“ เปล่าค่ะ แต่คุณหมอดูเป็นคนมีระบบระเบียบกับชีวิต ”
“ ใช่ และฉันก็คิดว่าหมออีกหลาย ๆ คนก็คงเป็นแบบฉัน ในเมื่อเราเรียนรู้มาโดยตรงว่าอะไรจะดีหรือไม่ดีต่อร่างกาย แล้วทำไมเราต้องทำอะไรที่บั่นทอน เราควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ชีวิตสมบูรณ์แบบและมีความสุข จริงไหม ? ”
“ ก็… จริงมั้งคะ ”
“ จริงมั้งคะของเธอ มันหมายความว่าไม่เห็นด้วยใช่ไหม ”
“ ถ้าหนูตอบแล้ว คุณหมอจะโกรธหนูหรือเปล่า ”
“ ไม่ เอาสิ พูดเลยเต็มที่ ฉันก็อยากฟังในมุมมองของคนอื่นบ้าง ”
“ สำหรับหนูที่เกิดมาบนชีวิตที่ไม่ได้สมบูรณ์พร้อม สิ่งที่หนูเป็น หนูมีมักจะไม่ได้ดีที่สุดหรอกค่ะ แต่หนูก็มีความสุขดีตามอัตภาพ ”
“ เธอหมายความว่าแม้จะไม่ดีที่สุดมันก็มีความสุขได้ งั้นสิ ”
“ ใช่ค่ะ ความสุขอยู่ที่เราพอใจไหม พอดีหรือไม่ ใช่ว่าสมบูรณ์แบบ ดีพร้อมแล้วจะสุขเสมอไป ”
คำตอบของเธอทำให้เขาอึ้งอีกครั้ง รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าหล่อเหลา ทำให้เธอรู้สึกว่าคงจะพูดมากไปเสียแล้ว
“ แล้วปกติตารางชีวิตคุณหมอเป็นอย่างไรคะ ทานอาหาร ตื่น หรือมีกิจวัตรอะไรบ้าง บางทีหนูอาจจะนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อรักษาสุขภาพบ้าง ” เธอเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะดูเหมือนจะยิ่งทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทุกขณะ
“ ใช่ ฉันมีตารางชีวิตเป็นเวลา มื้อเช้า เที่ยง เย็น หลังเลิกงานออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมงทุกวัน ดื่มน้ำเยอะ ผักผลไม้ที่มีประโยชน์ไม่ขาด นอนวันละไม่ต่ำกว่าหกชั่วโมง ”
เธอพยักหน้าหงึกหงัก
“ ถึงว่าสิคะ คุณหมอตัวโตแล้วก็กล้ามแน่นไปหมด เคยป่วยบ้างไหมคะ ”
“ แทบจะไม่เลย ”
“ ปีนี้ป่วยหรือยังคะ ”
“ ไม่นะ ”
“ หวัดก็ไม่เป็นเลยเหรอคะ ” เขาส่ายศีรษะยิ้ม ๆ เธอร้องโอ้โหออกมาเบา ๆ
“ แล้วมีบ้างหรือเปล่าคะที่ทำไม่ได้ตามตาราง ”
“ มีสิ อย่างวันนี้ก็มี ฉันติดธุระน่ะ เลยไม่ได้ออกกำลังกายตอนเย็น แต่ฉันก็มาใช้แรงกับเธอแทน ”
ตอบด้วยดวงตาที่เริ่มฉ่ำเยิ้ม แบบนั้นอีกแล้ว สายตาที่ทำให้ร้อนวูบวาบ…
เด็กสาวหลบตาแล้วรีบนำชามไปล้างที่อ่างล้างทันที
“ อ้าว อิ่มแล้วเหรอ ” เขาถามเมื่ออยู่ดี ๆ เธอก็พรวดพราดลุกหนี
“ ค่ะ ” เธอว่าก่อนเปิดก๊อกให้น้ำไหลออกมาชำระล้างคราบสกปรก
“ ทีหลังจะกินอะไรก็บอกคนใช้สิ ” เธอสะดุ้งเฮือก ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับคำพูดของเขามากหรอก แต่ตื่นเต้นที่มันดังอยู่ข้างหูแล้วเขาก็สวมกอดรอบเอวของเธอเอาไว้
“ เอ่อ… คือหนูเกรงใจพวกพี่ ๆ ป้า ๆ น่ะค่ะ มันดึกมากแล้ว อีกอย่างหนูแค่คนอาศัยนะคะ มาอาศัยบารมีของคุณหมอเหมือนกัน ไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้านาย ”
“ ไม่เหมือนกันหรอก เพราะเธอเป็นผู้หญิงของฉัน ”
บอกเสียงนุ่มแล้วก้มลงจูบเบา ๆ ที่ซอกคอ
หัวใจของเด็กสาวเต้นแรง เขาเป็นอะไรนะ จู่ ๆ ก็นึกจะนุ่มนวลแล้วมาทำให้ใจสั่นแบบนี้
“ เสร็จหรือยัง ไปนอนได้แล้ว ”
“ ค่ะ ” เธอรับคำเสียงสั่นแล้วล้างมือ เช็ดมือเรียบร้อย
เขาจูงมือเธอให้เดินเคียงกันขึ้นชั้นบนไปที่ห้องขาว
“ อาทิตย์หน้ามหาวิทยาลัยก็จะเปิดแล้ว คนของฉันจัดหาของให้พร้อมหรือยัง ขาดเหลืออะไรไหม ”
“ ไม่ค่ะ มีทุกอย่างแล้ว ” เด็กสาวตอบพลางนึกแปลกใจ นี่เขาจำรายละเอียดส่วนตัวของเธอได้ด้วยเหรอ
เขาเปิดห้องแล้วส่งเธอที่เตียงนอน ห่มผ้าให้ราวกับพระเอกในละครที่เธอเฝ้าฝันหา ก่อนก้มลงมาจูบที่เปลือกตาเบา ๆ
“ ฝันดีนะเด็กน้อย ” แล้วเขาก็ลุกขึ้นหันหลังให้จะเดินออกจากห้อง ไม่รู้เพราะเหตุผลใดเธอร้องเรียกเขาเอาไว้
“ คุณหมอขา ”
เขาหยุดเดินแล้วมองข้ามไหล่กลับมา
“ ว่าไง ”
“ คุณ… นอนที่นี่กับหนูก็ได้นะคะ คือ หนูไม่ได้หมายถึงว่าเรื่องเซ็กส์ หมายถึงนอนด้วยกันบนเตียง มันกว้างมาก ๆ หนูนอนไม่ดิ้นหรอกค่ะ ” เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบกลับ
“ ฉันไม่ชอบหลับร่วมเตียงกับใคร ” แล้วสาวเท้าเดินจากไป เด็กสาวตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ แล้วพึมพำคนเดียว
“ ยัยแก้ว นี่แกบ้าไปแล้วหรือไงถึงได้ใจกล้าหน้าด้านชวนคุณหมอนอนด้วยแบบนั้น น่าอายจริง ! ”
อาจเป็นเพราะเคลิบเคลิ้มที่วันนี้เขาดีกับเธอเหลือเกิน ได้พูดจากันมากขึ้น เลยนึกอยากจะได้ไออุ่นมากกว่านั้น อยากหลับใหลในอ้อมอกอุ่นอย่างที่เคยฝันหา ไม่ใช่ร่วมเตียงเพียงเพื่อเซ็กส์อย่างเดียว
ได้คืบอย่าเอาศอก แก้วกานดา
เธอเตือนตัวเองในใจ