“ เจ็บหรือเปล่า ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม เธอเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเป็นคุณหมอท่านหนึ่งที่ตัวสูงใหญ่เหลือเกิน
“ ไม่… ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เจ็บ ” เธอตะกุกตะกักตอบ
“ กระโปรงเธอขาด ” คุณหมอพูดพลางถอดเสื้อกาวน์มาคลุมตัวให้ เด็กสาวรีบปฏิเสธ
“ คุณหมอคะ ไม่เป็นไรค่ะ ”
“ บอกแล้วไงว่ากระโปรงเธอขาด ขาดจนเห็นไปถึงไหน ๆ สวมไว้เถอะ ฉันมีหลายตัว ”
“ ขอบพระคุณคุณหมอมากนะคะ ”
เด็กสาวยกมือไหว้แล้วจ้องหน้า เธอไม่เห็นใบหน้าของเขาเพราะมีหน้ากากอนามัยปิดอยู่ มีเพียงดวงตาคม ๆ ที่โผล่พ้นและจ้องมองมาที่เธออยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
เธอกอดเสื้อกาวน์ไว้แนบอก มองตัวหนังสือที่ปักอยู่บนหน้าอกแล้วยิ้ม
นพ.ดุจตะวัน ภควัตโชติกุล
เช้าวันจันทร์ คุณครูรุ่งรัตน์ก็มาแจ้งข่าวดีกับแก้วกานดาว่าคุณหมอดุจตะวันคนนั้นได้ทราบเรื่องราวของเธอแล้ว ว่าเป็นเด็กดี เรียนดีแต่ยากจน ท่านจึงยินดีที่จะมอบทุนการศึกษาให้ตั้งแต่ตอนนี้จนจบปริญญาตรี
เด็กสาวดีใจเหลือเกินราวกับได้ชีวิตใหม่ แสงสว่างในการเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ดับแสงมีเขามาช่วยจุดไฟให้ลุกโชนอีกครั้ง
เธอเทิดทูนบูชาเขาเหลือเกิน แม้พบหน้าเพียงไม่นานก็จำได้แม่น พอมีฝีมือด้านวาดเขียนอยู่บ้างจึงได้วาดภาพแรกที่พบกันเอาไว้ในกระดาษเอสี่ร้อยปอนด์
เพราะเขาเป็นผู้มีพระคุณเหลือเกิน เธอไม่มีช่องทางใดที่จะขอบคุณเขาได้เพราะตัวเองก็ไม่มีโทรศัพท์มือถือ จึงใช้การเขียนจดหมายสื่อสารไปยังที่อยู่โรงพยาบาลเอกชนที่เขาเป็นเจ้าของ เธอดีใจราวกับถูกล็อตเตอรีเมื่อเขาตอบกลับมา
สิบสองเดือน สิบสองฉบับ จดหมายเหล่านั้นเธอเก็บเอาไว้อย่างดี แม้ถ้อยคำที่เขาตอบกลับจะไม่ยาวนักแต่เธอก็อ่านมันซ้ำไปซ้ำมาอย่างชุ่มชื่นหัวใจ
บ่อยครั้งที่แอบเอาเสื้อกาวน์สีขาวออกมากอดมาห่ม เพ้อฝันไปว่าเป็นอ้อมกอดของเขา
ใช่แล้ว เด็กสาววัยใสไร้เดียงสา หลงรักชายแปลกหน้าที่พบเจอเพียงครั้งเดียว เพ้อพกไปว่าเขาเป็นคนดี อบอุ่น อ่อนโยน เป็นพ่อพระที่มอบความรักความเมตตามาให้
แท้จริงแล้วตรงกันข้ามทั้งหมด เขามันปีศาจร้ายชัด ๆ !
แก้วกานดาเก็บข้าวของเหล่านั้นลงในกล่องแล้วกลับไปบนเตียง ก่อนจะผล็อยหลับไปทั้งน้ำตา
โดยมีร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้าน เอาแต่จ้องประตูอยู่เนิ่นนาน คำขอโทษไม่ได้ถูกเอ่ยออกไปอย่างที่ตั้งใจ ก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ
ขึ้นห้องล้มตัวลงนอน แต่ภาพเด็กสาวนั่นกับดวงตาตำหนิติเตียนยังมารบกวนอยู่ร่ำไป
เวรเอ๊ย !
ความผิดของเขาที่ไหน เธอดันดื้อไม่ทำตามกฎเอง
เขาลึกขึ้นหยิบยาคลายเครียดขนานแรงมากินเพื่อจะได้หลับพักผ่อนเสียที
หลับตาลงอีกครั้ง กำลังเคลิบเคลิ้ม ภาพจาง ๆ ในความทรงจำกลับกระจ่างชัด ภาพครั้งแรกที่เขาได้พบเธอ
เธอสะดุดตาเขาเหลือเกิน…
เด็กสาวผอมบาง ผิวสีน้ำผึ้งที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าแทบจะตลอดเวลา ดวงตากลมโตสุกใสดูไร้เดียงสา บุคลิกของเธอดูเป็นมิตร ใจดี ดูไม่มีพิษมีภัยสบายตา
ไร้เดียงสา ขาวสะอาดไร้สิ่งปรุงแต่ง เขาชอบแบบนั้น
ดุจตะวันแอบมองเธอทุกครั้งที่ว่างเว้นจากการตรวจ จนกระทั่งเธอลื่นล้มกระโปรงฉีกจนเห็นต้นขาอวบ อันที่จริงเขาเห็นลึกไปมากกว่านั้น
ชั้นในสีขาวที่ห่อหุ้มเธอเอาไว้…
สีขาว เขาแพ้สีขาวเป็นบ้า…
ในนั้นจะเป็นอย่างไร กลิ่น รสคาวสาวจะเอร็ดอร่อยสักแค่ไหน
อยากเข้าไปจับเธอถ่างขา เลียและดูดกินให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราว ยิ่งไร้เดียงสาเหมือนผ้าขาว เขายิ่งอยากบดขยี้
ใช่ คนอย่างเขามันต่ำช้า ไม่ใช่ชายในฝันอย่างที่ใคร ๆ คิด
ยิ่งขาวสะอาด ยิ่งอยากขยี้ให้แหลกลาญ !
***
วันถัดมา
เวลาเกือบเที่ยง คุณแม่บ้านเดินมาหาแก้วพร้อมกับโทรศัพท์มือถือราคาแพงและแจ้งว่านี่เป็นของเธอ พร้อมกับได้รับสายวีดีโอคอลจากผู้เป็นยาย ที่ใบหน้ายิ้มแย้มทั้งน้ำตาอย่างมีความสุข
“ คุณหมอท่านช่างประเสริฐแท้ นี่ให้คนมาช่วยเหลือยาย ซ่อมบ้านให้เรา แล้วก็ เอ่อ… ใช้หนี้ให้ ยายขอโทษนะที่ปิดเอ็งในเรื่องนั้น แล้วนี่เขาบอกว่าจะพายายไปหาหมอในเมืองไปตรวจรักษาฟรี แต่ต้องรอให้จัดการเรื่องที่กับบ้านจบก่อน ยายเกรงใจไม่เอาเขาก็บอกว่าไม่ได้ คุณหมอกำชับมาแล้ว ถ้าไม่เอาเขาก็จะตกงาน แล้วเอ็งล่ะ อยู่ที่บ้านคุณหมอเป็นยังไงบ้าง ”
แก้วกานดาเองก็ทั้งแปลกใจและดีใจในสิ่งนั้น การดำเนินการของเขาช่างรวดเร็วดีแท้