ในผับนี่เสียงดังสนั่น หลิวไห่หว่านเงินไปเยอะเพื่อให้ได้เข้าห้องวีไอพีที่อยู่ติดกันกับห้องของคนของกู้เมิ่ง หลี่เจี่ยซินเมื่อเข้ามาด้านในเธอถอดเสื้อคลุมออกและหลิวไห่เองก็กลายเป็นหนุ่มเพลย์บอยควงคู่กับสาวสวยมาทันที
“เอาเหล้าที่แพงที่สุดมาและอย่าให้ใครมารบกวนเรา”
หลี่เจี่ยซินในชุดเดรสสายเดี่ยวสั้นเพราะเธอเพิ่งตัดกระโปรงยาวออกด้วยมีดของเธอเองในตอนนี้ถูกหลิวไห่ล้มทับลงบนโซฟา ท่าทางของพวกเขาเหมือนเมามากแทบจะร่วมรักกันอยู่แล้วทำให้พนักงานคนนั้นตาลีตาเหลือกรับทิปก้อนโตแล้วออกจากห้องไป
หลี่เจี่ยซินถือโอกาสนี้จูบหลิวไห่จริง ๆ ด้วยความคึกคะนอง เขาถูกเธอลวนลามกระทั่งล้วงลิ้นเข้ามาในปาก และเขาเองก็ไม่สามารถห้ามตัวเองได้เช่นกัน สองคนแลกลิ้นจูบกันอยู่เนิ่นนานดูเหมือนว่าความรู้สึกที่ได้จูบเขาจะทำให้หลี่เจี่ยซินคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
รสจูบแบบนี้เธอเคยสัมผัสมาแล้วอย่างนั้นเหรอ พวกเขายังจูบกันเนิ่นนาน ไม่มีใครผละออกหลี่เจี่ยซินรุนแรงจนกระทั่งฉีกเสื้อของเขาออกจนกระดุมหลุดรุ่ย หลิวไห่เองก็ตกใจไม่น้อยจนกระทั่งเขาหอบหายใจ
“ที่รักเธอจะทำเรื่องสมจริงเกินไปแล้ว”
หลี่เจี่ยซินตกใจ เธอตีปากตีเองแล้วผลักเขาออก ทั้ง ๆ ที่สาบานไปเมื่อสักครู่ว่าจะไม่ทำให้เขาตกใจแต่เธอก็ไม่สามารถรักษาคำพูดของตัวเองเอาไว้ได้ นี่เธอล้ำเส้นเกินไปจริง ๆ ด้วย
หลิวไห่เองคิดว่าเขายังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยตัวกับเธอ เขายังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเชื่อใจหลี่เจี่ยซินได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ผู้หญิงคนนี้เขายังไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ชัด ดังนั้นเขาไม่สามารถเผลอใจไปกับเธอได้
บริกรนำเหล้าและกลับแก้มเข้ามาให้พวกเขา หลี่เจี่ยซินผวาดึงหลิวไห่เข้ามากอดเธอซุกใบหน้ากับซอกคอของเขา หลิวไห่เองจ่ายเงินค่าทิปหนัก ๆ ให้บริการ โบกมือพร้อมกับบอกว่า
“ห้ามให้ใครเข้ามาเฝ้าหน้าห้องให้ดี ๆ ”
บริกรคนนั้นเห็นแล้วว่าหลิวไห่ถูกกระชากคอเสื้อจนกระดุมหลุดรุ่ยในขณะที่คุณผู้หญิงแสนสวยคนนั้นก็พร้อมที่จะเปลือยร่างเช่นกัน ได้เงินก้อนโตมาแล้วเขาจึงค้อมตัวและออกไปทำหน้าที่หน้าห้องอย่างแข็งขัน
เมื่อคนออกไปจนหมด และแน่ใจว่าจะไม่มีใครเข้ามาแล้ว หลิวไห่กลายเป็นอีกคนที่เคร่งขรึม เขาเปิดกระเป๋าใบเล็กเอาอุปกรณ์ไฮเทคออกมา อย่างแรกคือหูแอบฟัง หลี่เจี่ยซินยกขึ้นมาดูแล้วมองเขาอย่างทึ่ง ๆ
“ที่รักเธอไปเอาของพวกนี้มาจากไหน”
หลิวไห่ยกมุมปาก รอยยิ้มของเขาดูเยือกเย็น
“เพื่อนให้มาน่ะ นี่คือหูฟังเธอเอาด้านนี้ใส่ที่หูแล้วอีกด้านแนบเข้ากับกำแพง ถ้ากำแพงไม่หนาเกินไปเธอจะได้ยินเสียงพวกเขาจากห้องนั้น ลองดูสิ”
ทั้งคู่หยิบหูฟังขึ้นมาคนละอัน หลี่เจี่ยซินทำตามที่เขาบอก เธอได้ยินจริง ๆ ว่าอีกฝั่งของประตูนั้นมีเสียงอะไร แต่มันกลายเป็นเสียงเพลงที่ดังสนั่นจนแก้วหูแทบแตก
ฟังอยู่นานก็ไม่ได้เรื่อง หลิวไห่โยนหูฟังกลับเข้าไปในกระเป๋า เขาหยิบอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งขึ้นมคล้ายเครื่องเจาะ
“ฟังไม่ได้ก็เจาะเลยเลยล่ะกัน เห็นเล็ก ๆ แบบนี้ประสิทธิภาพเหนือความคาดหมาย”
หลี่เจี่ยซินถึงกับปรบมือ
“แล้วพวกเขาจะไม่ได้ยินเหรอ”
“ไม่ต้องห่วงมันไร้เสียง ต่อให้นอนหลับอยู่ก็ไม่ตื่นเพราะมันอย่างแน่นอน ยิ่งเสียงเพลงดังขนาดนั้นยิ่งไม่ได้ยินล้านเปอร์เซ็น”
ในขณะที่หลี่เจี่ยซินคอยดูต้นทางหน้าประตูให้ หลิวไห่ก็เริ่มต้นเจาะ เขาใช้เวลาไม่นานเครื่องเจาะนั่นก็ทะลุกำแพงไปอีกฟัง คราวนี้หลิวไห่ปล่อยอุปกรณ์อะไรสักอย่างเข้าไปในรูนั้น พร้อมกับยกเครื่องบังคับอันจิ๋วออกมาจากกระเป๋า
หลี่เจี่ยซินกลับมานั่งที่โซฟาข้างเขาอย่างสนใจ
“นี่อะไรอีกคะ”
“เจ้าตัวที่ปล่อยออกไปเมื่อกี้คือแมลงดักฟัง มันมีกล้องและไมโครโฟนด้วยข้อดีคือมันจะตัดเสียงรอบตัวตามคำสั่งที่เราตั้งโปรแกรมได้”
“สุดยอด”
หลี่เจี่ยซินมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“นี่ที่รักไปฮ่องกงมาคราวนี้เหมือนกับเป็นคนละคนเลยนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าตานี้ล่ะก็ฉันคิดว่าไม่ใช่คุณแล้ว”
หลิวไห่ไม่สบตาเธอ เขาก้มหน้าบังคับเครื่องเล็ก ๆ นั่นต่อ พร้อมกับทำสัญญาณให้เธอเงียบเป็นการเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเธอ
หลี่เจี่ยซินมองจอเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ หลิวไห่บังคับสัตว์ปีกหุ่นยนต์ให้บินไปเกาะที่ชายเสื้อของผู้ชายคนนั้น คนที่เขาจำมันได้ดีและอยากจะฆ่ามันยิ่งกว่าใคร
เสียงของคนสองคนคุยกัน จอภาพฉายไปที่หน้าของผู้ชายอีกคน หลิวไห่รู้สึกคุ้นหน้าเขามากแต่จำไม่ได้ จนกระทั่งหลี่เจี่ยซินผู้มีความจำเป็นเลิศพูดขึ้น
“นั่นฉันจำได้ว่าเป็นตำรวจที่มากับหูเสี่ยวเทียนนี่นา ใช่เป็นเขาแน่ ๆ”
ในวันนั้นที่หูเสี่ยวเทียนออกตรวจและบังเอิญเจอเธอที่โรงฝึก เธอเห็นหน้าตำรวจคนนี้เพียงแวบเดียวก็จำได้แม่นยำ เขายังมีใฝเม็ดใหญ่อยู่ที่แก้มซ้าย
“เธอแน่ใจนะ”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า
“แน่ใจสิ เป็นเขาแน่ ๆ”