ความจริงเฉินอิ่งก็รู้อยู่แล้วว่าเฉินเฟยอวี๋เป็นเกย์ ภาพที่หลี่เจี่ยซินและหลิวไห่กำลังจูบกันในห้องทำงานแห่งนี้จึงทำให้เธอคิดไปไกล
หรือว่าเฉินเฟยอวี๋จะเป็นไบเซ็กชวล ชายก็ได้หญิงก็ดี
เฉินอิ่งยิ่งคิดดูถูกเฉินเฟยอวี๋ในใจ คนที่ไม่รู้กระทั่งว่าตัวเองเป็นเพศอะไรที่น่าสมเพช เธอยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งรู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง
เธอเป็นลูกบุญธรรมที่สกุลเฉินรับมาเลี้ยงเช่นกัน ถึงจะมีความสามารถและเก่งกว่าเฉินเฟยอวี๋มากเพียงใด พ่อและแม่ของเธอกลับยกบริษัทให้เฉินเฟยอวี๋คนไร้ความสามารถแต่ขี้ประจบคนนั้นแล้วให้เธอที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อบริษัทนั่งอยู่ในตำแหน่งรองประธานโดยไม่สนใจว่าใครกันแน่ที่เก่งกว่า
เฉินอิ่งในฐานะรองประธานบริษัทเพื่อช่วยประคับประคองให้บริษัทก้าวผ่านเรื่องร้ายไปได้หลังจากที่พ่อแม่เสีย เธอลงแรงไปก็มากในขณะที่เฉินเฟยอวี๋ทิ้งภาระทุกอย่างให้เธอ วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่นและใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่าย
หากจะเที่ยวจะกินก็ช่างเถอะ แต่เฉินเฟยอวี๋ยังคงกอดตำแหน่งประธานบริหารเอาไว้ไม่ยอมให้อำนาจเธอเต็มตัวและยังกินแรงจากเธออีก ในที่สุดเฉินอิ่งก็หมดความอดทน เมื่อสกุลกู้สนใจที่จะซื้อบริษัทแห่งนี้และยังเสนอตำแหน่งประธานบริหารให้เธอ เฉินอิ่งมีหรือจะรอช้าเธอยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อไม่มีเธอสักคน บริษัทในมือของเฉินเฟยอวี๋ก็ไม่สามารถทำกำไรได้ แน่ล่ะคนไร้ความสามารถอย่างเขาจะทำอะไรได้เล่า
เฉินอิ่งจึงนับวันรอดูเขาล่มจมและเธอจะก้าวเข้ามากอบกู้บริษัทเอาไว้ ให้พนักงานทุกคนรู้ว่าใครเป็นใครกันแน่
“เฉินอิ่ง”
หลิวไห่รู้จักเฉินอิ่งจากปากของเฉินเฟยอวี๋ จากที่เขาได้ยินมาความสัมพันธ์ของสองคนค่อนข้างแย่ และดูเหมือนว่าเฉินอิ่งจะเป็นตัวการที่ส่งคนมาฆ่าเฉินเฟยอวี๋ เพียงแต่เขาไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดผู้หญิงคนนั้น
เฉินอิ่งคนนี้ใบหน้าเรียวเล็ก หน้าตานับว่าสวยน่ารักคนหนึ่ง หากมองดูภายนอกก็ดูคล่องแคล่วอีกทั้งยังดูอ่อนหวาน ท่าทางไม่มีพิษมีภัย
คนแบบนี้สำหรับเขาแล้วยิ่งต้องระวัง และที่สำคัญเขาให้คนสืบค้นไปยังบ้านเดิมของเธอ คนทั้งบ้านของเฉินอิ่งต่างตายกันหมดด้วยถูกไฟคลอก ข้อมูลของเธอคือเธอถูกพ่อแท้ ๆ ของเธอทุบตีเป็นประจำ และแม่ก็ไม่เคยปกป้องเธอเลย
น่าประหลาดใจที่ในคืนนั้นคนทั้งบ้านต่างถูกไฟคลอกแต่เฉินอิ่งที่มีอายุเพียงหกเจ็ดขวบกลับรอดชีวิตออกมาได้
เด็กหกขวบที่ทุกคนต่างสงสาร กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยดในวันที่คนทั้งบ้านตาย ผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถประมาทได้ เธอคือคนที่ซ่อนมีดเอาไว้ข้างหลังพร้อมจะแทงศัตรูให้ตายทันทีที่เผลอ
เสียงหวานใสของเฉินอิ่งดังขึ้น
“พวกพี่กำลังทำอะไรกันคะ”
หลิวไห่เลียนแบบท่าทางของเฉินเฟยอวี๋ในเวลาที่พูกกับเฉินอิ่งตามที่เขาสอนมาพร้อมกับมองน้องสาวคนนี้ด้วยสายตาหมางเมิน
“ไม่เห็นเหรอว่ากำลังทำเรื่องส่วนตัว ห้องประธานเป็นห้องที่เธอคิดจะเข้ามาก็สามารถผลักประตูเข้ามาได้เลยแบบนี้เหรอ”
เฉินเฟยอวี๋ถามพร้อมกับอมยิ้ม แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
เฉินอิ่งรู้สึกประหลาดใจแต่เธอกลับไม่โกรธ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกเฉินเฟยอวี๋ตำหนิ แต่ไหนแต่ไรมาเขาแทบไม่ก้าวเข้ามาในบริษัท อยู่ที่นี่เธอจึงมีอำนาจเต็ม ท่าทางที่แปลกประหลาดของเฉินเฟยอวี๋ทำให้เฉินอิ่งแอบยิ้มในใจ พลางคิดว่า
หมาจนตรอก คงหลังชนฝาแล้วคิดจะหันมากัดเธอล่ะสิ แบบนี้รู้สึกว่าจะสนุกขึ้นมานิด ๆ แล้ว
“ขอโทษนะคะ ความจริงห้องนี้เป็นพี่ที่ยกให้ฉันแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่คิดว่าจู่ ๆ จะทวงห้องคืน”
หลิวไห่เดินไปนั่งที่เก้าอี้ เขาไม่คุยเรื่องนี้กับเธอแล้วเขาหยิบเอกสารการเงินของบริษัทที่ดูเมื่อสักครู่ขึ้นมาแล้วตบลงที่โต๊ะดัง ปัง
“เรื่องห้องก็ช่างเถอะ แต่เธอเห็นนี่หรือยังมีหลายจุดที่น่าสงสัย”
เฉินอิ่งมองรายงานงบการเงินพร้อมกับกอดอก
“มีอะไรน่าสงสัยคะ ผู้สอบบัญชีตรวจดูและผ่านการเซ็นรับรองแล้ว”
หลิวไห่จ้องเฉินอิ่งเขม็ง
“ไม่คิดว่าตาของเธอจะถั่วขนาดนี้ เสียแรงที่ไว้ใจให้ดูแลกิจการแทนช่วงหนึ่ง เธอจะรับผิดชอบยังไงดีล่ะถ้าฉันตรวจเจอความผิดปกติ”
เฉินอิ่งรู้สึกว่าเฉินเฟยอวี๋ดูไม่เหมือนเดิม แต่เธอยังแยกแยะไม่ออกว่าเขาไม่เหมือนเดิมตรงไหน เฉินอิ่งถึงกับพูดไม่ออก
หลี่เจี่ยซินขยับไปยืนอยู่ข้าง ๆ เฉินเฟยอวี๋ ตั้งแต่วันแรกที่เธอรับปากมาเป็นบอดี้การ์ดของเขาคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือเฉินอิ่งคนนี้ ถึงจะมีฐานะเป็นว่าที่พี่สะใภ้กับน้องสามี แต่คนทั้งสองก็แทบจะไม่เคยพูดคุยกันเลยสักคำ
“ยังยืนยันว่าตรวจสอบถูกต้องแล้วใช่หรือเปล่า”
หลิวไห่จ้องหญิงสาวเขม็ง แต่เฉินอิ่งไม่เคยกลัวเขา เธอยกมุมปากขึ้นแล้วยังพูด้วยน้ำเสียงเอื่อย ๆ คล้ายไม่ใส่ใจให้มันจบ ๆ ไป
“เอาไว้ฉันจะให้คนตรวจอีกที ถ้าพี่คิดมันไม่ถูกต้อง”
หลิวไห่ยกมุมปาก จ้องเธอเขม็ง
“คงไม่รบกวนท่านรองประธาน ฉันจะให้คนของฉันมาตรวจสอบดูในเมื่อเธอมั่นใจแล้วว่าถูกต้องก็ลองให้คนของฉันดูหน่อย”
เฉินอิ่งเลิกคิ้ว
“ตรวจสอบอีกเหรอคะ คนของพี่เหรอ”
เฉินอิ่งแทบจะหัวเราะออกมา เธอปิดปาก
แน่นอนว่าสายตานั้นดูถูกเขาเป็นอย่างยิ่ง รอบกายเฉินเฟยอวี๋ล้วนแต่เป็นพวกชั้นต่ำ ขนาดคู่หมั้นยังคว้าลูกสาวโรงเรียนชกต่อยมาบังหน้า ทั้งไร้รสนิยมและยังทำตัวไร้ค่า จะมีปัญญาจากไหนหาคนเก่งมาตรวจสอบบัญชี
เธอกอดอกแล้วจ้องเขาตาไม่กระพริบ
“เอาสิ พี่เป็นประธานนี่ มีอำนาจเต็มอยู่แล้ว แต่ให้เร่งหน่อยนะเพราะการบริหารที่ผิดพลาดของพี่ผลประกอบการของเราจึงติดลบได้ขนาดนี้ หุ้นร่วงจนแทบจะติดพื้นอยู่แล้ว เรื่องนี้ฉันก็คิดว่าพี่ต้องรับผิดชอบด้วย ถ้าไม่มีความสามารถพอก็ให้คนอื่นเขามาบริหารเสียเถอะ ส่วนพี่ก็ล้มบนฟูกได้เงินก้อนใหญ่เอาไปเสพสุขกับหนุ่ม ๆ เอ๊ย คู่หมั้นของพี่ตามที่พี่ต้องการเลยไม่ดีเหรอ”
หลิวไห่กอดอกเขาพิงเก้าอี้อย่างสบาย
“ดูท่าทางอยากนั่งเก้าอี้ประธานจนตัวสั่นเลยนะ”
เฉินอิ่งยิ้มเย็น
“ตำแหน่งของพี่ยังไงมันก็ต้องเป็นของฉันอยู่แล้ว เก้าอี้นี้พี่เกาะให้แน่นแล้วกันนะ ไม่ต้องห่วงหรอกฉันเอาใจช่วยพี่อยู่แล้ว”
เฉินอิ่งก้าวออกจากห้อง ทั้ง ๆ ที่ในห้องเธอต่อปากต่อคำกับเฉินเฟยอวี๋โดยไม่เกรงกลัวแต่เมื่อออกมาจากห้องนั้นมือของเฉินอิ่งกลับสั่นไม่หยุด
เฉินเฟยอวี๋ดูไม่เหมือนเดิม สายตาของเขานั้นดูน่ากลัวและเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ช่วงเวลาที่เขาหายไปไม่กี่วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่