“ท่านประธานครับผมขอโทษครับท่านประธาน ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ ไว้ชีวิตผมด้วยนะครับ อย่าไล่ผมออกเลย”
หลิวไห่หัวเราะเสียงเย็น เขาดึงมีดพกออกมาแล้วควงเล่นเพื่อข่มขวัญผู้จัดการคนนั้น ในขณะที่หลี่เจี่ยซินเบิกตากลมพลางหัวเราะในใจ
เฉินเฟยอวี๋ เธอไปหัดเล่นใหญ่แบบนี้มาจากไหนกัน แต่ก่อนกลัวมีดกลัวปืนไม่ใช่เหรอ
หลิวไห่นั่งยอง ๆ ใช้มีดเชยคางของผู้จัดการคนนั้นขึ้นมา
“รีบจัดโต๊ะเก้าอี้ชุดใหม่ให้ผม ก่อนที่ผมจะไล่คุณออกและต่อไปก็ให้รู้เอาไว้ว่าใครเป็นใคร”
“ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ จะรีบจัดการตอนนี้เลยครับ”
ผู้จัดการคนนั้นตัวสั่นงันงกออกไปแล้ว หลิวไห่มองที่พื้นดูเหมือนฟันของผู้ชายคนนั้นจะหักไปซี่หนึ่ง เขาโบกมือเบา ๆ บอดี้การ์ดก็เดินออกไปคอยอารักขาอยู่ด้านนอก
หลี่เจี่ยซินสั่งให้เลขาสาวอีกคนที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องตารางงานของเฉินเฟยอวี๋เอาเอกสารที่จำเป็นทุกอย่างมาให้เขาตรวจ
หลิวไห่นั่งลงบนโต๊ะตัวนั้น พลิกเอกสารดูไม่กี่หน้าเขาก็วางลงบนโต๊ะ
“ทำไมมีอะไรผิดปกติคะ เจ้านาย”
เมื่ออยู่ในที่ทำงานหลี่เจี่ยซินจะเรียกเขาว่าเจ้านายอย่างให้เกียรติ
“ผิดปกติตั้งแต่หน้าแรก”
หลี่เจี่ยซินจึงหยิบเอกสารพวกนั้นมาเปิดดู เธอไม่เห็นว่าจะบกพร่องตรงไหน
หลิวไห่ใช้นิ้วเคาะที่หน้าผากของเธอแล้วหัวเราะเบา ๆ
“สงสัยล่ะสิว่าผิดปกติตรงไหน”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า
“ใช่ค่ะ”
“มันไร้ที่ติเกินไป ดูก็รู้ว่ามีการเตรียมการปกปิดเป็นอย่างดี แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวผมจะให้คนของผมมาตรวจดูให้ละเอียด”
หลี่เจี่ยซินอดทึ่งเขาไม่ได้
“ยังมีคนอื่นอีกเหรอคะ ที่จะมาช่วยงาน”
หลิวไห่พยักหน้า
“แน่นอน”
หลี่เจี่ยซินบ่นอุบอิบ
“ทำไมไม่ให้มาช่วยตั้งนานแล้วคะ ต้องรอเข้าตาจนก่อนหรือยังไง”
หลิวไห่เห็นด้วย
“ใช่ ทำไมเรื่องพวกนี้ไม่หัดคิดให้มากมัวห่วงศักดิ์ศรีจนเกือบจะถูกไล่ออกจากบริษัทตัวเองอยู่แล้ว”
เมื่อถูกเฉินเฟยอวี๋ยอกย้อนหลี่เจี่ยซินก็ยิ่งมึนงง
เขาพูดเหมือนว่าคนคนนี้ไม่ใช่ตัวเอง หลิวไห่ยิ้มเขาหยิกแก้มยุ้ยของเธอจนกลายเป็นสีแดง
“อย่าคิดมากสิ ขมวดคิ้วจนหน้ายับแล้ว”
หลี่เจี่ยซินจับมือของเขา หลิวไห่จึงอาศัยจังหวะนี้สอดมือเข้าไปในนิ้วเรียวของเธอ อาการสนิทสนมทำให้หลี่เจี่ยซินรู้สึกเขินเล็กน้อยทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่นานเฟอร์นิเจอร์โต๊ะทำงานชุดใหม่เอี่ยมก็ถูกยกเข้ามาโดยมีผู้จัดการฝ่ายอาคารคนนั้นมาดูแลด้วยตัวเอง
หลิวไห่พิจารณาอยู่ชั่วครู่
“ผมไม่ชอบ ไม้ดูราคาถูก และเก้าอี้นี่ก็ไม่ดีต่อสุขภาพหลังแต่จะทนใช้ไปก่อนให้โอกาสคุณอีกครั้งพรุ่งนี้ผมต้องได้ของใหม่ที่ถูกใจ อ้ออีกอย่างหาโต๊ะทำงานมาให้คู่หมั้นของผมด้วย จัดให้เหมาะสม”
ผู้จัดการฝ่ายอาคารไม่คิดว่าเฉินเฟยอวี๋หลังจากหายไปหลายวันกลับมาแล้วจะกล้าวางโตขนาดนี้ก็นึกแปลกใจ เรื่องนี้เขาจึงได้รายงานกับท่านรองประธานเฉินอิ่งไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เพราะกลัวตัวเองจะถูกอัดและถูกไล่ออกจึงได้แต่ต้องนอบน้อมกับเฉินเฟยอวี๋ให้มากขึ้น
“ได้ครับ ขอโทษนะครับที่ทำให้ท่านประธานไม่พอใจ”
“รีบไสหัวออกไปก่อนที่ฉันจะโมโหกว่านี้ เรื่องที่สั่งก็ให้เรียบร้อย”
“ครับ ได้ครับ”
ผู้จัดการฝ่ายอาคารออกไปแล้ว หลิวไห่จึงจับหลี่เจี่ยซินให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหม่ โดยมีเขานั่งอยู่บนโต๊ะ
หลี่เจี่ยซินทดสอบเอนตัวไปตามเก้าอี้ก็คิดว่าไม่ได้แย่นี่นาทำไมเฉินเฟยอวี๋ถึงได้ไม่พอใจ
“เก้าอี้นี่ก็นั่งสบายนี่ทำไมถึงไม่ชอบล่ะคะ”
หลิวไห่ยักไหล่พลางเบ้าปากเล็กน้อย
“ก็หาเรื่องแกล้งคน อีกอย่างผมยังคิดว่ามันไม่ดีพอ”
หลี่เจี่ยซินขยับตัวเข้าใกล้เขา ยังโน้มใบหน้าเข้าไปชิดหลิวไห่พูดเสียงเบาหวิว
“ขี้แกล้งนะเรา”
เมื่อได้ยินเสียงหวานใสของเธอแซวเล็กน้อย หลิวไห่ถึงกับขนลุก เขาขยับตัวออกห่างเธออัตโนมัติ
หลี่เจี่ยซินหัวเราะ
“เห๊อะ ใกล้นิดใกล้หน่อยทำเป็นรังเกียจ”
พูดจบเธอก็ลุกขึ้น หลิวไห่จับแขนของหลี่เจี่ยซินเอาไว้ดวงตาของเขาเป็นประกาย ค่อย ๆ โน้มตัวลงมาช้า ๆ กระทั่งหลี่เจี่ยซินเอนตัวลงไปหลังแนบกับโต๊ะตัวนั้น
ใบหน้าของเขาชิดใบหน้าของเธอ หลี่เจี่ยซินสัมผัสได้ถึงลมร้อนจากปากของเขา หลิวไห่ยกมุมปากยิ้มหล่อเหลา ยังทำท่าคล้ายจะจูบเธอ
หลี่เจี่ยซินกลั้นหายใจ ภายในใจเต้นระรัว เธอไม่ได้ผลักเขาออกกลับเผลอไผลไปกับความมาดแมนของเขา เขาปัดผ่านริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มของเธอ
หลี่เจี่ยซินจู่ ๆ ก็กลั้นหายใจ เธอคิดว่าเขาอาจจูบเธอเหมือนในหนัง หลี่เจี่ยซินจึงหลับตา
เธอรอคอยริมฝีปากของเขา กระทั่งยื่นปากของตัวเองออกไปแต่กลับไม่ได้รับสัมผัสที่รอคอย
หลี่เจี่ยซินค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เห็นดวงตาขี้เล่นของเฉินเฟยอวี๋เหมือนว่าเขากำลังเป็นผู้ชนะหลี่เจี่ยซินถึงกับหน้าเห่อร้อน
“ทำไมคิดว่าฉันจะจูบเธอเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า หลี่เจี่ยซินเธอนี่ก็หวังสูงไม่ใช่เล่นนะ”
หลี่เจี่ยซินแทบจะตีอกชกตัว ใจของเธอยังเต้นไม่หาย
“นี่เธอแกล้งฉันเหรอ”
หลิวไห่ปล่อยเธอแล้ว หลี่เจี่ยซินแทบจะหงายหลังแต่เขาก็ไม่ปล่อยให้เธอจับเขาอยู่ดี หลี่เจี่ยซินจึงพลิกตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
หลิวไห่ตอบว่า
“แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ”
หลี่เจี่ยซินขยับมาลูบนิ้วเข้าไปในแผงอกของเขา เธอรวดเร็วมากจนเขาหนีไม่ทัน นิ้วเรียวนั่นให้สัมผัสที่ดีมากคราวนี้หลิวไห่เป็นฝ่ายกลั้นหายใจ
หลี่เจี่ยซินดันร่างของเขาไปจนชิดกำแพง หญิงสาวกางแขนออกเหมือนอันธพาลที่กำลังต้องการล่วงเกินหญิงสาวในซีรีส์ หลิวไห่ไม่สามารถดิ้นรนหนีจากอ้อมแขนของเขาได้
เขารู้สึกอับอายเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ไร้ทางสู้
หลี่เจี่ยซินตัวเล็กกว่าเขามาก แต่หลิวไห่ไม่สามารถสู้แรงนี้ได้ เธอเขย่งเท้าขึ้นจับคางหลิวไห่เอาไว้ให้เขาอยู่นิ่ง ๆ
“เธอจะทำอะไรอย่านะ”
หลิวไห่อยากตบปากตัวเองนักที่พูดออกไปแบบนั้น นี่มันบทของสาวน้อยอ่อนหวานที่กำลังโดนพระเอกกลั่นแกล้งไม่ใช่เหรอ
หลี่เจี่ยซินหัวเราะชั่วร้าย
“วางใจเถอะสาวน้อย ฉันจะทำให้เธอมีความสุข”
“หลี่เจี่ยซิน อย่า…..”
เสียงของหลิวไห่ถูกหลี่เจี่ยซินกลืนหายลงไปในลำคอ เธอจูบเขาเบา ๆ ที่ริมฝีปาก คิดแค่จะแกล้งเขาคืนรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชอบผู้หญิง คิดว่าเฉินเฟยอวี๋ต้องโวยวายแน่ ๆ นึกถึงท่าทางนั้นยิ่งรู้สึกสนุก
แต่แล้วเพียงริมฝีปากสัมผัสกัน หลี่เจี่ยซินกลับห้ามใจไม่ได้หญิงสาวอ้าปากแล้วแทรกปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากของเขา จูบหลิวไห่อย่างดูดดื่มโดยครั้งแรกเหมือนว่าเขาจะขัดขืนเล็กน้อย แต่แล้วกลับโอนอ่อนผ่อนตามอย่างว่าง่าย
หลิวไห่ตาค้างได้แต่คิดในใจว่า
หลี่เจี่ยซินเธอมันใจกล้าหน้าด้าน ทำไมใช้ลิ้นกับฉันแบบนี้ แล้วฉันจะทนได้ยังไงกัน
ในขณะที่หลิวไห่ไม่สามารถขัดขืนและยังเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบนั่น เสียงกระแอมของใครบางคนกลับดังขึ้น
ทั้งคู่ต่างผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว และเสียงของผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่ก็ตำหนิพวกเขาทันใด
“พี่บ้าไปแล้วเหรอคะ ที่นี่มันออฟฟิศนะคะ”