คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย – ตอนที่ 64 สาวงาม

จินเฟยเหยาเข้าไปในอ่างมายาจิ่งเทียน พบว่ามดหนึ่งผลึกหายไป นางใช้การรับรู้ตรวจสอบโดยรอบแล้วพบว่าพวกมันถึงกับหยุดกินอาหาร ทั้งหมดหลบอยู่ในถ้ำที่ใช้น้ำลายและทรายสีดำสร้างขึ้นกำลังกระซิบกระซาบกันราวกับหารืออะไรอยู่

เจ้าพวกไม่ทำหน้าที่กลุ่มนี้ มีเวลาว่างมาซุบซิบกัน ก็รีบกินรีบถ่ายให้เร็วหน่อยดีกว่า ถ้าอย่างไรก็ให้กำเนิดลูกมดเล็กๆ หลายตัวให้ข้า จินเฟยเหยาพึมพำเดินเข้าไปในรั้ว

เห็นนางหยิบไม้กระดานและเสาจำนวนมากออกมาจากในกระเป๋าเก็บของ ยังมีตะปู ค้อน และเครื่องมืออื่นๆ เห็นท่าทางดูเหมือนคิดจะสร้างอะไรเอง

จริงเสียด้วย นางยกค้อนขึ้นก้มหน้าทำงาน ครั้งนี้กลับมิได้ทำสิ่งของยากๆ อีก ทว่าคิดจะปักเสาต้นใหญ่เท่าอ่างล้างหน้าสิบสองต้นลงในทรายสีดำ ใช้ทำเป็นฐานของหอเล็กๆ หลังจากสร้างฐานแล้ว นางก็นำหอน้อยที่ร้านช่างไม้ทำเสร็จออกมาจากในกระเป๋าเก็บของวางไว้บนทรายสีดำชั่วคราว

จินเฟยเหยาหยิบกระดานไม้กว้างเท่าฝ่ามือขึ้นมา ตอกไปบนกองไม้อย่างเป็นระเบียบ ครู่หนึ่งก็ปูพื้นไม้เสร็จ จากนั้นนางก็ค้นหาชั้นล่างของหอน้อยอย่างละเอียด ต้องดูให้ชัดเจน ถ้าหยิบผิดจะขายหน้า

ชั้นล่างของหอน้อยถูกนางตอกบนพื้นอย่างแน่นหนา จากนั้นก็นำชั้นบนตอกลงไปทีละห้อง ในไม่ช้าก็ประกอบหอน้อยทั้งหลังเสร็จ แล้วจัดวางเครื่องเรือนที่ซื้อมา หอน้อยทั้งหลังดูดีอย่างยิ่ง

“ฝีมือช่างร้านนี้ไม่เลวจริงๆ สร้างห้องได้งดงามมาก” จินเฟยเหยาเดินวนรอบหอน้อยหลายรอบ มองดูข้างนอกข้างในไม่หยุด

ชั้นหนึ่งมีห้องรับแขกเล็กๆ ยามนี้ยังมีกลิ่นหอมของไม้แผ่กำจาย แม้แต่ประตูก็สลักลวดลาย ด้านซ้ายมีห้องเล็กๆ บนกำแพงสามด้านทั้งหมดทำตัวเป๋าเก๋อ[1] จินเฟยเหยาวางขวดเคลือบสองใบที่บรรจุยาสร้างฐานไว้ด้านบนอย่างโอ้อวด ชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เก็บขวดเคลือบคืนลงในกระเป๋าเก็บของ วางไว้ที่นี่นางไม่วางใจ ผู้ใดจะรู้ว่าพั่งจื่อจะฟื้นขึ้นมากินหรือไม่

ด้านขวามีห้องเล็กกว่าหน่อย จินเฟยเหยาเตรียมใช้เป็นห้องหลอมยา  ขอเพียงสร้างฐานสำเร็จก็จะสามารถใช้เพลิงแท้หลอมยาได้ ต่อให้เป็นห้องที่สร้างจากไม้ก็คงไม่ถูกเผาเสียหาย แต่ถ้าเตาหลอมระเบิดก็ไม่แน่

เดินขึ้นบันไดในห้องรับแขกมาถึงชั้นบน มีดาดฟ้าซึ่งกินพื้นที่ว่างครึ่งหนึ่ง บริเวณที่เหลือสร้างเป็นห้องข้างสองห้อง ห้องของจินเฟยเหยามีเตียงและตู้ ยังมีโต๊ะเครื่องแป้งที่จำเป็นสำหรับสตรี เพียงแต่ตอนนี้กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง ถูกนางใช้ผ้าผืนหนึ่งคลุมไว้

ห้องติดกันเป็นห้องของพั่งจื่อ จินเฟยเหยาไปหาคนทำตะกร้าขนาดใหญ่ให้โดยเฉพาะ ด้านในปูฟูกหนา พั่งจื่อถูกนางวางไว้ในตะกร้า ถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่สถานที่ที่ดีเป็นพิเศษ ทว่าอย่างไรก็สบายกว่าในกระเป๋าสัตว์ภูติ

บนดาดฟ้าจัดวางเก้าอี้โยกตัวหนึ่ง จินเฟยเหยานอนอยู่ในนั้นอย่างสบายอกสบายใจ โยกเบาๆ มองทิวทัศน์ในอ่างมายาจิ่งเทียน รู้สึกสุขสบายอย่างยิ่ง ทว่าโยกไปครู่หนึ่ง นางพลันรู้สึกหงุดหงิด ทิวทัศน์ที่นี่แย่เกินไป บนพื้นเป็นผืนทรายสีดำ ตรงขอบก็เป็นหมอกสีขาวชั้นหนึ่ง ส่วนบนท้องนภาไม่มีอะไรสักอย่าง บางครั้งบางคราวมีแสงรัศมีสีส้มปรากฏขึ้น ต้องโชคดีจึงได้เห็น

ดูเหมือนจะขาดอะไรไปสักอย่าง…

จินเฟยเหยายืนขึ้นทันที “ข้าว่าแล้วว่าทำไมจึงรู้สึกไม่สบาย ที่แท้เป็นเพราะไม่มีสีเขียวเลยสักนิดนี่เอง สถานที่แย่ๆ แบบนี้ไม่เหมาะจะอยู่อาศัย”

คิดถึงตรงนี้ นางก็รีบแล่นออกไป ย้ายกระถางและโอ่งจำนวนมากเข้ามา ทั้งยังแบกต้นไม้มาหลายต้น ย้ายหญ้าวิญญาณทั้งหมดในสวนมาปลูกในกระถาง จากนั้นก็ปลูกต้นไม้ในโอ่งที่นำเข้ามาในอ่างมายาจิ่งเทียนทั้งหมด

ในขณะที่จินเฟยเหยายุ่งแทบตายอยู่ในอ่างมายาจิ่งเทียน ก็มียันต์ถ่ายทอดเสียงใบหนึ่งบินมาในเรือนเล็กของนางที่เรือนสี่สิบสี่ ตอนจินเฟยเหยายกกระถางวิ่งออกมา พอดีเห็นยันต์ถ่ายทอดเสียงที่สั่นไหวไม่หยุดอยู่บนคาถาป้องกัน หลังจากฉีกยันต์ถ่ายทอดเสียง ด้านในมีเสียงอันไพเราะดังมา

“สหายเซียนจิน ข้าคือตู้สุ่ยหลัน เจ้ายังจำเรื่องที่พวกเราตกลงกันไว้ได้หรือไม่ ข้าสามารถมาหาเจ้าเพื่อเยี่ยมกบผานอวิ๋นตัวนั้นได้ วันนี้ข้ามีเวลาว่างพอดี มาถึงนอกประตูสำนักเฉวียนเซียนแล้ว ไม่ทราบว่าเจ้ามีเวลาว่างหรือไม่?”

“มาจนถึงประตูแล้ว เพิ่งถามว่าข้ามีเวลาว่างหรือไม่ ช่างกล้าพูดจริงๆ” จินเฟยเหยายืนสองมือเปื้อนโคลนอยู่ในสวน เอ่ยพึมพำอย่างไม่พอใจ

นางล้างมือสองข้างจนสะอาด จึงอุ้มตะกร้าที่มีพั่งจื่อออกมา มองในห้องครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจวางมันไว้ในห้องฝึกบำเพ็ญ นางไม่อยากพาตู้สุ่ยหลันขึ้นไปห้องของตนเองที่ชั้นสอง ถ้าให้นางเห็นเครื่องนอนลายปักของตนเอง เครื่องประดับและสิ่งของสตรีบนโต๊ะเครื่องแป้ง ไม่แน่ว่าจะถูกเห็นเป็นคนวิปริต

จัดการเก็บของตามสบาย เห็นแปลงยาในสวนถูกขุดจนเละเทะไปทั่ว นางได้แต่ทำให้แปลงยาที่คิดจะโยนทิ้งไปกลับคืนเป็นเหมือนเดิม อย่างไรเสียยังไม่ได้ย้ายต้นอ่อนหญ้าวิญญาณไปปลูกทั้งหมด อีกสักครู่ยังต้องทำต่ออีก ทิ้งไว้ที่นี่แบบนี้เถอะ วุ่นวายและสกปรกนิดหน่อย ตู้สุ่ยหลันน่าจะขัดเขินและกลับไปเร็วขึ้น

รอจนจินเฟยเหยามาที่ประตูสำนักเฉวียนเซียน ก็เห็นตู้สุ่ยหลันสวมชุดกระโปรงสีหญ้าอ่อนทั้งตัว นั่งอยู่บนบันไดมองถนนอย่างน่าสงสาร จินเฟยเหยาเดินไปมุมถนนแล้วมองดู ด้านนั้นมีคนธรรมดาที่ดูเหมือนคนรับใช้กลุ่มหนึ่ง กำลังกลัวจนหัวหดหลบอยู่ตรงมุมถนน มองมาทางตู้สุ่ยหลันไม่หยุด

“สหายเซียนตู้ เหตุใดจึงนั่งบนบันได?” จินเฟยเหยาก้าวเข้าไปถาม

พอตู้สุ่ยหลันหันหน้ามาเห็นว่าเป็นจินเฟยเหยา ก็รีบลุกขึ้นยืน เอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน “ข้ารอสหายเซียนจินอยู่ที่นี่ สำนักเฉวียนเซียนของพวกเจ้าน่าจะทำห้องรับแขกสักห้อง ต่อไปถ้ามีแขกมาจะได้ไม่ต้องนั่งรอบนบันไดอีก”

“ผู้ใดให้เจ้าไม่แจ้งล่วงหน้าเล่า ถึงหน้าประตูแล้วเพิ่งบอก ถ้าข้าไม่อยู่ หรือว่าเจ้าจะนั่งรอบนบันไดตลอดเวลา?” จินเฟยเหยาไม่ใช่บุรุษ ดังนั้นจึงไม่สนใจแผนหญิงงาม เรียกได้ว่าพูดจาตรงไปตรงมา

ตู้สุ่ยหลันก้มหน้า ปากเล็กๆ ยื่นเอ่ยอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “ทุกครั้งที่ข้าไปหาผู้อื่น ไม่ว่าเป็นเวลาใด พวกเขาล้วนต้อนรับข้าอย่างดี ส่วนเจ้า เหตุใดจึงดุร้ายปานนี้ ดูเหมือนไม่อยากเจอข้าเลยสักนิด”

“ไม่มีเรื่องเช่นนั้น ข้ายินดีต้อนรับเจ้า คนตรงมุมถนนเหล่านั้นล้วนเป็นบ่าวในตระกูลของสหายเซียนตู้หรือ? จำนวนคนมากมายยิ่ง” จินเฟยเหยาชี้ไปที่คนตรงมุมถนนแล้วเอ่ยถาม

คนเหล่านั้นเห็นจินเฟยเหยาชี้พวกเขา ทั้งหมดก็หดตัวเข้าไปในมุมถนนอย่างลับๆ ล่อๆ ทันที

ตู้สุ่ยหลันไม่มองดูเลยสักนิดก็เอ่ยอย่างปกติว่า “บ้านข้าไม่มีคนธรรมดา คนเหล่านี้เป็นคนที่คิดจะแต่งงานกับข้าส่งมา ติดตามทั้งวันเหมือนหางสุนัข สลัดไม่หลุดสักที ทำให้หงุดหงิดแทบตายแล้ว”

“เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าฆ่าพวกเขาให้ ตัดหางสุนัขของเจ้าทิ้งเสีย” จินเฟยเหยาเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วเดินไปตรงมุมถนน ท่าทางเหมือนจะไปฆ่าคนจริงๆ

ตู้สุ่ยหลันตกใจกลัว คนผู้นี้เหตุใดบอกจะฆ่าคนก็ฆ่านะ ผู้บำเพ็ญเซียนลงมือในเมืองลั่วเซียน ไม่เกรงกลัวตำหนักลั่วเซียนหรือ นางรีบพุ่งไปใช้มือฉุดดึงชายเสื้อจินเฟยเหยา เอ่ยโน้มน้าวอย่างวิตกกังวล “ไม่ต้อง ฆ่าพวกเขาทำไม คนธรรมดาที่ได้รับคำสั่งกลุ่มหนึ่ง พวกเขาเพียงแค่ติดตามข้าไกลๆ ไม่ได้ทำอะไรข้าสักหน่อย เจ้าอย่าลงมือกับพวกเขานะ”

ล้อเจ้าเล่นหรอก ผู้บำเพ็ญเซียนไม่ฆ่าคนธรรมดาโดยไร้เหตุผล ถ้าแพร่ออกไป ข้ายังมีหน้าไปพบคนหรือ” จินเฟยเหยาหยุดฝีเท้า มองนางแล้วเอ่ยยิ้มๆ

“เจ้านี่เลวจริงๆ”

ทั้งสองคนพูดคุยและหัวเราะกันแล้วเดินเข้าไปในสำนักเฉวียนเซียน พวกนางสองคนพูดคุยกันอย่างกระตือรือร้น ครึ่งชั่วยามให้หลัง ก็กลายเป็นข่าวลือสองแง่สองง่าม คลุมเครือไม่ชัดเจนไปถึงหูคนที่ตามจีบตู้สุ่ยหลัน ชั่วขณะหลายตระกูลก็ส่งคนไปตรวจสอบว่าเจ้าเด็กนั่นเป็นใคร

ทว่าแค่ตรวจสอบอย่างไม่จริงจัง ก็ตรวจสอบพบว่าเป็นคนที่กำจัดเจ้าเยี่ยนหงและถูกตระกูลเจ้าตั้งค่าหัวด้วยเงินมหาศาล หลังจากรู้ว่าเป็นนาง ทุกคนก็โล่งอก คนที่ช้าหรือเร็วก็ต้องถูกตระกูลเจ้ากำจัดทิ้ง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทุกคนคุ้นเคยกับคนตระกูลเจ้าดี ไม่เชื่อว่าจินเฟยเหยาจะหนีรอดเงื้อมมือตระกูลเจ้าได้

“อา เหตุใดที่นี่ของเจ้าจึงยุ่งเหยิงขนาดนี้ เละเทะกว่าสวนหลังบ้านที่เลี้ยงสัตว์ของบ้านข้าหลายเท่า” พอเข้าไปในเรือน ตู้สุ่ยหลันก็ร้องอุทานเกินจริง นางเคยเห็นบ้านของผู้บำเพ็ญเซียนบุรุษมากมาย ล้วนเป็นบ้านของคนที่ตามจีบนางหรือผู้อาวุโสบังคับให้นางไป บ้านผู้ใดบ้างที่ไม่หรูหราและเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ต้องเอ่ยถึงว่ามีดอกไม้ต้นไม้ที่มีชื่อเสียงเต็มสวน ขนาดเส้นผมบนพื้นสักเส้น ฝุ่นสักนิดบนราวจับก็ไม่มี

สวนที่ทุกอย่างยุ่งเหยิงเละเทะปลูกหญ้าวิญญาณหรอมแหรมดินกระจายไปทั่วแม้แต่พื้นที่ให้หยั่งเท้าก็ยังไม่มีแบบนี้ นางเพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรก อีกทั้งบนพื้นศิลาหน้าหอน้อยเบื้องหน้า ล้วนเต็มไปด้วยดินโคลน  อ่างผุๆ โอ่งพังๆ วางอยู่ทั่วพื้น ยุ่งเหยิงอย่างยิ่ง

ตู้สุ่ยหลันนึกมาตลอดว่า สถานที่ที่สกปรกเละเทะที่สุดในเมืองลั่วเซียนก็คือสวนหลังบ้านที่เลี้ยงสัตว์ภูติเต็มไปหมด ทว่าวันนี้กลับทำให้นางได้เปิดหูเปิดตา ที่แท้สวนหลังบ้านที่เลี้ยงสัตว์ภูติของตนเองเป็นสถานที่สวยงามและเป็นระเบียบซึ่งเต็มไปด้วยทิวทัศน์อันงดงามของฤดูใบไม้ผลิ

“ปฏิกิริยาของเจ้ารุนแรงเกินไป ยุ่งเหยิงเละเทะขนาดนั้นที่ไหน รู้ว่าเจ้าจะมา ข้ายังเก็บกวาดโดยเฉพาะ ถ้าเจ้าไม่มา ข้ายังกำลังทำงานอยู่” จินเฟยเหยาตอบอย่างไม่พอใจ เจ้ารีบมาเองชัดๆ ยังมารังเกียจว่าบ้านผู้อื่นรก

ตู้สุ่ยหลันไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเก็บกวาดแล้ว ยกกระโปรงเดินเลี่ยงดินโคลนบนเส้นทางน้อยอย่างระมัดระวัง กระโดดไปหน้าหอน้อย ถึงหน้าหอ นางก็มีสีหน้ารีบร้อน เหลียวซ้ายแลขวา

“พั่งจื่ออยู่ในห้องฝึกบำเพ็ญ เจ้าไปหามันเองเถอะ” จินเฟยเหยามองท่าทางเหมือนลิงของนาง เอ่ยพลางชี้ไปที่ห้องฝึกบำเพ็ญ

“ขอบคุณ” ตู้สุ่ยหลันเอ่ยขอบคุณจินเฟยเหยา รีบวิ่งเข้าไปในห้องฝึกบำเพ็ญอย่างร่าเริง ส่วนจินเฟยเหยาอยู่ด้านนอก เริ่มเก็บกวาดกระถางที่โยนทิ้งทั่วพื้น เตรียมกองไว้ตรงมุมชั่วคราว

ตอนย้ายโอ่งขนาดใหญ่ นางนึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นได้ ย้ายกระถางมากมายปานนี้ไปไว้ในอ่างมายาจิ่งเทียนต้องรดน้ำ ในอ่างมายาจิ่งเทียนไม่มีบ่อน้ำ ส่วนเวทควบคุมน้ำถ้าไม่มีน้ำก็ใช้ไม่ได้

น้ำเต้าเวทที่บรรจุน้ำ ถึงแม้จะบรรจุได้บ้าง ทว่ารูปลักษณ์ไม่น่าดู คงแขวนน้ำเต้าหลายใบไว้บนผนังไม่ได้ นึกถึงอาวุธเวทชนิดนี้ นางพลันรู้สึกว่า ในเมื่อหลอมให้กลายเป็นน้ำเต้าได้ เช่นนั้นก็หลอมให้เป็นโอ่งใบใหญ่ก็พอ แบบนี้จะได้เห็นน้ำ ความรู้สึกในอ่างมายาจิ่งเทียนจะได้ดีขึ้นหน่อย

วางแผนว่าอีกสักครู่ตอนส่งตู้สุ่ยหลันจากไป ก็จะไปร้านหลอมอาวุธเวทที่ซื้อตะปูทะลวงใจ ให้พวกเขาช่วยหลอมอาวุธเวทบรรจุน้ำ

ขนาดตะปูทะลวงใจที่สังหารเจ้าเยี่ยนหงซึ่งเป็นสิ่งของที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งร้านนี้ก็สามารถหลอมสร้างออกมาได้ สำหรับการหลอมโอ่งบรรจุน้ำต้องง่ายดายเป็นพิเศษแน่

เอ่ยถึงเรื่องนี้ จินเฟยเหยาก็นึกถึงเจ้าเยี่ยนหงขึ้นมาได้ เจ้าหมอนี่ตายอย่างไม่เป็นธรรมจริงๆ

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายเวลาเช้าตรู่ บนเส้นทางอันยาวไกลของยอดเขาลั่วซี มีเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังแบกถังไม้ขนาดใหญ่สูงเจ็ดฉื่อ[1]เดินไปยังวังอวิ๋นเย่ที่สร้างอยู่กลางยอดเขาด้วยฝีเท้าเบาและรวดเร็ว นางอายุประมาณสิบสองสิบสามปี เกล้าผมเป็นมวยสาวน้อยคู่หนึ่ง บนมวยแต่ละอันมีแถบผ้าสีเขียวพันประดับ บนร่างสวมชุดศิษย์สายนอกสีเทาทั้งตัว บนเข่ามีรอยปะชุนแห่งหนึ่ง หน้าตางดงามน่ารัก รูปร่างพอเหมาะพอดี ทว่ากลับแบกถังไม้ที่สูงกว่านางสองเท่า ก้าวเดินบนบันไดศิลาดุจเหินบิน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset