วันต่อมา
หลี่เจี่ยซินบิดตัวอย่างขี้เกียจ ยังหาวส่งเสียงลากยาวตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนอกแข็ง ๆ ของใครบางคน ยังมีมือของคนคนนั้นที่กกกอดเธออยู่ หลี่เจี่ยซินสะดุ้งสุดตัวหญิงสาวลุกขึ้นพบว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของเฉินเฟยอวี๋จึงรู้สึกผ่อนคลาย
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเขา คิดไปคิดว่าว่าเฉินเฟยอวี๋คงกำลังมีความรักและอาจจะใช้ตัวเธอแทนแฟนหนุ่มของเขา หลี่เจี่ยซินคิดจะช่วยเพื่อนสาวจึงซบตัวลงบนอกของเขาอีกครั้ง
ชายหนุ่มยังหลับสนิท ลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ หลี่เจี่ยซินมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงแล้วเธอควรปลุกเขาดีหรือเปล่า
หญิงสาวแอบยิ้ม เอาล่ะวันนี้เธอจะช่วยเขาสักเล็กน้อยในเรื่องนั้น หลี่เจี่ยซินล้วงมือเข้าไปในกางเกงของเขาลูบคลำงูที่กำลังนอนหลับคอพับคออ่อนเบา ๆ
เอ๋ มันดูเหมือนกำลังผงาดในอุ้งมือของเธอ
หลี่เจี่ยซินยิ้มเล็กน้อย เธอเร่งจังหวะความเร็วขึ้นพลางจ้องนาฬิกาคิดว่ากี่นาทีกันนะที่มันจะพ่นพิษออกมา
เธอหัวเราะให้กับความลามกของตัวเอง เหมือนว่าหลี่เจี่ยซินกำลังเป็นโรคจิตแล้วในสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ เธอกำลังติดใจงูของเขาที่เห็นมันอ่อนแล้วผงกหัวขึ้นมาต่อสู้
เธอกุมงูยักษ์ตัวนี้เอาไว้โดยไม่กระดากใจ และชอบที่มันมีอยู่ในมือ
หลิวไห่เองคิดว่าตัวเองกำลังฝันหวาน โดยมีหลี่เจี่ยซินช่วยเหลือเขาอยู่
เขาครางแผ่วออกมา
กระทั่งได้ยินเสียงกระซิบที่ใบหู
“เสียวหรือเปล่า ปลดปล่อยออกมาเลยนะฉันช่วยเธอเอง”
เสียงหวานใสนี้เหมือนว่ามีอยู่จริง และยังลมหายใจร้อน ๆ นั่นอีก
หลิวไห่ตะบบมือเข้าที่งูของตัวเอง พบนิ้วเรียวของใครบางคนกำลังช่วยเหลือเขาอยู่ หลิวไห่สะดุ้งสุดตัวเด้งออกจากเตียงทันใด
หลี่เจี่ยซินนั่งอยู่บนเตียงของเขา ใบหน้าของเธอดูผิดหวังมาก
“ที่รักทำไมล่ะฉันกำลังช่วยเธอนะ เธอรังเกียจฉันเหรอ”
หลิวไห่หายใจแรง จู่ ๆ เขาเกิดหวาดกลัวหลี่เจี่ยซิน สองมือของเขากุมเป้าเอาไว้พูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“ที่รักเธอออกไปก่อนจะได้หรือเปล่า ฉันไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้ว”
ยิ่งเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังตกใจเหมือนลูกแกะตัวหนึ่งหลี่เจี่ยซินก็รู้สึกว่าเขาน่ารักเป็นบ้า
“ทำไมล่ะไม่ให้ช่วยแล้วเหรอ”
หลิวไห่ส่ายหน้า
“ไม่ต้องแล้ว ขอร้องล่ะเธอออกไปเถอะนะ”
หลี่เจี่ยซินยังทำหน้าหื่นใส่เขา ไม่เข้าใจเฉินเฟยอวี๋สักนิดทำไมต้องทำท่าหวาดกลัวขนาดนั้น
“ให้ออกไปจริง ๆ เหรอ”
“ขอร้องล่ะ”
หลิวไห่แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว หลี่เจี่ยซินคิดว่าเขากลายเป็นกระต่ายตื่นตูมเพราะเธอเป็นผู้หญิงเฉินเฟยอวี๋จึงหวาดกลัวแบบนี้
“ก็ได้ ฉันออกไปก่อนแต่ถ้าเธอต้องการให้เรียกฉันนะยังไงเราก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน”
หลิวไห่คิดในใจ
ไม่ต้องแล้วถ้าขืนหลี่เจี่ยซินเข้ามาเขากลัวว่าจะทนระงับอารมณ์ตัวเองไม่ไหวและคิดล่วงเกินเธอ ในตอนนั้นคงได้ถูกหลี่เจี่ยซินจับทุ่มกระดูกหักแน่ ๆ เขาขอใช้แม่นางทั้งห้านิ้วช่วยตัวเขาเองดีกว่าต้องอาศัยเธอ
“ขอบใจนะ แต่ฉันว่าเธอรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ วันนี้ฉันจะเข้าบริษัท”
หลิวไห่เอาเรื่องงานมาอ้างหลี่เจี่ยซินจึงยินยอมออกไปแต่โดยดี
หลิวไห่รีบวิ่งไปปิดประตูห้องแล้วล็อกอย่างแน่นหนาป้องกันหลี่เจี่ยซินเข้ามา
ในห้องน้ำหลิวไห่ช่วยตัวเองอย่างอดสู เขาอยากเปิดเผยตัวเองกับเธอเหลือเกินไม่อยากจะทนกล้ำกลืนแบบนี้อีกแล้ว
สองชั่วโมงต่อมา
หลี่เจี่ยซินพาหลิวไห่มาที่บริษัทหลังจากเขาหายหน้าไปเป็นสัปดาห์ หลิวไห่รับรู้โดยทันทีว่าตอนนี้ฐานะของเฉินเฟยอวี๋ในใจของทุกคนเป็นยังไง ทั้งสายตาดูถูกเหยียดหยาม ยังมีสายตาล้อเลียนที่แสดงออกอย่างเปิดเผย
หลิวไห่คิดว่าคนที่บริษัทคงจะพอเดาได้ว่าเฉินเฟยอวี๋ไม่ใช่ผู้ชายแท้ และที่หมั้นกับหลี่เจี่ยซินก็แค่ต้องการสร้างภาพเท่านั้นเอง
เอาล่ะเขาต้องเริ่มจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางแล้ว
หลิวไห่และหลี่เจี่ยซินที่อยู่ในชุดสูทสุดหรูเดินเข้าไปในห้องทำงาน เขามองรอบ ๆ ห้องพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะประจำตำแหน่ง
เขาสำรวจห้องจนทั่ว เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่มีใครต้องการเฉินเฟยอวี๋อย่างแท้จริง กระทั่งเก้าอี้ของเขายังเป็นเก้าอี้ที่มีร่องรอยการใช้งานหลายปี
เฉินเฟยอวี๋ดูท่าว่าอยู่ที่นี่คงถูกรังแกจากคนพวกนี้ และยังมีน้องสาวของเขาเฉินอิ่งที่เป็นรองประธานบริษัทแต่กลับมีอำนาจมากกว่าเฉินเฟยอวี๋หลายเท่า อีกทั้งเธอยังเป็นตัวตั้งตัวตีให้สกุลกู้เข้ามาเทคโอเวอร์บริษัทและยังจะยกตำแหน่งประธานให้เฉินอิ่งน้องสาวในนามของเฉินเฟยอวี๋อีกด้วย
หลิวไห่ไม่ยอมนั่งเก้าอี้ตัวนั้น เขารู้สึกว่ามันช่างสกปรกเหลือเกินกระทั่งโต๊ะประธานก็ยังดูน่ารังเกียจ กระทั่งคอมพิวเตอร์ยังเป็นรุ่นเก่าเก็บทุกสิ่งบนโต๊ะไม่มีอะไรบ่งบอกถึงตำแหน่งสูงส่งของเฉินเฟยอวี๋เลยสักนิด
ในฐานะเลขาของเขาหลี่เจี่ยซินยังคอยอยู่ข้าง ๆ งานเรื่องอื่นเธอไม่ถนัดนอกจากเรื่องรังแกคนอื่น
หลิวไห่บอกให้เธอไปตามผู้จัดการฝ่ายอาคารมาพบเขา
หลี่เจี่ยซินให้คนไปตามผู้จัดการคนนั้นมา สุดท้ายพนักงานเข้ามารายงานว่าผู้จัดการคนนั้นไม่สามารถมาได้
“พนักงานที่ไปตามเขาบอกว่า เขาติดธุระสำคัญของรองประธานเฉินอิ่งค่ะ”
หลิวไห่หัวเราะ คนพวกนี้ดูจะเป็นคนของเฉินอิ่งน้องสาวที่พ่อแม่บุญธรรมของเฉินเฟยอวี๋เก็บมาเลี้ยงอีกคนไปแล้ว
“อืม น่าสนใจแค่ผู้จัดการฝ่ายอาคารกระจอก ๆ คนหนึ่งยังกล้าปฏิเสธคำสั่งของประธานบริหาร นายนี่มันไม่ได้เรื่องจริง ๆ เฉินเฟยอวี๋”
หลี่เจี่ยซินจึงพูดขึ้น
“เอายังไงดี ให้ไปลากคอมาเลยมั๊ย”
หลิวไห่รู้สึกเห็นด้วย แต่ไม่อยากให้พวกกระจอกนั่นต้องเปื้อนมือหลี่เจี่ยซิน เขาจึงสั่งให้คนของเขาหาคนมาให้สักสองสามคน
รออยู่ไม่นานคนที่เขาต้องการก็มาถึง พวกเขาล้วนเป็นบอดี้การ์ดรับจ้างมือดี ท่าทางและหน่วยก้านดีเป็นอย่างยิ่ง
คำสั่งแรกของหลิวไห่ก็คือ
“ไปลากคอผู้จัดการฝ่ายอาคารมา งานของพวกนายก็คือจัดการคนที่ฉันต้องการให้มันนอบน้อม”
“ครับนาย”
หลีเจี่ยซินเห็นความเปลี่ยนแปลงของเฉินเฟยอวี๋ถึงกับพูดไม่ออก จู่ ๆ เขาก็มีเงินมาจ้างบอดี้การ์ดและดูเหมือนจะดีกว่าชุดแรกอีกต่างหาก
ท่าทางว่าคนที่หนุนหลังเขาอยู่จะร่ำรวยมหาศาล เธออยากเห็นหน้าแฟนหนุ่มคนใหม่ของเฉินเฟยอวี๋จริง ๆ
ไม่นานผู้จัดการอาคารคนนั้นก็ถูกลากเข้ามาในห้องพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด เขาคุกเข่าลงตรงหน้าหลิวไห่ยังอ้อนวอนขอชีวิต
“ท่านประธานครับ ผมยอมแล้วครับ ท่านประธานครับผมขอโทษครับ”
หลิวไห่ถีบคอมพิวเตอร์ตัวเก่าที่อยู่บนโต๊ะทำงานลงกับพื้นเสียงดังโครม กระทั่งผู้จัดการฝ่ายวัสดุและอาคารสะดุ้งโหยง จู่ ๆ เฉินเฟยอวี๋คนขี้ขลาดคนนั้นก็กลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เขาจึงรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น
หลิวไห่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“อ้อ สุดท้ายก็รู้แล้วเหรอว่าใครกันแน่ที่เป็นประธานบริษัท”