คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย – ตอนที่ 66 ดำกินดำ

หลังจากหวาซีจากไป จินเฟยเหยาเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไปพักผ่อนที่ห้องข้าง พรุ่งนี้ออกเดินทางไปค้นหาสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณกับทุกคน สวรรค์จึงรู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อใดนางจึงเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่

วันที่สองพอนางเห็นจำนวนคนน้อยกว่าตอนไปจับเต่าเกราะเหล็กครั้งที่แล้ว พอสอบถามดูจึงรู้ว่ามู่เสี่ยวสือออกจากสำนักไปแล้ว ไม่ได้บอกใคร ไม่มีใครรู้ว่าเขาหนีไปที่ไหน ส่วนฟั่นไฉ่ผิงเกือบตายตอนประลองชิงยาสร้างฐาน การโจมตีสุดท้ายฟั่นฉวนผิงพุ่งขึ้นเวทีมาขวางไว้โดยไม่สนใจตนเอง ไม่เช่นนั้นฟั่นไฉ่ผิงคงตายไปนานแล้ว

ทว่าบทสรุปคือทั้งฟั่นฉวนผิงและฟั่นไฉ่ผิงล้วนถูกเพิกถอนคุณสมบัติในการเข้าประลอง และทั้งสองคนยังถูกทุบตีจนเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ตอนนี้นอนขยับตัวไม่ไหวอยู่บนเตียง ไม่ต้องเอ่ยถึงทำภารกิจ

ทว่าการที่สองพี่น้องรักกันอย่างลึกซึ้ง และพึ่งพากันด้วยชีวิต แพร่สะพัดไปอย่างโกลาหล ตอนนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้ ว่าสำนักเฉวียนเซียนมีพี่น้องที่รักกันมากอยู่คู่หนึ่ง เรียกได้ว่ารักกันอย่างลึกซึ้งจนฟ้าดินสั่นสะเทือนภูติเทพร้องไห้คร่ำครวญ

ทว่าผู้บำเพ็ญเซียนอิสระที่เข้าสำนักเฉวียนเซียนมาในภายหลัง เรือนสี่สิบสี่ของจินเฟยเหยาก็มีมาหลายคน คนเหล่านี้ไม่อยู่เลยสักคน ได้ยินว่าพอประลองเสร็จ คนเหล่านี้ก็หนีไป กลายเป็นว่าแค่มาหาสถานที่ซึ่งมีที่พักและอาหารให้

คนอื่นๆ นั้นยังดี ส่วนมากแค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จินเฟยเหยาไม่สนใจคนอื่นๆ ว่าได้ยาสร้างฐานหรือไม่ ถ้าผู้อื่นเพิ่งถูกคัดทิ้งมาแล้วไปถามพอดี มิใช่สาดเกลือลงบนบาดแผลหรอกหรือ วันนั้นผู้บำเพ็ญเซียนห้าร้อยคนมีมากมายเกินไป นางยุ่งอยู่กับการมองดูยาสร้างฐาน ไม่ได้สังเกตว่าใครขึ้นเวทีรับยาบ้าง

คนส่วนใหญ่มีสีหน้าไม่เลว มีเพียงอู๋เฮ่าคงซึ่งเป็นหัวหน้ามีสีหน้าย่ำแย่ ไม่ต้องถามก็รู้ เขาชนะได้ตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม ทว่ากลับไม่ได้เข้าร่วมการประลองของสำนักเฉวียนเซียน สุดท้ายยังฝืนใจไปเข้าร่วมการประลองชิงยาสร้างฐาน กลับถูกคนอัดตกเวทีตั้งแต่รอบแรก เรียกได้ว่าคับข้องใจอย่างยิ่ง

ตอนนี้เขาจ้องมองซานเชียนจื่อที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เจตนาสังหารแผ่กระจายไปโดยรอบ ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง และยังสงสัยว่าถ้าครั้งนี้ซานเชียนจื่อไม่กลับมาอู่เฮ่าคงต้องเป็นคนลงมือแน่

ตอนแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ ซานเชียนจื่อและจินเฟยเหยาถูกจัดให้อยู่ด้วยกัน เหตุผลคือสองคนนี้ต่างน่าชัง ดังนั้นไม่มีใครต้องการ จึงจัดเป็นกลุ่มเดียวกัน ถึงจะบอกว่าตนเองและซานเชียนจื่อน่าชิงชังเหมือนกัน จินเฟยเหยาไม่พอใจเรื่องนี้อย่างยิ่ง หลังจากได้ยินแล้วก็ซักไซ้พวกเขาอย่างไม่ลดละ สุดท้ายทุกคนจึงยอมรับบอกว่านางน่าขยะแขยง เพราะรู้ว่านางเป็นสตรีทว่ายามนี้กลับมีสารรูปเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ

จินเฟยเหยามีโทสะเพราะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมทว่ากลับทำอะไรไม่ได้ ได้แต่อยู่กับซานเชียนจื่อ

ติดตามอู๋เฮ่าคงไปภูเขาเซียนซู่ ลานประลองถูกรื้อถอนไปนานแล้ว เดินตามเส้นทางไปทางตะวันออกครึ่งวัน ในที่สุดก็มาถึงเนินลาดเอียง

นี่เป็นสถานที่มีพุ่มไม้หนาแน่น เส้นทางไม่น่าเดินเลยสักนิด รอบด้านล้วนเป็นพุ่มไม้เตี้ยๆ พอแทรกเข้าไปในพุ่มไม้ก็มองไม่เห็นแม้กระทั่งเงาร่างคน

“ในข่าวสารบอกว่า มีคนพบร่องรอยของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณรอบๆ ที่นี่ ทุกคนค้นหาและตรวจสอบที่อยู่ของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณโดยรอบตามการแบ่งกลุ่ม ถ้าหาสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณพบ ให้จุดพลุแจ้งข่าวทุกคน” อู๋เฮ่าคงตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบด้าน จากนั้นจึงมอบหมายภารกิจ ทุกคนเห็นด้วย

ทว่าจินเฟยเหยากลับไม่ยินยอม นางเอ่ยคัดค้านเสียงดัง “หัวหน้า ข้าไม่อยากทำงานกับซานเชียนจื่อ เขาทำตัวชั่วร้ายกับคนอื่น เคล็ดวิชาก็แปลกประหลาด อีกทั้งพวกเราสองคนยังรู้สึกขัดตากันอย่างบอกไม่ถูก ถ้าทำงานกับเขาแล้วเขาเกิดเรื่องขึ้น ต้องสงสัยข้าแน่ๆ” ไม่รอให้อู๋เฮ่าคงแสดงออก ซานเชียนจื่อก็เอ่ยขึ้นอย่างอึมครึมด้วยน้ำเสียงดุจปิศาจร้าย “หัวหน้า สตรีผู้นี้คิดจะแย่งชิงสิ่งของของข้า เจ้าให้ข้ากับนางอยู่ด้วยกัน เป็นเพราะข้าทำร้ายหัวหน้าบาดเจ็บตอนต่อสู้กันหรือไม่ จึงทำให้เจ้าพลาดการประลองไปสองรอบ ดังนั้นเจ้าจึงจงใจทำให้ข้าลำบากใจ”

“พวกเจ้าสองคนทะเลาะอะไรกัน ให้พวกเจ้าสองคนอยู่ด้วยกันก็อยู่ด้วยกันสิ ถ้าคิดว่าตนเองมีความสามารถมากนัก ก็ไปคนเดียว จินเฟยเหยา ข้าไม่มีกำลังคนให้เจ้า เจ้าไปคนเดียวได้ตามสบาย สตรีพบสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ มีแต่ไปไม่มีกลับ เจ้าคิดดูให้ดี” อู๋เฮ่าคงมองคนทั้งสองอย่างรำคาญใจ โวยวายอะไรกัน ขอเพียงมีข้าอยู่ เรื่องภายในกลุ่มนี้ข้าเป็นคนตัดสินใจ

จินเฟยเหยารู้ดี ว่าบนเนินลาดเอียงไม่มีสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ ย่อมต้องเงยหน้ารับปากอย่างเย่อหยิ่ง “ต่อให้ข้ากลายเป็นอาหารสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณก็ไม่อยากทำงานร่วมกับคนแบบนี้ อยู่กับเขาต้องอายุสั้นแน่”

“หึๆๆ…” ซานเชียนจื่อหัวเราะขึ้นมาอย่างชั่วร้าย

“ก็ได้ ไม่อยากอยู่ด้วยกันก็ไม่ต้องอยู่ พวกเจ้าแยกย้ายกันไปหาสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ ก่อเรื่องให้ข้าน้อยๆ หน่อย” อู๋เฮ่าคงอารมณ์ไม่ดี ตะคอกใส่ทั้งสองคน

ซานเชียนจื่อยังคงยิ้มอย่างลึกลับดังเดิม มองพินิจจินเฟยเหยาและอู๋เฮ่าคงที่มีโทสะอยู่เต็มเปี่ยมแต่ยังไม่ได้ระบายด้วยสายตาชั่วร้าย

“แยกย้ายกันทำตามแผนการ” อู๋เฮ่าคงออกคำสั่ง ทุกคนแยกย้ายกันหายไปในพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว

จินเฟยเหยาเดินอยู่ในพุ่มไม้คนเดียวอย่างเบื่อหน่าย อีกทั้งรอบด้านก็ไม่มีสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ แค่ฆ่าเวลารอจนเกือบจะได้เวลา ทุกคนน่าจะกลับกันได้แล้ว ไม่รู้ว่าถ้าหาสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณไม่พบจะถือว่าภารกิจสำเร็จหรือไม่ ถ้าถือว่าไม่สำเร็จ ต้องทำภารกิจบังคับเพิ่มอีกครั้ง เรื่องนี้ต้องทำเป็นเวลานานเท่าใด นางยังอยากปิดด่านกักตนอยู่นะ

นางเดินไปพลางครุ่นคิด เดินในพุ่มไม้ยิ่งเดินก็ยิ่งไกล เดินไปทั่วอย่างไร้จุดหมาย เดินเหม่อลอยแบบนี้มาหลายชั่วยาม นางไม่รู้ว่าตนเองเดินมาถึงที่ไหน เบื้องหน้าพอดีมีลำธารเล็กๆ สายหนึ่ง นางนั่งลงข้างลำธาร เตรียมกินอาหารและพักผ่อนสักครู่

ทันใดนั้น ในพุ่มไม้ที่อยู่ห่างไกลพลันมีเสียงดังมา มีคนเดินออกมาจากพุ่มไม้ จินเฟยเหยาอดขมวดคิ้วไม่ได้ มองซานเขียนจื่อที่เดินออกมาจากพุ่มไม้อย่างไม่เข้าใจ

“หึๆๆ สหายเซียนจิน ช่างบังเอิญจริงๆ” ซานเชียนจื่อเอ่ยแบบหนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม[1]

จินเฟยเหยาถือหินกรวดแม่น้ำเล่นอยู่ในมือ เอ่ยถามซานเชียนจื่ออย่างสงสัย “เหตุใดสหายเซียนซานจึงเดินมาทางด้านนี้ได้ ข้าจำได้ว่าพวกเราสองคนเดินไปคนละทาง หรือว่าสหายเซียนซานสะกดรอยตามข้ามา?”

“ในเมืองลั่วเซียนมีใครไม่รู้บ้างว่า คนสองคนที่มีค่าหัวมากที่สุดในคำสั่งล่าสังหาร นอกจากคนหนึ่งที่สำนักชิงซวีต้องการแล้ว อีกคนหนึ่งคือสหายเซียนจิน ข้าขาดแคลนเงินทองมาตลอด สหายเซียนจินก็ไว้หน้าข้าหน่อย มอบชีวิตมาให้ข้าเถอะ ที่จริงข้าคิดจะพากลับไปเป็นๆ แบบนั้นจะได้ศิลาวิญญาณเพิ่มอีกหนึ่งแสนก้อน” ซานเชียนจื่อเอ่ยหารือกับจินเฟยเหยาอย่างชั่วร้าย คิดจะขอชีวิตนางไปใช้

“ข้าก็อยากให้เจ้านะ” จินเฟยเหยาไม่ขยับร่าง หินกรวดแม่น้ำในมือลอยออกไปราวกับลูกธนูพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเขา

หินกรวดแม่น้ำรวดเร็วถึงขีดสุด พริบตาก็พุ่งมาถึงเบื้องหน้าซานเชียนจื่อ ทว่าถูกม่านแสงของซานเชียนจื่อสกัดไว้ ดีดกระเด็นออกไปร่วงลงพื้น ส่วนซานเชียนจื่อก็เคลื่อนไหวตามสถานการณ์ หนามแหลมสองอันปรากฏวาบในมือ เขากระโดดขึ้นกลางอากาศ ชูหนามแหลมพุ่งเข้าปักใส่จินเฟยเหยา

ซานเชียนจื่อลงมือรวดเร็วอย่างยิ่ง พริบตาก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าจินเฟยเหยา มีเสียงหนามแหลมในมือพุ่งแหวกอากาศมา แสงเย็นเยียบเป็นประกาย กลิ่นคาวบีบคั้นผู้คน ตรงเข้าปักไหล่จินเฟยเหยา

จินเฟยเหยาคำรามลั่น ตลอดร่างปรากฏแสงสีฟ้า พอหนามแหลมมาถึงตัวและปักลงบนไหล่ ความรู้สึกที่หนามแหลมปักเข้าไปในร่างกายไม่เหมือนอย่างที่คาดไว้ ซานเชียนจื่อมองหนามแหลมอย่างตกตะลึง หนามดูดเลือดที่สังหารคนนับไม่ถ้วนอย่างราบรื่นมาโดยตลอดในมือของเขา คิดไม่ถึงว่าจะปักร่างของสตรีผู้หนึ่งไม่เข้า ถึงจะดูเหมือนบุรุษทว่าก็เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้กายเนื้อสกัดกั้นหนามดูดเลือด

ปลายอันแหลมคมของหนามดูดเลือดปักลงบนผิวหนังจินเฟยเหยาไม่ได้แม้แต่น้อย ราวกับรู้ว่าเบื้องล่างคือโลหิตสดแสนอร่อย จึงทำเสียงหึ่งๆ อยู่ตลอดเวลา คิดจะปักทะลุผิวหนังอันแข็งแกร่งนี้ ทว่ากลับไม่ประสบผล

“เดิมพันได้ถูกต้อง ข้าจะดูสิว่าตอนนี้เจ้าจะมีวิธีอะไร” จินเฟยเหยายังหวาดเสียวไม่หาย นางเคยเห็นอานุภาพของหนามดูดเลือดมาก่อน ความเคลื่อนไหวของซานเชียนจื่อเมื่อครู่เร็วมาก นางคิดจะใช้ฟองแสงนรกก็ไม่ทันแล้ว ได้แต่ใช้หัตถ์ไฟนรกที่ก้าวหน้าขึ้นปกคลุมทั่วร่าง ใช้พละกำลังของกายเนื้อล้วนๆ มาต้านทานการโจมตีของหนามดูดเลือด ประสบความสำเร็จโดยบังเอิญ ต่อให้หนามดูดเลือดแหลมคมเพียงใดก็ไม่สามารถปักทะลุผิวหนังของจินเฟยเหยาได้

ฟองแสงนรกผุดออกมาจากมือจินเฟยเหยาในพริบตาพุ่งเข้าใส่หนามดูดเลือด ซานเชียนจื่อรีบเก็บหนามดูดเลือดกลับอย่างว่องไวแล้วหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว รักษาระยะห่างกับจินเฟยเหยา

ฉากนี้เกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่อึดใจ หลังจากซานเชียนจื่อเหินร่างออกไป ก็ใช้เวทซ่อนกายทันที เขาหายไปต่อหน้าต่อตาจินเฟยเหยา

“กลางวันแสกๆ ก็มีประสิทธิภาพซ่อนกายได้ดีขนาดนี้” จินเฟยเหยาเลียริมฝีปาก ยิ่งใช้ฟองแสงนรกมากขึ้น นอกจากเพิ่มฟองแสงนรกฟองใหญ่บนร่าง นางยังให้ฟองแสงนรกขนาดเล็กจำนวนมากลอยอยู่รอบด้าน ระวังป้องกันซานเชียนจื่ออย่างเข้มงวด ขอเพียงเขากล้าปรากฏตัว ฟองแสงนรกจะไม่ปล่อยเขาไปเด็ดขาด

แสงสีฟ้าทั่วร่างถูกนางลดกลับไปที่หมัดทั้งสองข้าง เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าอยู่บนก้อนหินข้างลำธารเล็กๆ คิดจะบีบให้ซานเชียนจื่อปรากฎตัว สายลมเย็นวูบหนึ่งพัดมา ฟองแสงนรกด้านหน้าระเบิดออก ไฟนรกดวงหนึ่งปรากฏขึ้นเผาไหม้สิ่งของบางอย่างจนหมดสิ้น ตรงที่อื่นก็มีไฟนรกปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน กำลังเผาไหม้การโจมตีที่มองไม่เห็น

เวทลูกศรน้ำแข็งเหมือนเดิมหรือ? ที่นี่มิใช่เวทีที่รอบด้านว่างเปล่าไม่มีสิ่งของ กรวดแม่น้ำ ใบไม้แห้ง และพุ่มไม้ ขอเพียงมีคนสัมผัสก็จะมีการเคลื่อนไหว จินเฟยเหยาคาดเดาในใจ ลูกศรน้ำแข็งเหล่านี้ล้วนถูกฟองแสงนรกสกัดไว้ นางแค่ตั้งใจค้นหาซานเชียนจื่อโดยรอบก็พอ

กรวดแม่น้ำ พุ่มไม้ ลำธาร หือ? ลำธาร จินเฟยเหยาเพิ่งพบว่าตนเองปล่อยฟองแสงนรกไว้บนพื้นดินด้วยความเคยชิน ส่วนในลำธารไม่มีฟองแสงนรก นางหันกายไปทางพุ่มไม้อย่างไม่กระโตกกระตาก เหมือนพบว่าทางนั้นมีสิ่งผิดปกติ เดินไปทางพุ่มไม้อย่างช้าๆ และหันแผ่นหลังทั้งหมดให้ลำธาร

ในยามนี้เอง มีลูกศรน้ำแข็งพุ่งมาจากทางทางลำธารจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยที่สุดก็โยนยันต์ลูกศรน้ำแข็งออกมาสิบกว่าใบ ทว่ายังไม่พบเห็นร่องรอยซานเชียนจื่อดังเดิม

เรื่องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ฟองแสงนรกของจินเฟยเหยาเคลื่อนไปที่ลำธารอย่างรวดเร็ว รวมตัวเป็นฟองแสงนรกขนาดใหญ่กว้างสองจั้งกว่าฟองหนึ่ง ปกคลุมด้านหลังจินเฟยเหยาและลำธารทั้งหมดไว้ในพริบตา ส่วนจินเฟยเหยาเหลือแค่ฟองแสงนรกบนตัวไว้รับลูกศรน้ำแข็งจำนวนมากที่บินมาอย่างหักโหม

ลูกศรน้ำแข็งทั้งหมดบดขยี้ลงตรงตำแหน่งที่จินเฟยเหยายืนอยู่ หลังจากไอน้ำอันหนาแน่นผ่านพ้นไป จินเฟยเหยาก็เดินออกมาด้วยร่างที่มีบาดแผลเล็กน้อย นางเดินยิ้มปริ่มเข้าไปหาฟองแสงนรกขนาดใหญ่ข้างลำธาร “สหายเซียนซาน ไม่ต้องซ่อนกายแล้ว ตอนนี้เจ้ายังมีชีวิตอยู่ นั่นเป็นเพราะข้าไม่ได้ให้ฟองแสงนรกปล่อยไฟนรกออกมา เจ้าก็รู้ตัวหน่อย ปรากฏกายเถอะ อย่าให้ข้าต้องรอนาน ข้าคนนี้กลัวการรอคอยเป็นที่สุด”

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายเวลาเช้าตรู่ บนเส้นทางอันยาวไกลของยอดเขาลั่วซี มีเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังแบกถังไม้ขนาดใหญ่สูงเจ็ดฉื่อ[1]เดินไปยังวังอวิ๋นเย่ที่สร้างอยู่กลางยอดเขาด้วยฝีเท้าเบาและรวดเร็ว นางอายุประมาณสิบสองสิบสามปี เกล้าผมเป็นมวยสาวน้อยคู่หนึ่ง บนมวยแต่ละอันมีแถบผ้าสีเขียวพันประดับ บนร่างสวมชุดศิษย์สายนอกสีเทาทั้งตัว บนเข่ามีรอยปะชุนแห่งหนึ่ง หน้าตางดงามน่ารัก รูปร่างพอเหมาะพอดี ทว่ากลับแบกถังไม้ที่สูงกว่านางสองเท่า ก้าวเดินบนบันไดศิลาดุจเหินบิน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset