หลิวไห่และหลี่เจี่ยซินต่างมองหน้ากัน
ตำรวจเหรอ ทำไมเรื่องนี้ถึงมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง
พวกเขาต่างนิ่งเงียบเพื่อฟังเสียงสนทนาของคนทั้งสอง ในที่สุดหลิวไห่ก็รู้จักชื่อของผู้ชายคนนั้น
โจอินตง
ตำรวจ : คนที่พวกนายให้ตามหาฉันรวบรวมไว้หมดแล้วทั้งชื่ออยู่ในซองน้ำตาลนี่
โจอินตง : ทั้งหมดในเขตแล้วเหรอ
ตำรวจ : ใช่ คนที่โดดเด่นหน้าตาดีอายุประมาณที่ต้องการทั้งหมดราวร้อยคนอยู่ในนี้ทั้งหมด เรายังไม่กล้าตัดใครออก
โจอินตงพยักหน้าแล้วยื่นซองสีน้ำตาลให้ตำรวจคนนั้น เขารับมาเปิดดูเล็กน้อยแล้วยิ้มพร้อมกับยัดใส่ในกระเป๋าเสื้อทันที
โจอินตง : จับตาดูต่อ อย่าให้รอดสายตาแม้แต่คนเดียว
ตำรวจ : คนเป็นร้อยนี่เยอะมาก ต้องใช้เงินเพิ่มถ้าจะให้จับตาพวกเขาทุกคน
โจอินตงโยนซองน้ำตาลซองใหญ่ให้ตำรวจคนนั้นอีกซอง ในนั้นคงเป็นเงินจำนวนมหาศาล
โจอินตง : น่าจะพอเราจะเช็ครายละเอียดแล้วให้เงียบเชียบที่สุด อย่าลงมือทำอะไรให้เป็นจุดสนใจเข้าใจหรือเปล่า
ตำรวจลุกขึ้นหยิบซองน้ำตาลออกมา เขาหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ
ตำรวจ : ไม่ใช่ปัญหาปล่อยให้มืออาชีพอย่างฉันจัดการเถอะ
ทั้งคู่มองหน้ากันอีกครั้ง หลี่เจี่ยซินพูดขึ้น
“พวกเขากำลังจับตาดูใครอยู่ คนเป็นร้อยเลยเหรอ”
“เราต้องตามต่อ คนพวกนี้กำลังทำอะไรกันแน่”
หลี่เจี่ยซินไม่เข้าใจ
“ที่รักแต่มันเกียวกับธุรกิจของเธอเหรอ จากที่ฟังดูไม่เห็นว่าจะเกี่ยวตรงไหนเลยนะ เรากำลังตามเรื่องที่เปล่าประโยชน์หรือเปล่า”
หลิวไห่ยิ้มเย็น
“เรื่องของกู้เมิ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฉัน เธอแค่คอยตามอารักขาก็พอส่วนเหตุผลอื่นอย่าใส่ใจให้มาก”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า
“เข้าใจแล้วค่ะเจ้านาย เรื่องนั้นวางใจฉันได้ ฉันเป็นบอดี้การ์ดอันดับหนึ่งไม่ปล่อยให้เจ้านายได้รับความลำบากแน่”
หลิวไห่อดยิ้มไม่ได้ หากเขาไม่รู้เบื้องลึกของเธอคงเป็นหลี่เจี่ยซินเป็นแค่ผู้หญิงบอบบางที่ตะเบ๊ะท่าทำเป็นเก่งก็เท่านั้น ใครจะรู้ล่ะว่าผู้หญิงคนนี้แท้จริงแล้วมีความเก่งกาจเพียงใด
แม้แต่เขาที่ผ่านเรื่องเลวร้ายมามากจนกระทั่งเข้าไปอยู่ในคุก ความเหี้ยมโหดยังสู้หลี่เจี่ยซินไม่ได้
สังเกตการณ์ต่ออีกไม่นานก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่ม คนพวกนั้นคุยกันเพียงแค่เรื่องผู้หญิงและเรื่องทั่วไป เห็นได้ชัดว่าตำรวจคนนั้นกับโจอินตงมีความใกล้ชิดและรู้จักกันมานานเพียงใด
หลิวไห่ต้องสืบเรื่องของโจอินตงแล้ว
หลี่เจี่ยซินเองก็สงสัย
“ตำรวจคนนั้นเป็นแค่จ่านี่ แต่ฟังพวกเขาคุยกันดูเหมือนว่าจะมีบารมีและเลี้ยงลูกน้องเอาไว้ไม่น้อย”
หลิวไห่เฉลยให้เธอเข้าใจ
“ตำรวจพวกนี้เป็นตำรวจสืบสวนสอบสวนแผนกยาเสพติด คนของพวกเขาก็พวกขี้ยาทั้งหลายนั่นแหละ ยิ่งเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยยิ่งใกล้ชิดกับพวกค้ายา ไม่ยากที่จะตั้งตัวเป็นมาเฟียเสียเอง จับเองปล่อยยาเองตั้งแก๊งค์เองไม่มีใครกล้ากับพวกเขา”
หลี่เจี่ยซินมองเขาด้วยความประหลาดใจ
“ที่รักเธอใช่เฉินเฟยอวี๋จริงหรือเปล่า”
มือของหลี่เจี่ยซินในตอนนี้บีบที่คอหอยของเขา ถึงจะไม่แรงแต่หลิวไห่รู้ดีว่าถ้าเธอคิดจะบีบเขาไม่รอดแน่
เขาแสร้งหัวเราะเสียงใส ดัดเสียงเต็มที่
“ที่รักทำอะไรเนี่ย เธอก็รู้ว่าฉันกลัวเธอนะ”
หลี่เจี่ยซินยิ้มเหี้ยม
“ฉันเป็นลูกน้องเธอก็จริง แต่จำไว้ว่าฉันเป็นลูกน้องของเฉินเฟยอวี๋ ถ้าเธอไม่ใช่เฉินเฟยอวี๋ฉันบอกได้คำเดียวว่า คนที่โกหกฉันที่ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ไม่มีแล้ว”
หลิวไห่ยิ้มหวาน เลียนแบบท่าทางออดอ้อนของเฉินเฟยอวี๋ เขาใช้นิ้วจี้ไปที่เอวของหลี่เจี่ยซิน ที่เป็นจุดอ่อนของเธอ
จิ้มไปไม่กี่ทีหญิงสาวก็หัวเราะ จุดอ่อนของหลี่เจี่ยซินแน่นอนว่าย่อมมีเพียงเฉินเฟยอวี๋ที่รู้ กระทั่งใฝฝ้าในร่างกายของเธอเฉินเฟยอวี๋ก็แทบจะเห็นหมดแล้ว
แน่นอนว่าหลิวไห่ก็เห็นแล้วเช่นกัน เป็นการเห็นที่ชัดเจนยิ่งกว่าเฉินเฟยอวี๋เสียอีกแต่หลี่เจี่ยซินจำไม่ได้
“ใฝที่ก้นของเธอน่ะ ยังอยู่ดีใช่หรือเปล่า เม็ดสีแดงน่ารัก ๆ ที่ฉันอยากมีน่ะ”
เขาพูดคำนี้ออกมา หลี่เจี่ยซินแม้จะสงสัยเขาแต่ในตอนนี้เธอก็มั่นใจหลายส่วนแล้วว่าไม่ใช่ตัวปลอม เธอดึงมือออกแล้วรีบขอโทษทันที
“ขอโทษด้วย หลายครั้งที่เธอทำให้ฉันสงสัย”
หลิวไห่แอบพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ฉันรู้ว่าฉันเปลี่ยนไปมาก แต่ถ้าฉันไม่โตพวกนั้นก็รังแกฉันได้เธอชอบเห็นฉันเป็นแบบนั้นเหรอ”
หลี่เจี่ยซินส่ายหน้า เธอชอบเฉินเฟยอวี๋ในตอนนี้มาก ๆ ชอบจนอยากจะจับเขากดแล้วบังคังให้เป็นสามีจริง ๆ ไม่ใช่เป็นการเล่นละครบังหน้าผู้คนแบบนี้
หลิวไห่กอดไหล่ของเธอ ซบใบหน้าลงบนลาดไหล่บอบบาง
“เราดูต่อกันเถอะ”
หลี่เจี่ยซินลูบหัวเขา พวกเธอกำลังทำเรื่องน่ากลัวอย่างแอบดูชาวบ้านโดยใช้วิทยาการล้ำเลิศ แต่เขากลับซบใหล่เธอเหมือนกำลังดูละครน้ำเน่าเรื่องหนึ่ง
เอาล่ะ หลี่เจี่ยซินคิดว่าจะไม่สงสัยเขาอีกต่อไปแล้ว นี่คือเฉินเฟยอวี๋จริง ๆ
ตำรวจคนนั้นออกไปจากห้องแล้ว ในห้องไม่สนทนาอะไรกันต่อ หลิวไห่และหลี่เจี่ยซินตามดูพฤติกรรมของพวกเขาจนกระทั่งเจอเรื่องที่ทำให้ทั้งสองคนหน้าร้อนเป็นไฟ
ในห้องนั้นมีผู้หญิงเข้ามาอีกหลายคน ทั้งหมดล้วนแต่งตัวแทบจะเรียกว่าเอาเศษผ้ามาปิดร่างกาย
เสียงเพลงดังยิ่งกว่าเดิมทั้งดื่มทั้งเต้นกันอย่างสนุกสนาน และสุดท้ายแล้วพวกเขาก็เริ่มมีเซ็กส์หมู่กัน
ผู้หญิงเริ่มถอดเสื้อผ้าในขณะที่ผู้ชายเองก็เปลือย ต่างคนต่างฟัดและนัวเนียกันไม่รู้ว่าคู่ไหนเป็นคู่ไหน
หลิวไห่เองกลัวว่าหลี่เจี่ยซินจะอาย เขารีบกดบังคับให้แมลงตัวนั้นออกมาจากห้องทันที แมลงหุ่นยนต์บินกลับมาทางรูเดิมที่หลิวไห่เจาะเอาไว้ เอาเก็บมันไว้ในกล่องอย่างว่องไว
เขาเองยังไม่กล้าสบตากับหลี่เจี่ยซินเกรงว่ายิ่งจะทำให้เธออายมากขึ้น ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
“ไปกันเถอะหมดเรื่องแล้ว”
หลิวไห่เก็บกระเป๋าลุกขึ้น เขาบังเอิญสบตากับเธอแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อหลี่เจี่ยซินมองเขาเหมือนกำลังมองอาหารรสเลิศจานหนึ่ง ไม่พอหลี่เจี่ยซินยังเลียปากอีกด้วย
หลิวไห่ยกมือปิดอกของตัวเอง หัวใจสั่นไหวไปกับสายตาหิวโหยของเธอที่จ้องมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
หลิวไห่ตะคอกเธออย่างเหลืออดแล้ว เขากอดอกอย่างป้องกันตัวและค่อย ๆ ก้าวถอยหลังในขณะที่หลี่เจี่ยซินตามก้าวตามจนกระทั่งเขาเสียหลักล้มลงบนโซฟาอีกครั้ง
“หลี่เจี่ยซินเธอคิดจะทำอะไร อย่านะ”