แรงระเบิดนั้นค่อนข้างแรง กระทั่งพลอยทำให้รถของหลิวไห่ได้รับความเสียหาย เขาหักหลบไปด้านข้างโดยไม่รู้ตัวและชนเข้ากับกำแพงอย่างจัง ถุงลมนิรภัยพุ่งออกมาจากพวงมาลัยของคนขับกระแทกร่างของหลิวไห่อย่างแรง ความรู้สึกในตอนนี้คือจุกแต่เขารู้ว่าตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรในใจคิดถึงเพียงแต่ความปลอดภัยของหลี่เจี่ยซินเท่านั้น
หลิวไห่รู้สึกเหมือนว่าศีรษะของตัวเองจะหมุนไปรอบคอ เขามองอะไรไม่ชัดเจนจนกระทั่งถูกใครบางคนลากร่างของเขาออกจากรถอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องห่วงผม แฟนผม หลี่เจี่ยซินเธออยู่ตรงนั้นรถที่มันระเบิด ไม่ต้องห่วงผมไปดูแฟนของผม”
หลิวไห่ผลักคนคนนั้นออก แต่แล้วเสียงคุ้นหูก็ดังขึ้น
“ที่รักฉันไม่เป็นอะไร ฉันสบายดีฉันกระโดดออกจากรถได้ทัน”
ความรู้สึกของหลี่เจี่ยซินว่องไวนัก เธอรู้ถึงสิ่งที่ผิดปกติโดยสัญชาติญาณบางอย่างจึงตัดสินใจกระโดดออกจากรถอย่างรวดเร็ว หลิวไห่มองหน้าของเธอสองมือของเขาจับแก้มของเธอแล้วดึงหลี่เจี่ยซินเข้ามากอด
“ที่รัก เธอปลอดภัย ขอบคุณพระเจ้าขอบคุณพระเจ้า”
เขากอดหลี่เจี่ยซินแน่น ความรู้สึกอึดอัดที่มีในหัวใจพลันโล่งขึ้น หลี่เจี่ยซินรับรู้ว่ามีบางอย่างกำลังหยดลงที่ไหล่ของเธอ ในตอนแรกเธอคิดว่าสิ่งนั้นอาจจะเป็นเลือดแต่เมื่อเธอผละออกจากอกของหลิวไห่ด้วยความตกใจกลับพบว่าตอนนี้หลิวไห่มีน้ำคลอดวงตา
เขากำลังร้องไห้เพราะคิดว่าเธอตาย และเขากำลังร้องไห้เพราะรู้ว่าเธอรอดแล้ว
หลิวไห่กอดเธออีกครั้ง คราวนี้หลี่เจี่ยซินเองก็กอดเขาแน่น เธอร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย และที่ชัดเจนคือ ผู้ชายคนนี้ดีกับเธอมาก เธอเสียใจที่มีเวลาอยู่กับเขาน้อยไป และเสียใจที่ทำให้เขาเจ็บปวด
สิ่งที่หลี่เจี่ยซินทนไม่ได้ก็คือเห็นเขาเจ็บปวด เธอจะทำยังไงดี
ทันใดนั้นหลี่เจี่ยซินก็คิดได้ ยานั้นที่เป็นยาสลายพลังของเธอ แม้จะเสี่ยงว่าเธอจะพิการหลี่เจี่ยซินก็ต้องลองดู ยังไงเธอก็ต้องตายอยู่แล้วเธอก็จะเสี่ยงสักครั้ง หากเธอใช้ยานั่นและทำให้เธอพิการจริงอย่างมากหลี่เจี่ยซินก็พร้อมที่จะจบชีวิตของตัวเองเสีย
เธอตบหลังหลิวไห่เป็นการปลอบใจเขา แล้วโอ๋เขาเหมือนเด็ก ๆ
“ที่รักฉันไม่เป็นไร ฉันปลอดภัยและจะอยู่กับที่รักไปอีกหลายปี”
คำพูดของเธอคล้ายกับคำมั่นสัญญา การตัดสินใจเกิดขึ้นอีกครั้ง การตัดสินใจครั้งแรกคิดจะหนีเขาไปอย่างเงียบเชียบโดยทำให้เขาเข้าใจผิด แต่การตัดสินใจในครั้งนี้คือการไปเอายาสลายพลังแล้วอยู่กับเขาในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง
คนของหลิวไห่ล้อมพวกเขาเอาไว้เพื่อดูแลความปลอดภัย ตำรวจมาที่สถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วพร้อมกับรถพยาบาล คนทั้งคู่ขึ้นรถฉุกเฉินไปด้วยกันหลิวไห่ยังกอดหลี่เจี่ยซินเอาไว้แบบนั้น เมื่อสักครู่เขาแทบสิ้นสติและแทบจะตายไปพร้อมกับเธอ การเห็นระเบิดเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาแบบนี้ทำให้เขารู้อย่างลึกซึ้งว่าตัวเองนั้นรักหลี่เจี่ยซินเพียงใด
ในตอนนี้นอกจากเฉินเฟยอวี๋แล้วชีวิตของเขาก็มีหลี่เจี่ยซินอีกคนที่เขาพร้อมจะสละชีวิตเพื่อเธอ
“ที่รักเธอต้องตรวจร่างกายอย่างละเอียดนะ”
หลิวไห่บอกกับเธอก่อนที่เขาจะแยกไปตรวจร่างกายในแผนกผู้ป่วยชาย หลังจากสองคนตรวจร่างกายเรียบร้อย หลี่เจี่ยซินในตอนนี้ก็อยู่ในห้องกับคุณหมอประจำของเธอ
“คุณต้องเข้าผ่าตัดให้เร็วที่สุด ผมไม่คิดว่าเนื้องอกจะโตเร็วขนาดนี้ หากชักช้าคนอาจจะ..”
คุณหมอถอนหายใจ เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมคนไข้ยังไงให้เข้าการผ่าตัด ถึงมันจะเสี่ยงแค่ไหนก็ยังมีโอกาสรักษา แต่หากเธอไม่ผ่าตัดเลยทางเดียวของเธอก็คือความตาย แต่หลี่เจี่ยซินคนนี้กลับยิ้มยอมรับความตายอย่างกล้าหาญ
“ฉันไม่ผ่าตัดค่ะคุณหมอ ฉันไม่มีวันหายจากเนื้องอกนี้แม้ว่าจะผ่าตัดแล้วก็ตาม”
หลี่เจี่ยซินย่อมรู้ดีว่าตัวเองนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้ อายุของเธอคือยี่สิบห้าปีเต็มและเธอจะตายในวันเกิดของเธอ วิธีเดียวที่เธอพอจะมีทางรอดก็คือต้องได้ยาสลายพลังของเธอเท่านั้น
ซึ่งคนที่มียานี้มีเพียงคนเดียว ประธานกู้
หลี่เจี่ยซินยิ้มอ่อนหวานให้คุณหมอ ในขณะที่หมอคนนั้นถึงกับอึ้งไป หากคนไข้ไม่ยินยอมเขาก็ไม่สามารถช่วยเธอได้ สองคนพูดคุยกันอยู่ในห้องแต่กลับไม่รู้ว่าตอนนี้มีใครบางคนที่กำลังใจสลายแอบฟังอยู่ข้างนอก
หลี่เจี่ยซินพูดคุยกับหมออีกไม่กี่คำ เธอก็ออกจากห้องตรวจ พบหลิวไห่รออยู่ด้านนอก เธอโผเข้าไปหาเขาแล้วกอดเอวเขาแน่น
“เป็นยังไงบ้างคะ”
หลิวไห่กอดเธอตอบ หลี่เจี่ยซินในตอนนี้ผอมบางมากกว่าเดิม ผมของเธอมัดเป็นหางม้าง่าย ๆ เสื้อผ้าของเธอเปื้อนดินเปื้อนเขม่าแม้จะดูมอมแมมไปบ้างแต่ก็สวยซึ้งน่ามองเช่นเดิม
“ไม่มีอะไรน่าห่วง อวัยวะภายในยังสมบูรณ์แล้วคุณล่ะ”
ปลายเสียงของหลิวไห่กลับขาดหวิวและสั่นเล็กน้อย หลี่เจี่ยซินไม่สังเกตเห็นเธอส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ สบายดีที่รักก็รู้ว่าฉันแข็งแรงมากแค่ไหน”
หลิวไห่โอบเธอแล้วพาออกจากโรงพยาบาล เขารับโทรศัพท์ของเฉินเฟยอวี๋ที่โทรมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ไม่ต้องห่วง พี่และหลี่เจี่ยซินสบายดีนายสบายใจได้”
เขาวางโทรศัพท์ไปแล้ว ใบหน้าของเขายังซีดเซียว หลี่เจี่ยซินจับหน้าผากของเขา
“ที่รักไม่สบายหรือเปล่า ไปให้หมอตรวจอีกรอบดีหรือเปล่า”
หลิวไห่ส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร ว่าแต่ว่าเธอไม่มีอะไรที่จะบอกฉันจริง ๆ เหรอ”
หลี่เจี่ยซินเม้มปากเธอคิดว่าหลิวไห่หมายถึงเรื่องระหว่างเธอและหูเสี่ยวเทียน เธอหลอกเขาแบบนั้นเขาย่อมไม่สบายใจ
“ไม่มีอะไรนะ ฉันไปซื้อกาแฟจริง ๆ แค่บังเอิญพบหูเสี่ยวเทียนเลยคุยกับเขา”
หลิวไห่ยิ้ม
“เรื่องนั้นไม่สำคัญแล้ว”
รถมาจอดด้านหน้า เขากุมมือเธอเอาไว้แล้วบอกคนขับรถว่า
“ไปโรงพยาบาลเหลยเซิน”
หลี่เจี่ยซินมองหน้าเขา
“ที่รักจะไปเยี่ยมใครคะ”
“พาคุณไปรักษา อย่าปิดผมอีกเลยผมได้ยินหมดแล้ว”
หลี่เจี่ยซินปากสั่นระริก เขาได้ยินอะไร และได้ยินแค่ไหน
“ที่รักหมายความว่ายังไง”
หลิวไห่ดึงเธอมากอด
“ไม่สบายขนาดนั้นแล้วทำไมไม่ยอมบอก คิดจะเฉือนหัวใจผมทีละช้าจนผมตายหรือยังไง”
หลี่เจี่ยซินสะท้อนใจ กลั้นก้อนสะอื้นในลำคอ
“ที่รักได้ยินอะไรมา”
หลิวไห่ไม่กล้าแม้แต่จะพูด หลี่เจี่ยซินสัมผัสได้ว่าในตอนนี้ตัวเขาสั่นเทิ้มจนเธอต้องตบหลังเขา
“ฉันไม่ได้แย่ขนาดนั้น”
“ใช่ คุณไม่ได้แย่ขนาดนั้น คุณต้องหาย”
หลี่เจี่ยซินคิดหนัก เธอจะบอกเรื่องนี้กับเขาดีหรือเปล่าในเมื่อเขาได้ยินหมดแล้ว เขารู้แล้วแต่ยังมีความลับของเธอที่เขายังไม่รู้
“หลี่เจี่ยซิน คุณไม่ต้องห่วงยังไงผมก็ไม่ปล่อยให้คุณเป็นอะไร คุณต้องหาย คุณคือชีวิตของผม ผู้หญิงของผมตั้งแต่วันแรกที่คุณลากผมเข้าโรงแรม”
หลี่เจี่ยซินมองเขาอย่างลึกซึ้ง และในตอนนี้เธอก็ตัดสินใจบางอย่าง
“ที่รัก ฉันมีอะไรจะบอกคุณ”
หัวใจของหลิวไห่ในตอนนี้แทบจะขาดแล้ว เธอยังมีความลับอะไรอีก
“ผมพร้อมจะฟังคุณ ไม่ว่าเป็นอะไรเราจะเผชิญไปด้วยกัน หลี่เจี่ยซินจำไว้ว่าผมรักคุณ เลิกปิดบังผมเถอะถ้าคุณรักผม”
เพราะเขาพูดแบบนี้ทำให้เธอถึงกลับหลั่งน้ำตาออกมา หลี่เจี่ยซินพูดทั้งสะอื้น
“ที่รัก ฉันไม่ใช่ฉัน ฉันเป็นตัวโคลนและฉันจะตายเมื่ออายุครบยี่สิบห้าปีเต็ม ที่ฉันหายไปฉันได้รู้ความลับนี้ ถึงจะผ่าตัดเอาเนื้องอกนี้ออกก็จะมีก้อนใหม่ขึ้นมาแทนอย่างรวดเร็วยังไงฉันก็ต้องตายอยู่ดี”
หลิวไห่แทบจะลืมหายใจแล้ว มือของเขาเย็นเฉียบหัวใจแทบจะหยุดเต้น เหงื่อเย็นไหลออกมาท่วมแผ่นหลัง
“เกิดอะไรขึ้น”
หลี่เจี่ยซินร้องไห้จนตัวโยน เธอไม่เคยรู้สึกอ่อนแอแบบนี้มาก่อนในชีวิต ในตอนที่เขาไม่รู้เธอยังพอทำใจได้ แต่ในตอนนี้เธอกลับตัดใจไม่ได้ เห็นเขาที่เจ็บปวดแบบนี้หลี่เจี่ยซินยิ่งรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่า
หลิวไห่ปล่อยให้หลี่เจี่ยซินร้องไห้จนคลายสะอื้น เขาลูบหลังของเธอปลอบเธอในอ้อมกอดอบอุ่น จูบหลังมือทั้งหน้าผากของเธอทั้งยังซับน้ำตาให้เธอครั้งแล้วครั้งเล่า ท่ามกลางเสียงสะอื้นและความเงียบงันคนสองคนกำลังจมดิ่งลึกลงไปในความเจ็บปวดจนใจแทบสลาย