หลิวไห่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่หลายเดือน เขาคงยังไม่ถึงคาดเมื่อในที่สุดก็รอดออกมาได้ แต่ที่ทำให้เขาต้องแปลกใจคือหนังสือลดโทษและเขาได้ออกจากเรือนจำในวันที่เขาออกจากโรงพยาบาลพอดี
หลิวไห่ดีใจมาก แต่เขาก็ไม่กล้าปริปากถามใคร ต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้แน่ ๆ
และตกลงคือใครที่ช่วยเขาและช่วยยังไงให้นักโทษคดีประหารชีวิตคนหนึ่งสามารถออกจากคุกได้ วันที่เขาเซ็นชื่อออกจากเรือนจำหลิวไห่ก็ยังได้ใช้ชื่อแซ่เดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและผู้คุมคนหนึ่งกระซิบบอกเขาว่า
“อย่าทำตัวมีพิรุธ อย่าถามอะไรใครเป็นไปได้ปิดปากให้สนิทรีบเซ็นชื่อแล้วออกไปจากที่นี่ซะ คนที่ช่วยนายหากเขาต้องการให้นายรู้เขาจะไปหานายเอง”
หลิวไห่พยักหน้า เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร และคนที่ช่วยเขาหลิวไห่ก็สงสัยว่าอาจจะเป็นลุงเฉิงคนนั้น
ลุงเฉิงแท้ที่จริงเป็นใครกันแน่ คิดจะเอาใครออกจากคุกก็ง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ ทั้ง ๆ ที่เขาคนนี้มีคดีร้ายแรงติดตัว
ผู้คุมอีกคนมาหาเขาก่อนที่เขาจะออกมา ท่าทางสุภาพกับเขามาก ยังให้เงินสดกับหลิวไห่มาจำนวนหนึ่งพร้อมกับเอกสารการถือครองหุ้นที่เขาได้ช่วยหลิวไห่เก็บรักษาเอาไว้ เขายังเรียกหลิวไห่อย่างเคารพว่าหัวหน้า
“หัวหน้าหลิวอย่าลืมผมนะครับ ถ้ามีหุ้นตัวไหนที่จะแนะนำอีกก็บอกผมหน่อย บุญคุณของหัวหน้าผมไม่มีวันลืมจริง ๆ มีอะไรให้ช่วยเหลือบอกผมได้นะครับ อ้ออีกอย่างมูลค่าหุ้นของหัวหน้าก็นับว่าสูงมากนะครับ ขายหุ้นแล้วเอาไปตั้งตัวได้สบายเลยที่สำคัญอย่ากลับเข้ามาในนี้อีกก็พอ”
ผู้คุมคนนั้นมีปัญหาหนี้สินจนภรรยาแทบจะขอหย่าและพาลูกหนีไปแล้วเพราะเขาติดพนันออนไลน์ แต่เมื่อได้รู้จักหลิวไห่และหลิวไห่ได้สอนเขาเล่นหุ้น เป็นเพราะเขาเห็นว่าหลิวไห่ท่าทางดีจึงยอมเชื่อ ในที่สุดหุ้นตัวที่หลิวไห่แนะนำก็ราคาดีดขึ้นเพียงข้ามวัน ทำให้ผู้คุมคนนั้นเป็นเศรษฐีขึ้นมาทันที
ตั้งแต่นั้นมาหลิวไห่จึงได้รับความเคารพจากเขาเป็นอย่างมาก
หลิวไห่กลับมาที่บ้านและเริ่มต้นทำความสะอาด เขาเอาเสื้อผ้าเก่ามาใส่ หลายปีที่ไม่ได้ทำความสะอาดเสื้อผ้าจึงถูกแมลงกัดเป็นรูอีกทั้งยังเหม็นอับ หลิวไห่ไม่มีเวลามาดูแลเรื่องพวกนี้นักเขาค้นที่ช่องลับใต้พื้นห้องนอนของเขาเพื่อหาสมุดบัญชี
เมื่อแงะพื้นไม้ออกมาก็พบว่าสมุดบัญชียังอยู่ที่เดิม หลิวไห่เตรียมเอกสารให้พร้อมและรีบไปที่ธนาคารทันที ระหว่างทางเขาซื้อนิตยสารมาเล่มหนึ่งเมื่อเห็นว่าคนที่ขึ้นหน้าปกนิตยสารคือใคร
เขาหัวเราะเยาะหยัน คนที่สมควรเข้าคุกคือผู้ชายคนนี้แต่ดูตอนนี้สิ เขากลับใส่สูทราคาแพงปรากฏตัวเป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่คนยอมรับทั้งฮ่องกง
กู้เมิ่งนั่นเอง สามปีกว่าแล้วที่เขาติดอยู่ในคุก และกู้เมิ่งก็ก้าวหน้าไปไม่น้อย ตอนนี้กำลังดูแลกิจการต่อจากประธานกู้ ช่างแตกต่างกับเขาอย่างสิ้นเชิง แต่ไม่นานหรอกเขาจะต้องเปิดโปงคนพวกนี้ให้ได้ เขาต้องรู้เบื้องหลังของพวกมันว่าที่แท้จริงแล้วพวกมันกำลังทำอะไรกันแน่ถึงได้ตามฆ่าพ่อของเขา
หลิวไห่สูดลมหายใจเข้าลึกคิดถึงวันนั้นที่เขาถูกจับโยนลงน้ำล่อจระเข้จนเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะคนสกุลกู้ ในเมื่อเขามีโอกาสได้ออกมาแล้ว เขาจึงเริ่มวางแผนสกุลกู้อยู่ในใจ เขาหยุดแล้วเงยหน้ามองตึกสูงข้างธนาคาร หน้าตึกยังเขียนชื่อตึกตัวใหญ่
อาคารสำนักงาน K Group
หลิวไห่หัวเราะในลำคอ ในตอนนี้เขาใส่กางเกงยีนสีซีด เสื้อยืดก็ตัวเก่าที่ขาดเป็นรู ผมเผ้ายาวรุงรังหนวดยังไม่มีเวลาโกน ยังใส่หมวกปิดใบหน้าอีก เขาเป็นคนตัวสูง เมื่ออยู่ในสภาพนี้จึงดูน่ากลัวไม่น้อย
กระทั่งเวลาที่เดินผ่านคนเขายังดูออกว่าหากเป็นผู้ชายก็ทำท่ารังเกียจเขา และหากเป็นผู้หญิงก็ยังทำท่าหวาดกลัวจนถอยออกจากเขาหลายก้าว
หลิวไห่ดมเนื้อตัวของตัวเอง พบว่ากลิ่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่คงเป็นผลมาจากเสื้อผ้าอับ ๆ พวกนี้ หลังเบิกเงินไปแล้วเขาตั้งใจจะไปตัดผมโกนหนวดเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่
กระทั่งเขาก้าวเท้าเข้าไปในธนาคารกลับพบว่ายามที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าไม่ให้เขาเข้าไป จนกระทั่งหลิวไห่บอกเขาว่า
“ผมต้องการมาเบิกเงินของผม นี่เอกสารส่วนตัว”
ยามคนนั้นมองหลิวไห่อย่างไม่ไว้วางใจ เขารับเอกสารมาเปิดดูในที่สุดก็ยินยอมให้หลิวไห่เข้าไป แต่เขายังยืนประกบอยู่ไม่ห่าง หลิวไห่นั่งรอคิวจนกระทั่งระบบอัตโนมัติเรียกคิวของเขา เขาจึงเดินไปนั่งหน้าเคาเตอร์ของพนักงานสาวคนหนึ่ง
กลิ่นของหลิวไห่คงจะแรงมาก ทั้งเนื้อตัวยังดูสกปรก พนักงานคนนั้นถึงได้แสดงสีหน้าออกมากระทั่งหยิบทิชชูมาปิดจมูก
“มาทำอะไรคะวันนี้”
เธอถามเสียงอู้อี้
“ถอนเงินครับ”
พนักงานคนนั้นยื่นเอกสารให้เขา หลิวไห่รับมารู้สึกอึดอัดอยู่บ้างที่ยามคนนั้นยืนประชิดตัวเขา หลิวไห่กรอกเอกสารก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองยามแล้วกระแอมเล็กน้อย
“เอ่อ ผมต้องเขียนจำนวนเงิน รบกวนคุณขยับห่างหน่อยครับ”
ยามคนนั้นทำหน้าตึง ยอมถอยแค่เล็กน้อย
หลิวไห่ไม่อยากมีเรื่อง เขาต้องการรีบออกไปจากที่นี่เพราะเกรงใจสายตาหลายคู่ที่มองเขาอย่างรังเกียจ
กระทั่งเขากรอกจำนวนเงินลงไป และยื่นเอกสารให้ผู้หญิงคนนั้น
พนักงานมองจำนวนเงินที่หลิวไห่เขียน และมองหน้าเขาเธอตรวจเอกสารของหลิวไห่ ก่อนจะกดปุ่มสีแดงใต้โต๊ะ เธอส่งสัญญาณให้ยามคนนั้น หลิวไห่เห็นแล้วแต่ยังนั่งเฉย
“สักครู่นะคะ เงินที่คุณเบิกค่อนข้างมาก ดิฉันจะไปเตรียมให้ค่ะ”
เธอปล่อยหลิวไห่ให้นั่งรอ หญิงสาวเดินแทบจะวิ่งไปที่ด้านหลังซึ่งเป็นส่วนเฉพาะของพนักงาน
“ผู้จัดการคะ ผู้ชายคนนั้นต้องขโมยเอกสารใครมาแน่ค่ะ ฉันแจ้งตำรวจแล้วเดี๋ยวพวกเขาคงมาถึง ระหว่างนี้เราจะทำยังไงดีคะ”