เด็กสาวลำเลียงของใช้ส่วนตัวที่มีอยู่น้อยนิดไว้ที่ห้องส่วนตัวของเธอ คืนนี้ครูรุ่งรัตน์จะค้างกับเธอหนึ่งคืนก่อนเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น
ความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางร่วมหกชั่วโมงจากบ้านมาที่นี่ทำให้ทั้งครูและเธอผล็อยหลับไปแต่หัววัน และเธอก็สะดุ้งตื่นมาตอนเที่ยงคืน ข่มตายังไงก็หลับไม่ลง
คิดถึงยายเหลือเกิน…
ป่านนี้ยายจะคิดถึงหนูบ้างไหมหนอ ไม่มีใครให้นอนกอด…
คิดแล้วขอบตาก็ร้อนผ่าว เด็กสาวจึงตัดสินใจเดินออกไปรับลมนอกบ้านเพื่อให้จิตใจสดชื่นขึ้น
“ ว้าว ! ” เธออุทานออกมาอย่างประหลาดใจอีกครั้งเมื่อเห็นบรรยากาศของบริเวณบ้านในยามค่ำคืน ทั้งตัวบ้านและสวนมีดวงไฟสาดแสงสวย สวยจนอยากจะเดินออกไปชม ฉับพลันก็นึกถึงคำพูดของคุณแม่บ้าน
‘ หลังสองทุ่มห้ามเดินเข้าไปในบริเวณเรือนใหญ่ คุณหมอท่านชอบความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบให้ใครไปยุ่มย่าม ’
ขาที่กำลังจะก้าวชะงักค้าง แต่ความอยากรู้อยากเห็นประสาเด็กบ้านนอกที่ไม่ค่อยได้เห็นอะไรงดงามราวฉากละครที่หลุดออกมาจากทีวีก็ชนะ
“ นี่มันเที่ยงคืนแล้ว คุณหมอท่านคงหลับไปแล้วมั้ง อีกอย่างเราก็เดินเล่นอยู่ที่สวน ไม่ได้ไปรบกวนคุณหมอเสียหน่อย ” เธอสรุปเข้าข้างตัวเองเสร็จสรรพก่อนจะเดินออกจากเรือนพักตรงไปยังสวนสวยหน้าคฤหาสน์ทันที
คิดไม่ผิดเลยที่ตัดสินใจแหกกฎของคุณแม่บ้าน รอบบริเวณมีลมโชยเอื่อย เธอเดินลึกเข้าไปในสวนก็พบว่ามีน้ำพุเล็ก ๆ ซุกซ่อนอยู่ตรงนั้นและมันถูกเปิดให้พวยพุ่งโดยมีไฟสีฟ้าสาดส่องสวยงาม
ขณะกำลังเพลิดเพลินกับการชมสวนสวย ฉับพลันหูก็แว่วยินเสียงรถคันหนึ่งแล่นเข้ามา เด็กสาวสะดุ้งตกใจพลางหันไปมอง
รถยนต์หรูสีแดงเพลิงที่เธอไม่รู้จักยี่ห้อเลี้ยวเข้ามาในบริเวณบ้าน และกำลังแล่นอย่างรวดเร็วบนถนนเส้นเล็ก ๆ ที่ทอดยาวไปสู่ด้านหน้าคฤหาสน์
“ คุณหมอเหรอ ” เธอพึมพำเบา ๆ อย่างสงสัย ก่อนที่จะเร้นกายหลังพุ่มไม้หวังจะรอให้รถแล่นผ่านแล้วแอบวิ่งกลับเรือนพักให้เร็วที่สุด
แต่จู่ ๆ รถคันนั้นก็หยุดลงระหว่างทางดื้อ ๆ เลยพุ่มไม้ที่เธอแอบอยู่เพียงนิดเดียว
“ จอดทำไมนะ หรือว่าจะเห็นเรา ” คนแอบมองว่าอย่างเกรง ๆ พลางยกมือขึ้นตบยุงที่เริ่มมารุมตอมเมื่อเธอยืนเป็นเป้านิ่ง
เด็กสาวยืนรอด้วยใจระทึก ผ่านไปราวสองนาทีแล้วแต่รถคันนั้นก็ยังจอดนิ่งโดยไม่ดับเครื่องอยู่กลางทาง
“ สงสัยกำลังคุยโทรศัพท์ละมั้ง อาจจะมีใครโทรมาเลยจอดคุย ” เธอคาดเดา ดวงตาจ้องเป๋ง พยายามจะมองเข้าไปให้เห็นอิริยาบถของคนในรถแต่กระจกก็มืดเสียเหลือเกิน
“ ไม่ไหวแล้ว ยุงกัด เป็นไข้เลือดออกมาล่ะยุ่งเลย ” เธอพึมพำพลางทั้งตบทั้งเกายุงที่รุมกันใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจย่องออกมาแล้ววิ่งปรู๊ดข้ามฝั่งถนนเล็ก ๆ จากสวนไปยังอีกฟากเพื่อจะกลับเรือนพัก และเธอรีบสาวเท้าเร็ว ๆ เพื่อจะไปจากตรงนั้น
ฉับพลันประตูรถฝั่งคนขับก็ถูกเปิดออก แก้วกานดาอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ แต่ด้วยแสงไฟสลัวรางจากสวนทำให้เธอไม่สามารถเห็นใบหน้าเขาได้ชัดถนัดนัก เขาสวมเชิ้ต สีขาว กางเกงแสล็คสีเข้ม เดินออกมาจากรถสู่ฝั่งที่นั่งข้างคนขับอย่างเร่งรีบ ก่อนประตูฝั่งนี้จะถูกเปิดออก ร่างขาวสวยอวบอัดสวมเดรสเกาะอกสีขาว รองเท้าส้นสูงก็สีเดียวกันเดินลงมา เธอคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้าชายคนนั้นแล้วลนลานถอดเข็มขัด ตามมาด้วยการปลดซิปกางเกงของเขา ก่อนมันจะถูกดึงรั้งลงไปที่หัวเข่า
อะไรบางอย่างเป็นท่อนลำอ้วนเท่าข้อแขนดีดผึงออกมาเป็นอิสระ มันดีดไปโดนปากของผู้หญิงคนนั้นและเธออ้ารับมันเข้าไปดูดกินทันที !
แก้วกานดายืนตะลึง ตาเหลือกโพลงแทบถลนออกจากเบ้า !
เกิดมาไม่เคยพบเคยเจออะไรแบบนี้ หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกมานอกอก
เด็กสาวไร้เดียงสา บ้านของเธอยากจนนัก มือถือสักเครื่องก็ไม่เคยมีใช้ เพราะถึงจะมีก็คงไม่มีเงินมาเติมอินเตอร์เน็ตแล้วท่องไปในโลกโซเชียลอย่างคนอื่น เวลาของเธอทุกนาทีมีค่า ถ้าไม่เรียน ไม่อ่านหนังสือ เธอก็ไปรับจ้างทำงานพิเศษจิปาถะ สอนการบ้านเด็ก ทำความสะอาดบ้าน มีงานประจำคือล้างจานที่ร้านขายข้าวแกงที่โรงเรียนตอนพักกลางวัน
เธอรู้จักการร่วมรักระหว่างชายหญิง เคยดูในทีวี เคยอ่านนิยายในห้องสมุดมาบ้าง แต่ก็อ่านข้าม ๆ ไปเสียส่วนมาก อาจจะเพราะเติบโตมากับการอบรมให้รักนวลสงวนตัวของยาย เรื่องเพศจึงเป็นเรื่องน่าขวยเขินลำบากใจเหลือเกินที่จะรับรู้มัน
แม้จะเคยรับรู้มาบ้าง แต่ไม่รู้ว่าเขาจะต้องมานั่งดูดนั่งเลียเครื่องเพศให้กันกลางถนนแบบนี้ ถึงเป็นถนนส่วนตัวในบ้านก็เถอะ มันก็ยังถือว่าประเจิดประเจ้อ น่าเกลียด !