใจอย่างท้อแท้ “ศิษย์พี่เฟิง มิใช่ทุกคนจะมีสิ่งของล้ำค่าจำนวนนับไม่ถ้วนในมือเหมือนอาจารย์อาจู๋ซวีอู๋ แม้แต่สิ่งของล้ำค่าเช่นไผ่วั่นคงที่ต้องรอหมื่นปีจึงจะมีสักต้น ศิษย์ตำหนักซวีชิงอย่างพวกเจ้าล้วนมีกันคนละกิ่ง”
“เหตุใดศิษย์น้องซิ่นเทียนจึงพูดเช่นนี้ พวกเจ้าเป็นศิษย์สายตรงของสำนักตงอวี้หวงนะ มีสิ่งของล้ำค่าในมือมากยิ่งกว่านี้อีก” เฟิงอวิ๋นจู๋หัวเราะเบาๆ
………………………………………
[1] เป็นลักษณะชายคาของสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่สืบทอดกันมา ที่ตรงมุมชายคาจะมีลักษณะเชิดขึ้น พบเห็นได้ตามศาลา หอ วัด เจดีย์ และตำหนักในวัง