หิมะตกเพียงปรอย ๆ อากาศไม่นับว่าหนาวมากความทนทานต่อความหนาวของหลี่เจี่ยซินและหลิวไห่มีมากกว่าคนโดยทั่วไป พวกเขาจึงไม่ลำบากในการขับรถบิ๊กไบค์บีเอ็มดับเบิ้ลยูราคาห้าแสนหยวนคันนี้สักเท่าไหร่ เมื่อขับออกมาพ้นถนนเส้นเดิมแล้วการจราจรหนาแน่นขึ้นโชคดีที่พวกเขาขับมอเตอร์ไซต์จึงทำให้หลีกหนีจากถนนที่แออัดออกมาชานเมืองได้อย่างรวดเร็ว
หลี่เจี่ยซินขับรถอย่างคล่องแคล่วและนับว่าเร็วมาก ด้วยความเร็วระดับนี้เมื่อวิ่งอยู่บนถนนที่แทบร้างผู้คนทำให้หลิวไห่คิดว่าเธอคนนี้สามารถที่จะไปเป็นนักแข่งมืออาชีพได้เลย
พ่อแม่ของเธอเลี้ยงมาแบบไหนถึงได้มีจิตใจที่แข็งแกร่งและไม่กลัวอะไรแบบนี้ สมแล้วที่ได้สืบทอดโรงเรียนศิลปะการต่อสู้อันมีประวัติยาวนาน
กระทั่งหลี่เจี่ยซินพาเขาเลี้ยวเข้าสู่ถนนเส้นรอง ขับรถมาเกือบสามชั่วโมงก็ใกล้จะถึงที่หมาย หลี่เจี่ยซินเห็นว่าสองข้างทางเริ่มกลายเป็นถนนในชนบท มีแปลงข้าวและผักปลูกสุดลุกหูลูกตาจนกระทั่งมาถึงบ้านเก่าหลังหนึ่ง
หลี่เจี่ยซินจอดรถบิ๊กไบค์ หลิวไห่กอดเธอมาตลอดทางและกอดแน่นเสียด้วย ช่วงเวลาที่นั่งซ้อนท้ายเธอมาเขารู้สึกมีความสุขและอยากจะลืมเลือนเรื่องทุกอย่าง
อยากให้โลกนี้มีเพียงเขาและเธอเท่านั้น
“ที่รักที่นี่ที่ไหนกันเหรอ”
หลิวไห่จับมือของเธอเขาเดินไปยังที่ลับควานหากุญแจที่ซ่อนเอาไว้ มันยังอยู่ที่เดิม
“แต่ก่อนมันเคยเป็นบ้านพักผ่อนของพ่อน่ะ ท่านชอบมาพักที่นี่และยังมีบ้านต้นไม้ของฉันด้วยนะ”
หลี่เจี่ยซินเดินตามเขาและสำรวจไปรอบ ๆ บ้านหลังนี้ฝุ่นจับหนาและเหมือนไม่มีใครมาเหยียบนานมากแล้ว ของหลายอย่างก็ชำรุดทรุดโทรม
“ไม่มีใครดูและเลยเหรอ ที่รักก็อยู่ไม่ไกลนี่ทำไมไม่กลับมาดูบ้างล่ะ”
หลิวไห่ยิ้ม เขาไม่ตอบเธอ เขาบอกไม่ได้ว่าเขาไปอยู่ฮ่องกงและเคยติดคุกหลายปีกระทั่งเขาลืมบ้านนี้ไปแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นซองน้ำตาลที่ข้างในมีรูปของผู้หญิงจำนวนมาก จู่ ๆ เขาก็คิดออก
ตอนนั้นในซองน้ำตาลของพ่อ ก็มีรูปผู้หญิงจำนวนมากเหมือนกัน ทุกคนล้วนเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก มีชื่อ อายุ ความสามารถ และนิสัย บอกทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเธอโดยละเอียด วันนี้เขาเหมือนได้เห็นซองนั้นอีกครั้ง
เหมือนเขาจะจำได้ว่าพ่อได้ซ่อนของพวกนี้เอาไว้ที่ไหนสักแห่งที่บ้านหลังนี้
หลิวไห่ใจเต้นแรง คล้ายกับว่าเขาใกล้จะค้นพบบางสิ่งบางอย่างแล้ว สิ่งที่เขาสงสัยมานานว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลี่เจี่ยซินเดินตามเขาไม่ห่าง พวกเขาเดินออกมาสำรวจที่สวนด้านนอกจนกระทั่งไปถึงบ้านต้นไม้ของเขา
“นี่บ้านต้นไม้ของเธอเหรอ”
หลิวไห่พยักหน้า เขาแหงนหน้าขึ้นไปมองบ้านหลังเล็กข้างบน
“แต่ก่อนมันเป็นบ้านที่หลังใหญ่มาก พ่อเป็นคนสร้างให้ฉันชอบมากถึงขั้นขังตัวเองอยู่ในนั้น ทำกิจกรรมไปด้วย อ้อแล้วยังมีห้องสมบัติด้วยนะ เป็นสถานที่ลับของฉันกับพ่อที่ไม่มีใครรู้…”
และแล้วหลิวไห่ก็เหมือนจะตาสว่างแล้ว เขามั่นใจว่าพ่อของเขาต้องแอบซ่อนบางสิ่งบางอย่างไว้ในบ้านต้นไม้นี่เป็นแน่ สถานที่นี้ในตอนเด็กพ่อมักจะพาเขาแอบมา เขาเองก็เคยสงสัยว่าทำไมพ่อถึงต้องทำเหมือนหลบซ่อนใคร แต่ในตอนนั้นพ่อของเขาเพียงบอกว่า
“บ้านหลังนี้คือความลับของเราสองพ่อลูก ดังนั้นเราจะไม่ให้ใครรู้เสี่ยวไห่ต้องเชื่อฟังนะลูก ถ้าไม่อยากให้ใครพรากมันไปจากเรา”
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยปริปากพูดบ้านแห่งความลับของพ่อและเขาให้ใครรู้อีกเลย
“รออยู่ตรงนี้นะ ฉันจะปีนขึ้นไปข้างบนดูหน่อย”
หลี่เจี่ยซินจึบแขนของเขาไว้
“เธอไม่เคยปีนป่าย ให้ฉันไปดีกว่าจะเอาอะไร”
หลิวไห่ดึงมือของเธอออก เขาจ้องเขาไปในดวงตาคู่สวยของเธอ
“ไม่เป็นไร ฉันปีนได้รอฉันอยู่ตรงนี้นะ”
จู่ ๆ หลี่เจี่ยซินก็ใจเต้นแรง มือของเขาที่จับมือเธอในตอนนี้ช่างร้อนราวกับไฟ หลิวไห่คลายกระดุมเสื้อเชิตแล้วพับแขนเสื้อขึ้น โหนตัวจับกิ่งไม้ขึ้นไปบนต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว กระทั่งไปถึงบ้านไม้เล็กด้านบน
หลิวไห่มีช่องลับในบ้านไม้ ถ้าดูเผิน ๆ เหมือนว่าส่วนนี้จะเป็นเนื้อของต้นไม้ต้นนี้ ไม่มีใครสังเกตุได้ว่ามันเป็นช่องลับช่องที่กว้างพอช่องหนึ่ง เขาคว้าของทั้งหมดออกมาถือเอาไว้แล้วกระโดดลงจากต้นไม้ต้นนั้น
หลี่เจี่ยซินรีบเข้ามาปัดเศษไม้ที่เกาะตามเนื้อตัวให้เขาจนสะอาด เหมือนกำลังดูแลลูกชายที่กำลังซนคนหนึ่ง
หลิวไห้ยิ้มให้กับท่าทางน่ารักของเธอ
“ได้มาแล้วเหรอ”
หลิวไห่ยกซองพลาสติกหลายซองขึ้นมา ในนี้หลายซองเป็นของที่เขาเก็บเอาไว้เองและยังมีอีกซองที่เขาจำไม่ได้ว่าเป็นของเขา ในเมื่อไม่ใช่ของเขาก็คงจะเป็นของพ่อเป็นแน่
“อื้ม มาดูกันว่ามีของที่ต้องการหรือเปล่า”
หลิวไห่มองไปรอบ ๆ เขาคิดว่าที่นี่อาจจะไม่ปลอดภัย ความจริงแล้วประธานกู้ส่งคนตามเขาตลอดแต่เขาจับได้และจัดการไปหลายคนแล้วเขาจึงยัดของทั้งหมดลงใต้เบาะบิ๊กไบค์
“เรากลับบ้านกันดีกว่า อย่างน้อยก็ปลอดภัยกว่าที่นี่ที่มีเพียงเราสองคน”
หลี่เจี่ยซินเห็นด้วย ในซองน้ำตาลในมือของหลิวไห่มีอะไรกันแน่นะ