“ ท้องร้องจ๊อก ๆ เลย ลงไปที่ครัวดีกว่า ”
เธอว่าพลางสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปจากห้องขาวตรงไปยังห้องครัวที่อยู่ชั้นล่างทันที
เธอเดินอย่างเงียบกริบที่สุดก่อนจะเปิดไฟในครัวอันกว้างใหญ่ที่มีตู้อยู่หลายตู้เพื่อหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในที่สุดก็เจอจึงหยิบมันมาห่อหนึ่ง ไข่ไก่หนึ่งฟอง ต้มน้ำบนเตาไฟฟ้าก่อนจะจัดการปรุงมัน
“ หูย หอมจัง ” เธอว่าพร้อมกับก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารข้างหน้า หิวมากจนไม่ได้สนใจว่ามีแขกผู้มาเยือน เขากำลังกอดอกทิ้งสะโพกพิงประตูทางเข้าครัวแล้วจ้องมองเธออยู่เนิ่นนาน
ความที่เธอหิวมากเลยก้มลงสูดเส้นบะหมี่เข้าปากเสียงดังอย่างเอร็ดอร่อย เรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากคนยืนแอบดู
“ หือ ! ” เธอสะดุ้งแล้วเหลียวซ้ายแลขวาอย่างตกใจ เมื่อเห็นคนแอบมองว่าเป็นใครก็อดถอนใจอย่างโล่งอกออกมาไม่ได้ แม้จะตกใจที่เห็นภาพหล่อเหลาสมบูรณ์แบบราวรูปสลักที่เปลือยท่อนบนอวดความแข็งแกร่งกำยำของกล้ามเนื้อ ท่อนล่างมีกางเกงขายาวผ้านิ่มสีขาวห่อหุ้ม แต่ก็ดีกว่าการถูกผีหลอกเป็นไหน ๆ
“ ใจหายหมด นึกว่าผีบ้านผีเรือน ” เธอพึมพำเบา ๆ
“ หืม อะไรนะ ? ” เสียงทุ้มถามขึ้น เธอยิ้มแหย ๆ
“ ปละ… เปล่าค่ะ หนูแค่ตกใจที่คุณหมอมาเงียบ ๆ ”
“ ก็ไม่ได้เงียบนะ เธอมัวแต่ซู้ดบะหมี่เสียงดังมากก็เลยไม่ได้ยินมากกว่า ” เธอก้มหน้างุดลงไปด้วยความอาย
“ ขอโทษค่ะ ”
“ แล้วมากินอะไรเวลานี้ มันไม่ดีกับสุขภาพรู้ไหม ”
“ ก็หนูหิว ”
“ หิว ? ตอนเที่ยงคืนเนี่ยนะ ? ” เขาเลิกคิ้วพลางเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เธอพยักหน้า
“ ค่ะ คุณหมอไม่เคยหิวตอนดึก ๆ เหรอคะ ”
เขายักไหล่
“ ก็เคย แต่ฉันจะไม่ทานอาหารหนัก ส่วนมากก็แค่ดื่มนมหรือไม่ก็ผักผลไม้ปั่น ” เด็กสาวแอบเหลือบตามอง
มันจะไปอยู่ท้องอะไรล่ะ กินแค่นั้น
แต่ก็ไม่ได้พูดมันออกมา
“ ถ้าเรากินไม่เป็นเวลามันก็จะมีผลเสียกับร่างกายของเรารู้ไหม เวลานอนแล้วไปกิน ระบบ น้ำย่อยต่าง ๆ ก็จะปรวนแปรไปหมด นี่เธอทำแบบนี้บ่อยเหรอ ตัวก็เล็ก ๆ ไม่น่าจะกินเยอะ ” เขาพูดยืดยาว นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่เขาเคยพูดกับเธอ
ว่าไปก็เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้พูดจากันเหมือนคนปกติ เพราะส่วนมากเขาไม่พูดไม่จา เน้น ทำ เสียมากกว่า
“ ปกติก็ไม่ตื่นมากินแบบนี้หรอกค่ะ แต่นี่ก่อนนอนหนูใช้แรงมาก ” อ้อมแอ้มตอบพลางเหลือบตามอง ก็เขานั่นแหละเป็นต้นเหตุทำให้เธอเหนื่อยจนหลับปุ๋ยไม่รู้ตัว
เขายิ้ม แม้จะแค่มุมปากแต่ก็ทำให้หน้าดุ ๆ นั่นน่ามองขึ้นเยอะเลย
อยากให้เขายิ้มให้เธอบ่อย ๆ
“ ในตู้เย็นที่ห้องขาวก็มีทั้งนมทั้งน้ำทั้งน้ำผลไม้นี่นา ”
“ มันไม่อยู่ท้องหรอกค่ะ หนูหิวจนกินช้างได้ทั้งตัว ” เขาเลิกคิ้วแล้วทำน้ำเสียงแปลกใจ
“ หืม จะกินช้างเลยเหรอ ”
“ หนูแค่เปรียบเปรยน่ะค่ะคุณหมอ ใครจะไปกินช้างได้ล่ะคะ มันไม่ได้หากันง่าย ๆ เสียหน่อย ” เธอตอบด้วยใบหน้าจริงจังมันทำให้เขายิ้มได้อีกแล้ว
รอยยิ้มนั้นทำให้เธอผ่อนคลายและกล้าที่จะชวนเขาคุยมากขึ้น
“ แล้วคุณหมอตื่นมาทำอะไรคะ ” เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนตอบออกมา
“ เสียงสูดบะหมี่ของเธอมันปลุกฉันล่ะมั้ง ”
“ โห ถ้าดังขนาดนั้นสงสัยปลุกคนทั้งบ้านล่ะมั้งคะ หรือตื่นเพราะว่าหิวเหมือนหนูกันแน่ ” เธอว่า เขาหัวเราะเบา ๆ
“ นั่นสิ ฉันอาจจะหิวเหมือนเธอก็ได้ แต่ฉันจะไม่ทำอะไรที่บั่นทอนสุขภาพตัวเอง ”
“ แค่กินมาม่ายามดึกไม่ได้บั่นทอนถึงขั้นเสียชีวิตหรอกค่ะคุณหมอ ใคร ๆ เขาก็ทำกัน หิวก็กิน ง่วงก็นอน มีความสุขก็หัวเราะ เป็นเรื่องปกติจะตายไป ไม่เห็นต้องทำให้เป๊ะไปเสียทุกอย่าง ” คำตอบธรรมดา ๆ ของเธอทำให้เขานิ่งงันไปชั่วขณะ ทำให้เธอรู้สึกว่าพูดมากไปอีกแล้ว
“ หนูขอโทษค่ะ ”
“ ขอโทษอีกแล้ว เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย ”
“ หนู… พูดมากไป หนูไม่ควร เดี๋ยวไปทำให้คุณหมอไม่พอใจ ”
“ ฉันดูเป็นคนเอาแต่ใจขนาดนั้นเลยหรือไง หืม ? ”
เขาถามยิ้ม ๆ พลางจ้องมองมาด้วยดวงตาเป็นประกายแปลก ๆ ที่เธอไม่เคยเห็น แต่มันดูสดใส มันดูไม่ทึบทึมดุดันเหมือนทุกครั้งที่อยู่กับเขา