สี่ปีต่อมา
หลังจากวันนั้นที่ออกจากคุกหลิวไห่ได้พบกับลุงเฉิงอีกไม่กี่ครั้ง เขายังไม่สามารถแก้แค้นสกุลกู้ได้ และยังไม่สามารถติดตามแฟรชไดร์ของพ่อกลับมาได้เช่นกัน
แต่สิ่งทีเปลี่ยนแปลงเขาคือ ในตอนนี้หลิวไห่อาศํยความช่วยเหลือของอเล็กซ์ในการเปิดบริษัทเงินทุนและการบัญชี โดยมีมู่หลงที่หลิวไห่ช่วยเหลือเรื่องคดีจนสามารถออกจากคุกได้มานั่งในตำแหน่งผู้จัดการ
มู่หลงมีความสามารถในเรื่องบัญชีและการเงินมากจนเรียกว่าเป็นอัจฉริยะและตัวหลิวไห่เองยังมีความสามารถรอบด้าน เขาเรียนรู้ว่องไว และปราดเปรียว วางแผนเฉียบขาดมองการณ์ไกล ตัดสินใจไม่มีพลาด
ด้วยความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ทำให้ทั้งสองคนสามารถสร้างบริษัทให้เติบโตขึ้นมาได้อย่างมั่นคง กลายเป็นบริษัทที่น่าจับตามองน้องใหม่มาแรง จนกระทั่งหลิวไห่คิดขยายกิจการเข้าไปที่แผ่นดินใหญ่ เพราะเขาได้ข่าวว่ากู้เมิ่งถูกส่งไปทำงานที่สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่เซี่ยงไฮ้
กู้เมิ่งที่ไม่มีอิทธิพลของพ่อในฮ่องกงเมื่อไปอยู่ที่แผ่นดินใหญ่อำนาจของเขาก็ลดลงไปมาก
ความจริงแล้วหลายปีมานี้เขาพยายามอย่างหนักที่จะไล่ตามสกุลกู้ แต่สุดท้ายเขาก็ไปไม่ถึงฝั่งจึงทำให้ถอดใจไปมาก คิดจะเอาใจออกห่างไม่สนใจความแค้นเหมือนที่ลุงเฉิงเคยบอกเขาให้ปล่อยวาง
แต่ในตอนนี้เขาทำไม่ได้แล้ว เมื่อสกุลกู้ยื่นมือเข้ามาสอดกระทั่งในบริษัทน้องชายของเขา และเหมือนเขาจะเริ่มมองเห็นช่องโหว่ของกู้เมิ่งแล้ว ความคิดในการแก้แค้นจึงย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง
หลิวไห่วางแก้วเหล้าในมือลง ตัดสินใจรวดเร็ว
“ได้ นายอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องไปไหน ที่นี่ฉันมีผู้จัดการคอยดูแลที่ไว้ใจได้ ใช้ชีวิตในแบบที่นายต้องการเถอะ เรื่องบริษัทแม่บุญธรรมฉันจะจัดการให้นายเอง”
เฉินเฟยอวี๋โผเข้ามากอดเขา หลิวไห่ใช้แขนดันร่างของน้องชายที่แต่งตัวเป็นหญิงให้ออกห่าง
“อย่ามาทำเสื้อฉันเลอะเครื่องสำอางค์นาย”
“หลิวไห่พี่เป็นคนดีจริง ๆ พี่เป็นคนดีจริง ๆ”
เฉินเฟยอวี๋ที่ผ่านมาไม่เคยรู้เรื่องของหลิวไห่เลย เขาไม่สามารถติดต่อพี่ชายได้หลายปีในใจก็กระวนกระวายเป็นอย่างมาก แต่ยังได้รับจดหมายจากหลิวไห่ฉบับหนึ่งว่าจะไปที่แห่งหนึ่ง ไม่สะดวกติดต่อ เมื่อเขาสะดวกแล้วจะติดต่อหาเฉินเฟยอวี๋เอง
แค่รู้ว่าพี่ชายยังอยู่ดีจึงดีใจเป็นอย่างมาก เขาจึงเอาแต่เฝ้ารอว่าหลิวไห่จะกลับมาเมื่อไหร่ กระทั้งวันนั้นมาถึง หลิวไห่กลับมาแล้วพร้อมกับเปิดตัวบริษัทที่ยิ่งใหญ่
เฉินเฟยอวี๋จึงคิดว่าพี่ชายของตัวเองอยู่ดีกินดีและใช้ชีวิตสุขสบายมาตลอด
“แล้วพี่จะไปเมื่อไหร่ ฉันบอกพี่ก่อนนะว่าหลี่เจี่ยซินคู่หมั้นของฉันน่ะ เธอค่อนข้างพิเศษ เพราะฉะนั้นห้ามรังแกเธอเด็ดขาด”
“นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเธอต่อสู้เก่ง ฉันจะทำอะไรเธอได้”
“ไม่รู้ล่ะ ห้ามรังแกฉันห้ามพี่แล้ว และพี่ต้องแสดงเป็นฉันอย่างแนบเนียนด้วยทำได้หรือเปล่า”
หลิวไห่ยกมือกอดอก หรี่ตามองน้องชาย
“เรื่องมากชะมัด ตกลงมาขอความช่วยเหลือหรือบังคับขู่เข็ญกันแน่”
เฉินเฟยอวี๋หยิบแก้วเหล้าของหลิวไห่มาดื่มจนหมดแล้วเช็ดปาก
“เอาตามนี้แล้วกัน ฉันเชื่อมือพี่กำจัดพวกหน้าด้านนั่นให้หมดเลยนะ เรียบร้อยเมื่อไหร่ฉันจะบินไปสลับตัวกับพี่ทันที เอกสารของบริษัททั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว”
เฉินเฟยอวี๋ยกกระเป๋าเอกสารสีดำขนาดใหญ่วางไว้บนโต๊ะ
หลิวไห่พยักหน้า
“ขอเวลาสักหนึ่งสัปดาห์ฉันจะบินไปเป็นตัวนายให้เอง”
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
หลี่เจี่ยซินตื่นแต่เช้าเพราะวันนี้เฉินเฟยอวี๋จะกลับมาจากฮ่องกง เธอต้องรีบไปรับเขาในเวลาเจ็ดนาฬิกา หญิงสาวตื่นตั้งแต่ตีห้าแต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงยีนรองเท้าบู๊ทสีดำยาว ยังใส่เสื้อคลุมตัวยาวทับอีกที
วันนี้เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ ทำให้ดูนุ่มนวลและน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงสตาร์ทรถรีบออกไปรับเขาทันที เธอไปถึงก่อนเวลาเครื่องลงราวครึ่งชั่วโมง รอเขารับกระเป๋าอีกประมาณครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้จึงเห็นร่างสูงหล่อเหลาของเฉินเฟยอวี๋ลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมา
“ที่รักทางนี้ค่ะ”
หลี่เจี่ยซินชินเสียแล้วที่เรียกเขาว่าที่รัก ในความหมายคือเพื่อนสาวที่รักของเธอ เมื่อเธอซึ่งเป็นสาวสวยร่างเล็กคนหนึ่งโบกไม้โบกมือยังตะโกนเสียงดังเรียกคนรักจึงทำให้คนหันมามองเธอเป็นตาเดียว
และเมื่อร่างของผู้ชายที่หลี่เจี่ยซินเรียกว่าที่รักปรากฎตัว ก็ทำให้คนหันมามองเป็นตาเดียว
ผู้ชายร่างสูง ตัวขาวราวกับจะเรืองแสงได้คนนี้ถอดแว่นออกมา
แว๊บแรกที่หลี่เจี่ยซินเห็นเขา เธอเกิดความรู้สึกแปลก ๆ
เขาดูไม่เหมือนเฉินเฟยอวี๋แม้แต่น้อย หลี่เจี่ยซินกะพริบตาปริบ ๆ กระทั่งเฉินเฟยอวี๋อ้าแขนกว้างเธอทำหน้างงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังรอถ่ายรูปพวกเธออยู่หลี่เจี่ยซินจึงไม่รอช้าพุ่งตัวเข้าไปซบอกของเฉินเฟยอวี๋ทันที
กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ แบบสปอร์ตลอยปะทะจมูก หลี่เจี่ยซินจึงเงยหน้าขึ้นถามเขาคำแรก
“ที่รักเปลี่ยนน้ำหอมเหรอคะ”
เฉินเฟยอวี๋ตอบเบา ๆ
“อืม”
หลี่เจี่ยซินคิดว่ากระทั่งท่าทางการพูดของเขาก็เปลี่ยนไป แต่หนึ่งสัปดาห์ที่เขาไปฮ่องกงเขาโทรหาเธอทุกวัน เขาก็บอกแล้วว่ากลับมาคราวนี้เขาจะเปลี่ยนตัวเองแสดงเป็นผู้ชายเต็มตัวที่โหดเหี้ยมเพื่อเอาบริษัทคืนมา
หลี่เจี่ยซินจึงให้ความร่วมมือ ไม่ว่าในบ้านหรือนอกบ้านเฉินเฟยอวี๋จะกลายเป็นผู้ชายแมน ๆ เพื่อให้เคยชิน ข้าวของเครื่องสำอางค์ที่เฉินเฟยอวี๋เคยใช้เขาจึงบอกให้หลี่เจี่ยซินกำจัดให้หมดก่อนที่เขาจะกลับมาถึง
หญิงสาวไม่ได้สงสัยอะไร เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเฉินเฟยอวี๋มีฝาแฝด และเธอก็ยังจำเรื่องของเธอและหลิวไห่ในคืนนั้นไม่ได้ นั่นเป็นเพราะเธอเมาจนสมองเหลือเท่าเม็ดถั่ว
ในขณะที่หลิวไห่รู้นั้นรู้จักหลี่เจี่ยซินตั้งแต่วันแรกที่น้องชายเอารูปคู่หมั้นให้ดูแล้ว
ในวันนั้นเขาหัวเราะออกมาอย่างแรง โลกช่างกลมเหลือเกิน ผู้หญิงที่ซื้อเขาด้วยเงินยับ ๆ ราคา ห้าสิบเหรียญในวันที่เขาไปทำธุระที่แผ่นดินใหญ่กลับกลายเป็นคู่หมั้นปลอม ๆ ของน้องชายไปได้
คิดว่าได้เขาแล้วจะทิ้งไปง่าย ๆ เหรอ ไม่มีทาง ในเมื่อเจอเธอแล้วเขาไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ เป็นอันขาด
ทันทีที่เจอหน้าเธอ หลิวไห่จึงคิดกลั่นแกล้งโดยการกอดเธอเป็นอันดับแรก
ร่างกายเล็ก ๆ นุ่มนิ่มของเธอนี้ไม่คิดว่าจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลขนาดนั้น เรื่องนี้ทำให้หลิวไห่คิดถึงลูกสาวของแม่บ้านของเขาคนนั้น ที่หลิวไห่กำลังให้การรักษาอยู่ เด็กคนนั้นก็เหมือนหลี่เจี่ยซิน และยังมีเด็กหญิงในความทรงจำของเขาอีกคนที่เป็นมีลักษณะพิเศษอย่างนี้
เด็กผู้หญิงตัวเล็กท่าทางอ่อนแอมีความคล้ายคลึงกันทั้งสามคน เรื่องนี้ไม่แน่ว่าอาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันก็เป็นได้
“คิดอะไรอยู่เหรอคะที่รัก”
เขายังโอบไหล่ของหลี่เจี่ยซินเอาไว้ พลางลากกระเป๋าแล้วเดินมาพร้อม ๆ กัน
หลิวไห่ยกมุมปาก ในใจสงสัยว่าเฉินเฟยอวี๋เคยจูบเธอหรือเปล่า หลิวไห่จึงหยุดเดินพร้อมกับวางกระเป๋าเอาไว้ข้าง ๆ เขาใช้มือเชยใบหน้าของหลี่เจี่ยซินขึ้นมา
หลี่เจี่ยซินย่นหัวคิ้ว เธอเริ่มสับสนกระซิบถามเขาเสียงเบา
“เสี่ยวอวี๋เธอเป็นอะไรท่าทางแปลกมากเลย”
หลิวไห่หัวเราะในลำคอ ก้มลงกระซิบชิดริมฝีปากของหลี่เจี่ยซิน
“ฉันคิดถึงเธอน่ะ”
คำพูดมีเพียงเท่านี้ หลี่เจี่ยซินก็ถูกหลิวไห่ประทับจูบอย่างดูดดื่มโดยไม่ทันตั้งตัว