หลิวไห่ออกจากธนาคารไปแล้ว พร้อมด้วยรอยยิ้มของป้าแม่บ้าน เขาบอกว่าให้เวลาป้าคิดสักหลายวันเมื่อเขาหาบ้านได้แล้วเขาจะติดต่อมาเอง
“ป้าโชคดีแล้วที่เจอเศรษฐีพันล้านคนนั้น ท่าทางเขาเป็นคนดีนะครับ”
ผู้จัดการพูดขึ้น ตบกระเป๋าของตัวเองเบา ๆ เงินพิเศษหนึ่งหมื่นเหรียญที่หลิวไห่ยัดเยียดให้ทำให้เขามีความสุขราวกับถูกแจ็คพ็อต
พนักงานคนเดิมที่คิดว่าหลิวไห่เป็นโจรเดินมาเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามผู้จัดการเสียงอ่อน
“ตกลงเขาไม่ใช่โจรเหรอคะ”
ผู้จัดการมองเธอด้วยความโกรธ และยังตำหนิรุนแรง
“ลูกค้าวีไอพีแบบนั้นคุณยังไม่มีตามองออกอีกเหรอ คุณเกือบทำให้เราพังกันหมดแล้ว”
ผู้หญิงคนนั้นถึงกับน้ำตาซึม
“ก็ท่าทางเขาแบบนั้นใครจะคิดว่าเขาเป็นเจ้าของเงินจริง ๆ ล่ะคะ”
ผู้จัดการธนาคารทำท่าไม่พอใจมาก
“อย่าตัดสินคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ดูอย่างคุณสิกระเป๋าแบรนด์เนม ขับรถคันสวย หน้าตาก็สวย เหมือนจะรวยมาก แต่ความจริงใช้เงินเดือนชนเดือน หัดใช้สมองคิดและเอาตัวเองเป็นกรณีศึกษาบ้าง คนรวยขนาดนั้นถ้าเขาย้ายเงินฝากไปฝากที่อื่นคุณรับผิดชอบไหวเหรอ ผมนี่อยากจะไล่คุณออกจริง ๆ ให้ตายเถอะ อย่าให้พลาดอีกเข้าใจหรือเปล่า”
พนักงานคนนั้นคอตก รับคำทั้งน้ำตา
“ค่ะผู้จัดการ”
เมื่อออกมาจากธนาคารและมุ่งตรงมาที่โชว์รูมรถหรูที่อยู่ไม่ไกล พร้อมทั้งคนของธนาคารที่อารักขาเงินของเขาอย่างเต็มที่ หลิวไห่ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกดูถูกอีกครั้งเมื่อก้าวเข้าไปที่โชวรูมรถหรู เขาเดินเข้าไปพร้อมกับตำรวจสองคน
หลายคนมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ลูกค้าบางคนถึงกับขยับหนี
ยิ่งทำให้คนเข้าใจผิดเมื่อพนักงานต้อนรับรีบออกมาปฏิเสธเรื่องที่พวกเขาคิดกันเอง
“คุณตำรวจครับ ทางเราไม่ได้มีการแจ้งคนร้ายขโมยรถนะครับ คนมาผิดที่แล้วครับ”
ตำรวจทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน พวกเขายังไม่ได้อธิบายอะไร พนักงานคนนั้นก็รีบพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว
“คุณเข้าใจผิดแล้วครับ พวกเราตั้งใจมาที่นี่ครับ ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”
“อะไรครับ เข้าใจผิดอะไร คนร้ายคนนี้เราไม่ได้แจ้งความครับ คุณมาผิดโชว์รูมแล้วครับ เชิญออกไปเถอะครับ คุณตำรวจทำลูกค้าคนอื่นตกใจแล้วนะครับ เอาโจรเข้ามาที่นี่ได้ยังไง มันทำให้โชว์รูมเราดูตกต่ำนะครับ”
คุณตำรวจพยายามอธิบาย แต่พนักงานผู้ชายคนนั้นก็ไม่ยอมฟัง เขายิ่งรู้สึกอารมณ์ไม่ดีเพราะวันนี้ยังไม่ได้ลูกค้าสักราย
กระทั่งมีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา คนนี้หูตาไวกว่าเห็นท่าทางของตำรวจ และยังมีรปภ.ของธนาคารหิ้วกระเป๋าสีดำเข้ามา เธอจึงคิดว่าเป็นเงินสดแน่นอนจึงรีบเข้าไปต้อนรับ
“ขอโทษนะคะคุณลูกค้า เชิญทางนี้ค่ะ”
พนักงานผู้ชายคนนั้นมองเธอด้วยสายตาประหลาด
“ลูกค้าเหรอ”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มหวาน
“ใช่สิ ลูกค้าฉันเอง ฉันดูแลเองนายจะไปไหนก็ไปเถอะ”
“โอ๊ะ ขอให้ขายได้นะ กล้าดียังไงพาคนแบบนี้มาที่โชว์รูม”
ผู้ชายคนนั้นมองหลิวไห่พลางเบ้ปากอีกครั้ง แล้วเดินหลีกไปอีกทาง
ผู้หญิงที่มาใหม่เชิญหลิวไห่และตำรวจให้นั่งที่ห้องรับแขก สั่งให้คนจัดหาน้ำและกาแฟ อย่างรวดเร็ว
“คุณลูกค้าไม่ทราบสนใจรถรุ่นไหนคะ”
ตอนอยู่ในเรือนจำหลิวไห่เองก็ศึกษาเรื่องรถมาค่อนข้างเยอะ เขาจึงบอกรุ่นยี่ห้อที่ตัวเองชอบอย่างไม่ลังเล
ผมขอรุ่นนี้ตัวท็อปสีแดงครับ ผมชอบสองคัน ดังนั้นผมขอซื้อสองคันที่ผมบอกไป”
“ได้ค่ะยินดีมากค่ะ ไม่ทราบว่าสนใจเป็นสินเชื่อหรือเงินสดคะ”
“เงินสดครับ ผมฝากคุณไว้ที่นี่ก่อนหนึ่งคัน เดี๋ยวผมจะมารับอีกคันวันหลังครับ”
พนักงานขายคนนั้นรู้สึกเหมือนถูกหวย เธอดีใจจนหน้าบาน แค่ต้อนรับผู้ชายผมเผ้ารุงรัง แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่เหม็นอับคนนี้อย่างกับราชา เธอก็สามารถขายรถหรูในวันนี้ได้ถึงสองคัน แถมยังเป็นเงินสดอีก
“ต้องขอประทานโทษนะคะ พอดีว่ารถเราต้องสั่งจองค่ะยังไม่พร้อมจำหน่ายเลย เกรงว่าเร็วที่สุดต้องรอหนึ่งสัปดาห์ค่ะ”
หลิวไห่จึงย้อนถามว่า
“มีพร้อมส่งตอนนี้คันไหน ผมซื้อเพิ่มอีกหนึ่งคันส่วนอีกสองวันผมรอได้ครับ”
“โอ้ได้เลยค่ะ ฉันเช็คให้นะคะคุณหลิวรอสักครู่”
หนึ่งชั่วโมงผ่านมา หลิวไห่ก็ได้กุญแจรถคันใหม่พร้อมกับจ่ายทิปให้ทั้งตำรวจและรปภ.ของธนาคารที่ตามมาดูแลเขาอย่างงาม
หลิวไห่ขับรถหรูคันละหลายล้านเหรียญออกจากโชว์รูม กลับบ้านพร้อมกับเก็บเงินสดที่ถอนออกมาไว้ในช่องลับ เพื่อนบ้านหลายคนออกมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นหลิวไห่พวกเขาจึงได้แต่แอบนินทาว่าหลิวไห่ต้องไปทำผิดกฎหมายมาแน่นอน
หลิวไห่ดึงเงินออกมาปึกหนึ่งยัดใส่กระเป๋ากางเกงขณะที่กำลังจะออกจากบ้าน คนคุ้นเคยคนหนึ่งก็ตรงมาหาเขา
“พี่หลิวคิดถึงจังเลยอยู่ที่นี่เองหรอกหรือ ตามหาตั้งนานแหนะ”
หลิวไห่ยิ้มอย่างยินดี
“อเล็กซ์นายมาได้ยังไง”
อเล็กซ์เองก็ออกจากคุกแล้ว เขาดึงหลิวไห่ให้ขึ้นรถของเขาโดยไม่สนใจรถคันหรูที่จอดอยู่หน้าบ้านหลังเล็กนี่เลย
“คุยกันในรถ โอ้โห้ทำไมโทรมขนาดนี้ มาผมจะพาพี่ไปชุบตัวเอง”
หลิวไห่ขึ้นรถไปอเล็กซ์โดยไม่มีข้อโต้แย้ง
“นายออกมาเมื่อไหร่”
“ก่อนพี่สักเดือนมั้ง”
“รู้อยู่ใช่หรือเปล่าว่าใครช่วยพี่ออกมา”
อเล็กซ์พยักหน้า
“ใช่ เพราะพี่ช่วยนายใหญ่เอาไว้ เขาเลยตอบแทนอย่างงาม”
“ลุงเฉิง”
“โหพี่ก็ฉลาดนี่”
อเล็กซ์ว่า
“บอกพี่ได้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร”
อเล็กซ์ส่ายหน้า
“ถ้านายใหญ่ไม่อนุญาตผมพูดไม่ได้ อย่าถามเลยรู้แต่ว่านายให้พี่ก็รับไว้เถอะ วันนั้นถ้าไม่ได้พี่นายคงตายไปแล้ว ตอบแทนแค่นี้เล็กน้อย”
อเล็กซ์บอก
“แต่มากเกินไปสำหรับพี่”
อเล็กซ์หัวเราะ
“ชีวิตของนายใหญ่มีค่าแสนล้าน หรือนับล้านล้านเหรียญหรืออาจจะมากเกินกว่าที่พี่จะจินตนาการได้ เชื่อผมรับน้ำใจแล้วอย่าถามให้มาก”
หลิวไห่อยากรู้ แต่รู้ว่าถามไปอเล็กซ์ก็ไม่ตอบ
“ฉันอยากพบลุงเฉิง เขาคงออกจากคุกเหมือนกัน”
“ยังหรอก นายใหญ่จะอยู่อีกสักเดือนสองเดือนจนกว่าเรื่องที่กำลังทำจะจบ อยู่ในนั้นปลอดภัยกว่านายยังไม่ออกมาหรอก ถ้าพี่อยากพบนายใหญ่ออกมาแล้วผมจะลองคุยให้”
“ขอบใจ”
“แล้วพี่จะทำอะไรต่อ”
หลิวไห่ตอบว่า
“แปลงโฉมแล้วตามล่าพวกที่มันทำร้ายพ่อกับฉัน เอาคืนให้สาสม”
“ดี ต้องอย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าเป็นลูกพี่ของผม แต่การเอาคืนสกุลกู้ไม่ง่ายนักหรอกพี่ พวกมันใหญ่จนพี่คิดไม่ถึงเลย ถ้าจะเอาคืนพี่ต้องมีอำนาจก่อน”
“ฉันรู้ และฉันคิดว่าฉันสู้ได้”
แววตาของหลิวไห่มุ่งมั่น อเล็กซ์กอดไหล่ของเขาแล้วบอกว่า
“แค่มุ่งมั่นยังไม่พอ ก่อนอื่นพี่ต้องมีเงินมหาศาลเพื่อต่อสู้กับพวกมัน คนสกุลกู้น่ากลัวกว่าที่คิดถ้าไม่มีเงินยังไงก็ทำไม่สำเร็จหรอก หรือหากมีเงินก็ต้องมากพอที่จะสู้ได้”
“มันฆ่าพ่อฉัน”
“ผมรู้ และผมจะบอกพี่ว่าพวกมันฆ่าใครก็ต้องมีเหตุผล พ่อพี่ที่จริงแล้วทำอะไรกันแน่ถึงได้ถูกพวกมันตามล่า พี่ต้องหาเหตุผลนั้นให้เจอเสียก่อน”