แน่นอนว่าเขาไม่ได้ต้องการพวกเธอมาเพื่อความรัก คนอย่างดุจตะวันไม่เคยไว้ใจที่จะรักใคร เขา ซื้อ พวกเธอมาบำบัดความใคร่ หมูไปไก่มา วิน ๆ เบื่อก็จบ หารายใหม่
ไม่มีใครเคยกะเทาะกำแพงหัวใจของดุจตะวันเข้าไปได้ทั้งนั้น…
หลังจากที่คุณแม่ของเขาเสียแล้ว คุณเมธี สามีใหม่ จัดการขายสมบัติที่เหลือไปใช้หนี้แล้วยกให้ลูกทั้งสองอย่าง เท่าเทียม จากนั้นท่านยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแต่ดุจตะวันปฏิเสธ
เขาเติบโตมาในโรงเรียนประจำ ปิดเทอมก็หาที่เรียนพิเศษ ใช้เวลาอยู่ที่บ้านไม่มากนัก เขาจึงไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับการไม่มีผู้ปกครองเพราะดูแลตัวเองมาตลอด อีกอย่างคือ ผู้ปกครองที่มีนั้นก็ไม่ได้เป็นที่พักพิงให้ เขาจึงไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น
จะมีก็แต่ธารเมฆา น้องชายต่างพ่อผู้ที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แม้เขาจะปิดกั้นตัวเองกับผู้คนสักเท่าไหร่ แต่น้องก็ยังรักพี่ชายอยู่เสมอ ธารเมฆาจึงเป็นคนเดียวที่เข้าถึงตัว
เมื่อเรียนจบ เขาและน้องใช้เงินมรดกนั้นร่วมกันเปิดคลินิกรักษาโรคและขยายเป็นศัลยกรรมในภายหลัง จนกลายเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อม ๆ เมื่อสร้างผลกำไรได้มากขึ้นก็ขยายสาขา รายได้เข้ามาเป็นกอบเป็นกำ ดุจตะวันจึงออกมาซื้อที่ดินและสร้างบ้านเป็นอาณาจักรของตัวเองทันที และเขาใช้เงินของตัวเองที่สร้างมาในภายหลังทำบุญไปจนเท่ากับจำนวนเงินที่ใช้มรดกของแม่มาตั้งตัว เพราะคิดเอาเองว่าไม่อยากเป็นหนี้อะไรพวกเขาอีก ชดใช้กันไปเสียให้จบสิ้นในชาตินี้
เขาหลุดพ้นแล้ว หลุดพ้นเสียที…
แต่สิ่งที่คิดมันไม่ใช่เลย พวกเขาตายไปแล้วหากยังคงทิ้งรอยแผลลึกไว้ในใจ คำด่าทอและการทุบตียังคงฝังตรึง ยามใดที่เขาหลับใหล ภาพเหล่านั้นยังคงตามมาหลอกหลอนในฝันเสมอ
‘ ไอ้เด็กเหลือขอ เกิดมาทำไม แกมันก็แค่ของมีตำหนิ ไม่สมควรเกิดมาหรอก แกมันทำให้ชีวิตฉันมีมลทิน ! ’
เสียงตะโกนด่าทอพร้อมกระชากทุบตีทำให้เขาผวาในยามหลับ และเขาก็กลับไปเป็นเด็กชายดุจตะวันตัวน้อย ๆ ที่หวาดกลัวจนตัวสั่น
‘ ผมขอโทษครับแม่ ผมขอโทษ อย่าทำผมเลย อย่าตีผม ผมจะไม่มาให้แม่เห็นหน้า ไม่ทำให้แม่รำคาญใจอีก ’
คำพูดเหล่านี้ถูกพูดทุกครั้งเมื่อถูกแม่หรือตารังแกพร้อมกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น และมันมักจะเกิดขึ้นในยามที่เขาหลับ
เขาก็แค่เด็กชายตัวน้อย ๆ ที่อยากให้แม่รัก อยากให้แม่กอดบ้างอย่างคนอื่น แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีแต่การทำร้ายให้เจ็บปวดทั้งกายใจ
ใช่ เขาละเมอมันออกมา มันเป็นสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้และไม่ต้องการให้ใครรู้เห็นทั้งนั้น
นายแพทย์ดุจตะวันจะต้องสมบูรณ์แบบ !
แล้วยัยเด็กนั่น แก้วกานดา เธอกล้าดียังไงถึงได้เข้ามาล่วงรู้ความลับน่าละอายของเขา ทำไมดื้อนัก !
บ้าเอ๊ย !
***
รุ่งเช้า
แก้วกานดาตื่นขึ้นมากับความว่างเปล่า ไม่มีใครเข้ามาปลุกด้วยเซ็กส์เร่าร้อน
เมื่อเธออาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วก็เดินลงไปข้างล่าง พบคุณแม่บ้านวันเพ็ญจัดเตรียมอาหารเช้ารออยู่แล้ว
“ อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณแก้ว ”
“ ค่ะคุณแม่บ้าน ” เธอตอบกลับไปอย่างเนือย ๆ ดวงตาทั้งคู่บวมแดงเพราะร้องไห้ไปจนกระทั่งหลับ คุณแม่บ้านคงสังเกตเห็นแต่ก็ไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“ วันนี้คุณหมอท่านออกไปแต่เช้าเพราะมีเคสด่วน ท่านสั่งให้คุณพักผ่อนอยู่บ้าน และทบทวนสิ่งของที่ต้องใช้ว่ามีขาดเหลืออะไรหรือเปล่า เพราะใกล้จะเปิดเทอมแล้ว หากมีขาด ฉันกับคนรถจะพาคุณออกไปซื้อค่ะ ”
“ ขอบคุณค่ะ ” เด็กสาวตอบสั้น ๆ แต่ในใจก็ยังแอบคิด
จะมาสนอกสนใจเธอทำไมเล่า ทีเมื่อคืนตวาดเธออย่างไม่มีดี ไม่นึกถึงจิตใจกันบ้าง ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ
“ เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมคุณแก้วตาบวมไปหมดแบบนั้น ” จู่ ๆ คุณแม่บ้านก็ถามขึ้น น้ำตาเจ้ากรรมก็พาลไหลออกมา
“ คุณแก้ว ” นางหยิบกระดาษทิชชู่แล้วส่งให้แก้วกานดาอย่างห่วงใย
“ เกิดอะไรขึ้นคะ ”
“ หนูมันทำอะไรก็ผิดไปหมด คุณหมอเขาถึงได้เกลียด ”
“ ถ้าคุณหมอเกลียดคุณ ท่านจะเอาคุณมาอยู่ที่บ้านด้วยทำไมล่ะคะ เกิดอะไรขึ้น ”
“ เมื่อคืนคุณหมอตวาดหนู ”
“ คุณไปทำอะไรผิดเข้าล่ะคะ ไม่ทำตามกฎที่ท่านบอกไว้หรือเปล่า ”
“ ก็… ”
“ คุณหมอท่านไม่ใช่คนไร้เหตุผล หากคุณทำตามกฎก็ไม่มีอะไรที่ต้องห่วง ฉันขอตัวนะคะ ” คุณแม่บ้านพูดแค่นั้นก่อนเดินจากไป
ใช่สิ คุณแม่บ้านเป็นคนของเขาก็ต้องเข้าข้างเขาเป็นธรรมดา แต่ที่เธอพูดมันก็ถูก
เธอไปล่วงล้ำกฎที่เขาตั้งไว้…
แต่ที่ทำไปเพราะเป็นห่วงไงเล่า !