หลังหลิวไห่ออกจากโรงพยาบาลเรือนจำ เขาก็ถูกย้ายไปที่แดนนักโทษคดีร้ายแรง ส่วนใหญ่เป็นนักโทษประหารหรือนักโทษตลอดชีวิต คนในแดนนี้จึงนับว่าน้อยมาก ทำให้เขาไม่ต้องไปเบียดเสียดแออัดอยู่กับใคร
ห้องที่เขาถูกคุมขังเป็นห้องรวมกับคนสูงอายุสามสี่คน ที่ไม่ค่อยชอบพูด
ส่วนตัวของหลิวไห่เองก็ไม่ชอบพูดเหมือนกัน ในห้องขังของพวกเขาจึงแทบจะเป็นห้องเงียบ ถึงจะถูกแยกขังออกจากนักโทษทั่วไป เพราะเขาเป็นโทษตลอดชีวิตแต่เวลากลางวันพวกเขายังต้องร่วมทำกิจกรรมกับแดนอื่นอยู่ดี
ตอนนี้ไม่มีใครกล้าที่จะล่วงเกินหลิวไห่แล้ว กระทั่งคนที่เคยคิดจะทำร้ายเขาคนนั้นยังถือถาดข้าวเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามหลิวไห่แล้วเรียกเขาว่า ลูกพี่
“ผมชื่อ อเล็กซ์ครับลูกพี่ชื่ออะไร”
หลิวไห่มองไอ้หนุ่มหน้าจีนทุกกระเบียดนิ้วตาตี่คนนี้ที่ชื่ออเล็กซ์แล้วก็ได้แต่สงสัยว่าใครเป็นคนตั้งชื่อให้ แต่ที่นี่ฮ่องกงไม่ใช่แผ่นดินใหญ่ก็อาจจะไม่แปลก
“หลิวไห่”
อเล็กซ์ดูอ่อนน้อมถ่อมตัวมากจนผิดปกติ เขาไม่ได้หาเรื่องหลิวไห่อีกแล้วยังขอคำชี้แนะเกี่ยวกับการฝึกร่างกายและฝึกวิทยายุทธ์เหมือนหลิวไห่เป็นจอมยุทธ์คนหนึ่ง หลิวไห่จึงพูดว่า
“เวลาสู้กับคนอื่น ก็อย่าเอาแต่ใช้กำลังสมองนั้นสำคัญที่สุด”
“ครับลูกพี่ ผมจะจำไว้”
“และไม่ต้องเรียกฉันว่าลูกพี่แล้ว ฉันไม่เคยมีลูกน้อง”
“ถ้างั้นพี่เกิดปีอะไรครับ”
หลิวไห่บอกชื่อตัวเอง และอเล็กซ์ถึงขนาดตบอก
“ผมว่าแล้วว่าต้องอายุพอกัน ผมอายุน้อยกว่าพี่ปีเดียวครับ”
หลิวไห่มองอเล็กซ์ที่หน้าตาล้ำอายุไปสักสิบกว่าปีก็พยักหน้า เอาล่ะ เขาอาจจะเป็นคนตัวโตเลยทำให้หน้าแก่คราวลุงแบบนี้
หลังจากนั้นมาหลิวไห่ก็กลายเป็นคนที่อเล็กซ์ต้องเดินเข้าหาทุกครั้งที่ถูกปล่อยตัวออกมาทำกิจกรรมตรงลานกลางร่วมกัน
“ที่นี่มีอยู่สามกลุ่มใหญ่ ทุกคนมีสังกัดและถ้าเราไม่ยุ่งกับใคร กลุ่มอื่นก็จะไม่ยุ่งกับเรา มีสายเดินยา มีสายพนัน มีสายอาหาร ทุกอย่างแลกเปลี่ยนด้วยบุหรี่ครับ”
หลิวไห่แอบเห็นว่าคุณลุงที่อยู่ห้องขังเดียวกับเขามีโทรศัพท์ด้วย จึงถามอเล็กซ์เสียงเบา
อเล็กซ์กระซิบตอบว่า
“ก็มีวิธีเอาเข้าครับ โทรศัพท์รุ่นธรรมดาราคาไม่กี่เหรียญข้างนอก ถ้าเอาเข้ามาข้างในก็ต้องจ่ายหนักหน่อยค่าเครื่องจะแพงกว่าประมานสามสิบสี่สิบเท่าครับ ปกติแล้วถ้าไม่ใหญ่จริงไม่มีใครกล้าเอาเข้า”
หลิวไห่เองถามเป็นความรู้
“แล้วเอาเข้าวิธิไหน”
“แต่ก่อนก็กับคนครัวครับ เวลาเดินผ่านแดนก็โยนกันแล้วมีคนรอรับอยู่หลังกำแพง แต่หลัง ๆ โดนจับได้เลยต้องยัดผู้คุม อย่างน้อยต้องใช้ผู้คุมสามสี่คนครับราคาสูงลิ่ว”
หลิวไห่เข้าใจแล้ว เขาอยากจะหัวเราะ
“ไม่ว่าที่ไหนเงินสำคัญที่สุด”
อเล็กซ์ถูกจับเพราะคดีเก็บค่าคุ้มครองและยกพวกตีกัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะจงใจเข้ามาในนี้เองมากกว่า เขาเข้าออกคุกมาหลายปีและมีนายใหญ่ที่อเล็กซ์ไม่เปิดเผยอยู่ในนี้ ทุกครั้งที่เขาทำงานสำคัญและกำลังจะเริ่มบางอย่าง อเล็กซ์จะหาทางให้ตัวเองโดนจับ
ที่ทำให้หลิวไห่สนใจคือ อเล็กซ์ไม่ชอบคนของสกุลกู้สักเท่าไหร่ อเล็กซ์ถามเขาว่า
“ทำไมพี่ถึงไม่ชอบสกุลกู้ครับ”
หลิวไห่กำมือแน่น แค่เพียงคิดเรื่องนี้เขาก็รู้สึกแค้นจนเส้นเลือดที่ลำคอโปดปูนออกมา
“เพราะคนสกุลกู้ทำให้ฉันต้องเข้ามาอยู่ที่นี่ ฉันไม่มีทางอภัยให้มันเด็ดขาด แล้วนายล่ะทำไม่ไม่ชอบพวกมัน”
อเล็กซ์ส่ายหน้า
“ไม่รู้ครับแต่นายใหญ่ของผมกับพวกมันมีเรื่องกัน ผมคอยจัดการเรื่องเล็กให้นายใหญ่เลยไม่รู้ว่าเรื่องใหญ่อะไรทำให้นายใหญ่ไม่ชอบพวกมัน เหมือนกัน เมื่อนายไม่ชอบผมเป็นลูกน้องก็เลยไม่ชอบครับ”
“ฉันอยากสู้กับพวกมัน ถ้ามีโอกาสออกไป”
อเล็กซ์บอกว่า
“ขอเพียงมีเงินครับ ออกไปได้แน่”
คำพูดคำเดียวของอเล็กซ์ทำให้หลิวไห่ได้คิด ใช่ ขอเพียงมีเงิน กระทั่งในคุกที่เข้มงวดยังเอาโทรศัพท์เข้ามาได้ กระทั่งปากของตำรวจก็ยังถูกปิดได้ กระทั่งเหล็กก็ยังง้างได้ เขาต้องมีเงิน
“อเล็กซ์นายช่วยหาหนังสือเกี่ยวกับการทำธุรกิจและเกี่ยวกับธุรกิจของสกุลกู้ทั้งหมด ทั้งประวัติและทุกอย่างมาให้ฉันหน่อย ฉันอยากศึกษา”
“พี่ชอบเหรอครับ ได้สิครับ คนเก่ง ๆ ในนี้เยอะ หมอ ทนาย นักปั่นหุ้น แฮกเกอร์ พวกลักเล็กขโมยน้อย งัดบ้าน ถอดแม่กุญแจ กระทั่งเด็กขัดรองเท้าก็ยังมีครับ”
หลิวไห่สงสัย
“เด็กขัดรองเท้านายเอามาทำไม”
“ก็พวกนี้ส่วนใหญ่ขัดรองเท้าเก่งกว่าพวกผู้ใหญ่อีก มักจะได้รับความไว้วางใจให้เข้าบ้านคนใหญ่คนโต คนที่อยู่ในสังกัดของผมมันรู้จักคนไปทั่ว และจำเก่งมาก เวลาไปบ้านคนใหญ่คนโตที มันก็ชอบจำรายละเอียดมา สุดท้ายเลยโดนจับเพราะเข้าไปขโมยของ แต่ผมบอกเลยว่ากว่าจะโดนจับมันก็ลอยนวลอยู่หลายปี คนพวกนี้จึงเก่งมากครับ”
หลิวไห่เข้าใจแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงได้เรียนรู้จากคนพวกนี้อย่างเต็มที่โดยมีอเล็กซ์เป็นคนแนะนำ ไม่ว่าจะอะไรเขาก็อยู่ว่าง ๆ อยู่แล้ว หลิวไห่จึงตั้งใจเรียนยิ่งกว่าตอนเรียนอยู่ในโรงเรียนตำรวจเสียอีก