คลั่งไคล้ใคร่รัก – ตอนที่ 9ปิดปากด้วยปาก

เธอไม่กล้าพูดไปทั้งหมด แต่ก็ตวัดมองเขาด้วยสายตาตำหนิ

ตำหนิ งั้นเหรอ ?

อีกแล้วเหรอ ?

ดวงตาของเขาฉายแววโกรธเกรี้ยวขุ่นเคืองในทันที คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจ

“ เธอเป็นใครเหรอเด็กน้อย ถึงได้กล้ามาตำหนิฉัน ”

นั่นคือคำตอบแล้วว่าเขาคือคุณหมอดุจตะวันจริง ๆ

คุณหมอตัวโตแสนอบอุ่นอ่อนโยนที่เขียนจดหมายตอบเธอทุกฉบับทุกเดือนที่วาดภาพไว้ มันไม่ใช่แบบนี้ !

ไม่ใช่ผู้ชายหน้ายักษ์ที่ทำตัวเถื่อน ถอดเสื้อคุยกับผู้หญิงที่พึ่งพบหน้าครั้งแรก ทั้งเนื้อทั้งตัวยังมีเหงื่อชุ่มแล้วยังมีหน้ากอดเธอไว้ แถมยังดูดติ่งหูเธออีก !

ใกล้ แน่น จนกระทั่งได้กลิ่นกายของเขาชัดเจน มันคือโคโลญจน์กลิ่นสปอร์ตอะไรสักอย่างที่เธอไม่รู้จักและผสานเคล้ากับกลิ่นเหงื่อ มันไม่ได้เหม็นอย่างที่คิด ตรงกันข้ามกลับหอมเย้ายวนอย่างประหลาด

“ ฉันถามว่าเธอกล้าดียังไง ! ”

เขาคำรามในลำคออีกครั้ง เธอรู้สึกตัวก่อนรีบดันตัวเองออกจากแผงอกนั่น เขาไม่ยอมปล่อย เธอก็รัวกำปั้นน้อย ๆ ทุบลงไปบนแผงอก สองมือหยิกตีไปทั่วทุกที่ที่เอื้อมถึง

“ หนูยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ ปล่อยหนูนะ ปล่อย ! ” เธอส่งเสียงดัง จู่ ๆ เขาก็ปล่อยเธอซะอย่างนั้น เด็กสาวเลยเสียหลักหงายหลังก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้น

เขาเพียงยืนมองและยิ้มเยาะ !

เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเคืองขุ่นแล้วเชิดหน้าขึ้น

“ คุณคือคุณหมอดุจตะวันแน่นะคะ ” อีกฝ่ายมุ่นคิ้ว ไม่พูดไม่จา เอาแต่จ้องอยู่อย่างนั้นเหมือนจะเล่นสงครามประสาท เธอจึงระบายมันออกมาจนจบ

“ เพราะคุณหมอที่ฉันวาดภาพไว้มันตรงกันข้ามกับคุณโดยสิ้นเชิง ทุกอย่างเลย ทุกอย่าง ! ” ปากเล็ก ๆ เริ่มส่งเสียงดังขึ้น ดวงตาของเธอมีน้ำตาหลั่งคลอเคลือบเจือเพราะหลากอารมณ์ประดังประเด

ผิดหวัง น้อยใจ และโมโห…

“ ใครใช้ให้เธอไปเที่ยววาดภาพหรือคาดหวังชีวิตของคนอื่นล่ะ หนูน้อย ”

เด็กสาวชะงัก นั่นสินะ คงเป็นความผิดของเธอเองที่จินตนาการถึงเขาไว้ว่าเป็นเทวดามาโปรด

“ คุณเพ็ญไม่ได้บอกไว้หรือไงว่าห้ามออกไปเพ่นพ่านตอนกลางคืน ” เขาหมายถึงคุณแม่บ้าน

“ บอกค่ะ แต่หนู… ”

“ แล้วทำไมไม่ทำตาม ” เขาพูดตัดบท ไม่ยอมให้เธอได้พูดจบประโยค

“ แบบนี้มันไม่มีมารยาท เธอมาอาศัยบ้านฉันอยู่ก็ต้องทำตามกฎ อย่าดื้อ ” ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเชิดขึ้นกว่าเดิมเท่าที่จะเชิดได้

“ หนูจะไม่ทำตามกฎอะไรของคุณทั้งนั้น เพราะหนูจะไม่อยู่ที่นี่ ! ” พูดก่อนจะลุกพรวดขึ้นแล้วจะเดินออกจากห้องนั้น

ดวงตาของดุจตะวันพราวระยับ ไอ้หน้าเชิด ๆ ดวงตากลมโตไร้เดียงสาที่มันแปรเปลี่ยนเป็นดื้อรั้นเอาเรื่องนั่นมันกระตุ้นปฏิกิริยาในร่างกายของเขาเหลือเกิน

อยากเอาชนะ มันคือนิสัยที่แก้ไม่หาย…

สาวเท้าไม่กี่ก้าวเขาก็ถึงตัวเธอ สองแขนรวบไปที่เอวคอดแล้วยกอุ้มจนตัวเธอลอยเหนือพื้น แต่เด็กสาวไม่ยอม เธอดิ้นรนพยายามจะลงให้ได้ แต่เขาก็โคตรแข็งแรง ดิ้นเท่าไรก็ไม่ยอมหลุด

“ ช่วยด้วยค่า ช่วย อุ๊บ… ”

ไม่ทันตั้งตัว เธอถูกวางลงกับพื้นห้อง ปากที่อ้ากว้างของเธอก็ถูกปิดลง

ด้วยปากของเขา…

จะสะบัดหน้าหนีแต่มือที่แข็งอย่างคีมเหล็กก็บีบเอาไว้ไม่ให้ส่ายหนี ไม่ให้หุบปากได้แล้วสอดลิ้นสากเข้าไปปล้นจูบ

เลีย ไล้ รัดดูด จนเธอพรึงเพริด ทั้งที่เมื่อครู่โกรธแสนโกรธ แต่ตอนนี้กลับวูบวาบ ความร้อนโลดแล่นไปทั่วสรรพางค์

เลือดสาวเต้นเร่าเมื่อโดนชายชาตรีเจนจัดรุกราน แถมเป็นชายที่เธอเฝ้าฝันพร่ำเพ้อเสียด้วย

ยิ่งบดจูบเร่าร้อน ทั้งดูดทั้งรัดลิ้นเธอรุนแรง รู้สึกอยู่กลาย ๆ ว่าความเป็นหญิงถูกมือใหญ่ไล้ถูผ่านกางเกงยีนเนื้อหนา ถึงอย่างนั้นก็เถอะมันก็ทำให้หัวใจกระหน่ำตีอกซ้ายรัว ๆ

มันตื่นเต้น ตื่นกลัว ตีกันไปหมด

ศีรษะขาวโพลน ในหูมีเสียงดังวื้อยาว ๆ ก่อนมันจะเงียบและดับมืดลง

***

“ ฟื้นแล้วเหรอคะ ”

ใครคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อดวงตาโตของคนที่หลับอยู่บนเตียงปรือเปิดอย่างงุนงง แก้วกานดาหันไปมองคนคนนั้นแล้วถามอย่างสงสัย

“ หนูเป็นอะไรไปเหรอคะ คุณแม่บ้าน ”

“ คุณเป็นลมค่ะ คุณหมอท่านเลยอุ้มมาส่ง เดี๋ยวดื่มชาคาโมมายด์อุ่น ๆ นี่ก่อนนะคะ จะได้สดชื่นขึ้น ”

เด็กสาวตัวชาวาบ สติกลับมาทันทีที่ได้ยินคำว่า คุณหมอ

ผู้ชายคนนั้นฉวยโอกาส เขากอดเธอ ดูดติ่งหูเธอ จูบเธอ แถมยังจับไอ้นั่นเธออีก !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset