“ผมขอดูเอกสารของเขาหน่อย คุณแน่ใจนะว่าเขาเป็นคนร้าย”
พนักงานคนนั้นพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
“ฉันแน่ใจค่ะ ลายเซ็นของเขาไม่เหมือนกันกับที่ให้ไว้ค่ะ แล้วดูเขาสิคะสภาพแบบนั้นแต่เบิกเงินตั้งห้าสิบล้านเหรียญ เขาต้องทำอะไรคุณหลิวตัวจริงแล้วสวมรอยเป็นคุณหลิวแน่ ๆ ค่ะ”
จินตนาการของพนักงานคนนั้นไปไกลถึงไหนแล้วไม่รู้ คงเป็นเพราะเธอประสบการณ์น้อยเกินไป
ผู้จัดการเดินไปมองหลิวไห่ผ่านทางกระจก เขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าซีด หนาวเครารุงรังแต่มีบางสิ่งที่ทำให้ผู้จัดการไม่คิดว่าเขาเป็นคนร้ายและอาจจะเป็นคุณหลิวตัวจริง
“ตำรวจมาถึงแล้วครับ”
ยามคนนั้นเดินเข้ามาภายในบอกกับผู้จัดการธนาคาร ชายร่างเตี้ยสูงอายุที่มีอำนาจเต็มในธนาคารแห่งนี้จึงเดินไปพร้อมกับตำรวจ โดยมีพนักงานผู้หญิงคนนั้นมองด้วยใจระทึก
หลิวไห่มองตำรวจที่มาใหม่ และท่าทางของยามคนนั้นแล้วกลับไม่ตื่นตระหนก เขายังนั่งตัวตรงท่าทางเคร่งขรึม
“สวัสดีครับคุณหลิว ผมคือผู้จัดการธนาคารครับให้ผมดูแลคุณหลิวนะครับ”
ผู้จัดการธนาคารทักทายเขา พร้อมกับค้อมตัวลงอย่างสุภาพ
หลิวไห่จ้องผู้ชายคนนั้นด้วยสายตาครมกริบ กระทั่งผู้จัดการธนาคารรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ หลังจากนั้นหลิวไห่ส่งเสียงเนิบนาบดูไม่เร่งร้อนแต่กลับสามารถกดดันคนอื่นได้อย่างน่าขนลุก
“ผมจะเบิกเงินของผมได้หรือยังครับ หรือว่าที่นี่มีกฎไม่ให้ลูกค้าเบิกเงินฝากของตัวเอง”
ผู้จัดการธนาคารมองหลิวไห่แล้วพูดตามตรงว่า
“เอ่อ มีปัญหาเล็กน้อยครับ”
จากประสบการณ์การทำงานมานานหลายสิบปี เขาจึงไม่ตัดสินคนจากภายนอก เพียงแต่สิ่งที่ไม่เหมือนในตอนนี้นอกจากหน้าตาของหลิวไห่ที่ดูจะเปลี่ยนไปมากแล้ว ยังมีลายมือของเขาอีกที่เพี้ยนไปมาก
“มีปัญหาอะไร ที่บอกว่าเล็กน้อยคงจะไม่กระมัง ไม่อย่างนั้นพวกคุณคงไม่เรียกตำรวจสองคนนี่หรอก”
หลิวไห่ถามตรง ๆ เขาไม่เห็นพนักงานผู้หญิงคนนั้นแล้ว
ผู้จัดการรีบปฏิเสธ
“เรื่องตำรวจเราเรียกเพื่อดูแลความปลอดภัยให้คุณหลิวครับ เงินที่คุณเบิกวันนี้เป็นเงินสดค่อนข้างมาก ทางเราหวังดีต้องการให้ลูกค้าปลอดภัยจนกว่าจะถึงที่หมายครับ”
หลิวไห่หัวเราะต่ำ
“อ้อ บริการพิเศษ ผมคงต้องขอบคุณคุณสินะ”
เขายกขาไขว่ห้าง ท่าทางสง่างามจนแสบตา ท่าทางของหลิวไห่ล้วนฝึกมาจากคุณลุงเฉิงคนนั้น เขาเลียนแบบท่าทางนั่นตลอดสามปีจนติดเป็นนิสัยและกลายเป็นส่วนหนึ่งในบุคลิกของเขาในที่สุด
นั่นเป็นเพราะว่าหลิวไห่สังเกตุว่า ด้วยท่าทางแบบนั้นของลุงเฉิงทำให้แม้แต่พวกผู้คุมและคนที่มีความรู้ที่ต้องโทษทั้งหมดต้องก้มหัวให้เขาอย่างเกรงใจ
หลิวไห่จึงไม่รอช้าที่จะศึกษาและเลียนแบบคนคนนั้น เขาคิดว่าช่างเป็นท่าทางของคนที่มีแรงดึงดูดพร้อมกันนั้นก็ทำให้คนเกรงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ผู้จัดการอยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กกว่าหลิวไห่มาก เขาพูดอย่างสุภาพและในใจอยากจะดูข้อมูลของผู้ชายคนนี้เหลือเกินว่าเขามีเงินในบัญชีมากเท่าไหร่กันแน่
“คือพูดตามตรงนะครับ ลายมือของคุณหลิวไม่เหมือนเดิม และใบหน้าก็เปลี่ยนไปมาก อีกอย่างคุณหลิวเบิกเงินสดมากขนาดนี้ต้องให้เวลาเราเตรียมเงินสักครู่นะครับ”
หลิวไห่เอียงคอ
“ผมไม่คิดว่าเงินจำนวนนั้นจะมากมายอะไร อ้อคุณยังมีลายนิ้วมือไม่ใช่เหรอก็รีบแสกนพิสูจน์สิ ผมจะได้ไปทำธุระต่อ”
ผู้จัดการคนนั้นยิ้ม เห็นด้วยกับเขา เพียงแต่นานมาแล้วที่เขาไม่เห็นใครเบิกเงินมากขนาดนี้ สมัยนี้ใคร ๆ เขาก็โอนเงินซื้อของหรือใช้การ์ดแทนเงินสดกันแล้ว ไม่รู้ว่าหลิวไห่คนนี้ไปอยู่ที่รูไหนมาจึงได้ไม่ทันสมัยเอาเสียเลย
เขาตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“อ้อ คุณหลิวใช่จริง ๆ ด้วยครับ ผมต้องขออนุญาติเชิญคุณหลิวที่ห้องส่วนตัวของผมนะครับ”
หลิวไห่ขยับแจ็คเก็ตของตัวเองลุกขึ้นเดินตามผู้จัดการธนาคารเข้าไปยังห้องหนึ่งที่ตกแต่งเพื่อรับแขกวีไอพีอย่างดี พร้อมด้วยตำรวจท่าทางเคร่งขรึมอีกสองคน
“คุณหลิวรอสักครู่นะครับ ผมจะไปเอาตัวแสกนลายนิ้วมือมาให้คุณหลิวสแกนครับ”
หลิวไห่พยักหน้า ผู้จัดการคนนั้นเดินออกจากห้อง ส่วนตำรวจสองคนเฝ้าอยู่หน้าห้อง สักครู่เขาได้ยินคนสองคนคุยกันอยู่หน้าห้อง
“ป้าจะเอาน้ำผลไม้ไปไหน”
เสียงใสของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
“เอาไปให้แขกในห้องรับรองค่ะ”
“เอากลับไปเก็บเลยนะ โจรหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่งตัวแบบนั้นกลิ่นตัวก็เหม็นเกินทน ถ้าจะเอาไปให้เอาน้ำเปล่าก็พอ เปลือง”
หลิวไห่นั่งฟังอย่างสงบ น่าสนใจมากทีเดียว เขาก้มดมเสื้อผ้าตัวเองแล้วหัวเราะเบา ๆ ป้าแม่บ้านคนนั้นกลับพูดว่า
“ไม่ว่าจะยังไงเขาก็เป็นแขกนะคะ ฉันจะเอาน้ำผลไม้ให้เขาค่ะท่าทางเขากระหายน้ำเหมือนกันนะคะ ปากแห้งแบบนั้นได้อะไรหวาน ๆ คงจะทกให้เขารู้สึกดีค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นกลับพูดว่า
“นี่ตกลงป้าเป็นแม่บ้านหรือเป็นหมอ ปากแห้งอะไรกัน ฉันบอกให้เอาไปเปลี่ยน เอามานี่ฉันดื่มเองไม่ต้องเอาไปให้ เผลอ ๆ เข้าไปถูกจับเป็นตัวประกันจะทำยังไง อ้อและเถียงเก่งแบบนี้ไม่อยากทำงานแล้วใช่หรือเปล่า”
“ขอโทษค่ะ แต่ฉันคิดว่า”
“แน๊ะ ยังจะเถียงอีก”
ดูเหมือนว่าน้ำผลไม้ของหลิวไห่จะถูกแย่งไปแล้ว เขาได้ยินเสียงป้าคนนั้นพูดว่า
“เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำเปล่ามาค่ะ”
“ทีหลังฉันสั่งอะไรก็ทำตามอย่าคิดจะเถียงอีก”
ผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านหน้าห้องรับรอง หลิวไห่ได้ยินทุกอย่างเห็นว่าในมือของเธอคนนั้นมีแก้วน้ำส้มอยู่ด้วย ผู้จัดการกลับมาแล้วใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับเครื่องแสกนลายนิ้วมือเครื่องเล็ก
เขาต่อเครื่องนั้นเข้ากับคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว
“ขอโทษนะครับ ปกติไม่ค่อยได้ใช้ครับเราเลยต้องเก็บเอาไว้ในห้องนิรภัย เรียบร้อยครับเดี๋ยวผมขอดูข้อมูลสักครู่นะครับ ก่อนอื่นขอเช็คยอดเงินในบัญชี หลังจากนั้นผมจะให้คุณหลิวสแกนลายนิ้วมือนะครับ”
หลิวไห่พยักหน้าไม่พูดอะไรอีก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งแต่งตัวด้วยชุดแม่บ้าน ในมือของเธอมีแก้วน้ำเปล่าและน้ำผลไม้อีกหนึ่งแก้ว
หลิวไห่ยิ้มพร้อมกับรับน้ำใจแม่บ้านคนนั้น เขามองแก้วน้ำผลไม้แล้วถามว่า
“ของผมเหรอครับ”
ป้าแม่บ้านมองผู้จัดการอย่างเกรงใจ ตอบเบา ๆ ไม่กล้าสบตาเขา
“ใช่ค่ะ เห็นท่าทางคุณผู้ชายกระหายเลยนำน้ำผลไม้มาให้ด้วย ถ้าไม่ชอบดื่มก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“ผมชอบครับ ขอบคุณมากครับ”
ป้าคนนั้นยิ้มให้เขาก่อนจะก้าวออกจากห้องผู้จัดการคนนั้นพูดเสียงดังขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป”
“คะ”
ป้าแม่บ้านหยุดเท้า คิดว่าตัวเองคนโดนดุแน่ ๆ ที่นำน้ำผลไม้มาให้ผู้ชายคนนี้ ในขณะที่หลิวไห่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ผู้จัดการกลับพูดว่า
“ป้าเอาของว่างมาให้คุณหลิวด้วย กว่าจะนับเงินเสร็จคงสักพักให้คุณหลิวได้พักอย่างสบาย”
ป้ามองผู้จัดการอย่างงง ๆ แล้วรับคำ
“ค่ะ”