แล้วเธอก็เห็นเก้าอี้บุนวมสีดำตัวใหญ่ที่มุมห้องหมุนมา พนักพิงมันสูงจนมองไม่เห็นคนที่นั่งอยู่
ผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น ท่อนบนเปลือย ท่อนล่างมีกางเกงขายาวผ้ายืดสีเทาตัวเดียวห่อหุ้ม
เด็กสาวตะลึงงัน เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาช้า ๆ หยุดอยู่ตรงหน้าเธอในระยะห่างราวหนึ่งเมตร
เธอสูงเมตรหกสิบแต่ผอมบาง ความสูงระดับนั้นถือว่าไม่เตี้ยสำหรับผู้หญิง แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวกระจิ๋วเดียวเมื่อมีเขายืนอยู่ตรงหน้า
เขาทั้งสูงใหญ่และล่ำสัน กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ อวดอ้างให้เห็นในส่วนที่เปลือย ทั้งแผงอก ต้นแขน หน้าท้อง แม้แต่เส้นเลือดที่แขนและหลังมือมันก็ปูดโปนออกมาให้เห็น ดูแข็งแรงเหลือเกิน
ไหล่เขากว้าง กว้างมาก ๆ น่าจะเกือบสองเท่าของไหล่เธอ ก่อนจะแคบลงไปเป็นบั้นเอวสอบ ที่ตรงหน้าท้องมีกล้ามเป็นลอน ๆ หกหรือแปดลูกเธอไม่กล้าจดจ้องนับ ความที่กางเกงมันเลื่อนลงต่ำใต้สะดือเป็นคืบทำให้เห็นวีไลน์ชัดเจน มันหายลับไปกับขอบกางเกงพร้อมกับไรขนดกดำที่หน้าท้องด้านล่าง
และเธอพึ่งเห็นใบหน้าของเขาเต็มตาก็วันนี้ เขาหล่อเหลาทว่าดูดุดัน ตาคม คิ้วเข้มได้รูปแบบผู้ชาย จมูกโด่งเป็นสันรับกันดีกับริมฝีปากสวย ใบหน้ายาว มีไรเคราสีเขียวจาง ๆ ล้อมกรอบ ผมรองทรงบนศีรษะยุ่งเหยิงนิด ๆ เพราะมีเหงื่อเปียกชุ่ม เช่นเดียวกับท่อนบนอันเปลือยเปล่าที่มีหยดเหงื่อเกาะพราวไปหมด
เด็กสาวกลืนน้ำลายเพื่อให้ลำคออันแห้งผากชุ่มชื้นขึ้น สูดลมเข้าปอดลึก ๆ เพราะรู้สึกเหมือนกำลังหายใจไม่ทัน
เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ แต่กลับมีรัศมีคุกคามบางอย่างที่ทำให้เธอพรั่นพรึง โดยเฉพาะดวงตาคมสีนิลลุ่มลึกราวมหาสมุทรที่ไม่สามารถหยั่งถึง
เขาแค่จ้อง แต่เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกสูบวิญญาณ…
ตลอดมาเธอจินตนาการไปได้อย่างไรนะว่าดวงตาคู่นั้นอบอุ่นอ่อนโยน คงจะเพราะวันนั้นสบตากันเพียงเสี้ยววินาทีแล้วเอาไปเพ้อพกเอง จริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่เลย
ผู้ชายคนนี้มีรัศมีน่ากลัว ดวงตาของเขาดูเยียบเย็นเหลือเกิน
เขาสาวเท้ามาใกล้หนึ่งก้าว เธอถอยสอง…
“ เธอดื้อ ” เสียงทุ้มลอดริมฝีปากเหยียดสนิทที่เผยอแย้มนิด ๆ เธอถามกลับงง ๆ
“ คะ ? ”
“ เมื่อคืนเธอแอบดูฉัน ”
เด็กสาวใจหายวาบ สรุปว่าผู้ชายโรคจิตที่ยัดของลับใส่ปากผู้หญิงกลางแจ้งเมื่อคืนเป็นเขาจริง ๆ สินะ
หมดกัน คุณหมอดุจตะวันพ่อพระของเธอ !
เธอเอาแต่จ้องเขาด้วยแววตาตื่นตระหนกและในขณะเดียวกันมันฉายชัดถึงความสับสนและผิดหวังอย่างชัดเจน ชัดเจนจนกระทั่งอีกฝ่ายรู้สึกถึงมัน
ตำหนิงั้นเหรอ เป็นใครถึงได้มาตำหนิคนอย่างเขา เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่ทำตามกฎที่เขาวางไว้เอง
ยังไม่ทันได้พูดอะไร แขนยาว ๆ ก็เอื้อมมาคว้าไหล่บอบบาง แล้วกระชากเข้าไปในแผงอก เด็กสาวอ้าปากจะกรีดร้องแต่เขายกมือข้างหนึ่งปิดเอาไว้ ก่อนก้มลงมาจนเกือบชิดใบหน้าของเธอ ริมฝีปากของเขาอยู่ข้างใบหูขาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
“ ทำไมไม่ทำตามกฎของฉัน ! ”
“ หนู… หนูไม่ได้ตั้งใจค่ะ ” อีกฝ่ายยกยิ้ม แววตาคม ๆ มีประกายรู้เท่าทัน
“ ไม่ตั้งใจคงไม่ใช่ ฉันเห็นเธอยืนมองอยู่เป็นนาน ไม่มีมารยาทเลย รู้ไหม ”
รู้ไหม คำคำนั้นเขาพูดจนชิดริมใบหู ลมหายใจอุ่น ๆ รินรดมาเบา ๆ แต่กลับทำให้เธอร้อนวูบวาบไปหมด
“ หนูไม่รู้ หนูขอโทษค่ะ ”
“ เป็นเด็กไม่ดีเลยนะเรา แก้วกานดา ” พูดจบเขาก็ขยับไปงับติ่งหูเธอ
แล้วดูด…
เด็กสาวสะดุ้งเฮือกแล้วพยายามดันตัวออกจากอ้อมกอดเขา
“ ทำอะไรของคุณ ! ”
“ ดูดติ่งหูเธอไง ” เขาตอบหน้าตาเฉย
“ บ้าที่สุด นี่คุณ… คุณใช่คุณหมอดุจตะวันจริงใช่ไหม ” ถามซ้ำราวกับไม่อาจยอมรับได้ว่านั่นเป็นเขาจริง ๆ พลางจ้องมองเขาด้วยแววตาตื่นกลัวราวกระต่ายน้อยกลัวราชสีห์ตะปบกิน
“ คิดว่าไงล่ะ ” เขาโคลงศีรษะพลางถามกลับ
“ ถ้าใช่ แล้วทำไม… ทำ… ทำแบบนั้น ”
“ แบบนั้น แบบไหน ”
“ ก็… เมื่อคืน… ประเจิดประเจ้อ ตอนนี้ยังจะ… ”