ของที่พ่อซ่อนเอาไว้ในที่ซ่อนสมบัติวัยเด็กของเขาเป็นของที่ทำให้หลิวไห่สนใจเป็นอย่างยิ่ง
ความทรงจำของเขาไม่ได้ผิดเพี้ยน เขายังจำได้เป็นอย่างดีภาพของเด็กหญิงวัยสี่ถึงห้าปีจำนวนมาก มีทั้งชื่อ อายุ ความสามารถของพวกเธออย่างละเอียด ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกัน แต่น่าเสียดายที่ในนั้นล้วนระบุวันตายของเด็กเหล่านั้น
พวกเขาตายตอนอายุห้าขวบทุกคน
หลี่เจี่ยซินดูรูปพวกนั้นทีละรูป
“นี่มันเรื่องอะไร สาเหตุการตายคือหัวใจล้มเหลวกระทันหัน เกิดอะไรขึ้นกัน”
หลิวไห่ส่ายหน้า
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่คิดว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขากำลังทำอยู่ในตอนนี้”
“น่าสนใจดีแฮะ ชักจะตื่นเต้นแล้วสิ”
หลี่เจี่ยซินเทรูปที่อยู่ในซองที่พวกเธอเพิ่งได้จากตำรวจคนนั้นออกมาดู
“หลายคนฉันรู้จักด้วยนะ แต่ละคนการศึกษาดี หน้าตาดี หน้าที่การงานดี คนพวกนี้จะรวบรวมข้อมูลของผู้หญิงเก่ง ๆ ทั้งหลายไปทำไมกัน”
หลิวไหเองยิ่งตามเรื่องนี้เขาก็ยิ่งสงสัยเขาไล่ดูรูปเด็กพวกนั้นไปเรื่อย ๆ จนสะดุดที่รูปเด็กเล็กคนหนึ่ง
เด็กคนนี้ไม่ระบุอะไรทั้งนั้น รูปร่างอ้วนท้วนแก้มกลมเหมือนเด็กสุขภาพดีทั่วไป สิ่งที่เขียนในรูปใบนั้นคือ หมายเลข 1
“ทำไมเด็กคนนี้ไม่มีรายละเอียดเหมือนคนอื่นล่ะ”
หลี่เจี่ยซินชะโงกหน้ามาดู
“หรือจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ”
หลิวไห่ส่ายหน้า เขาก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน หลี่เจี่ยซินหันไปสนใจซองน้ำตาลที่เธอได้มาจากคนร้าย หลิวไห่เปิดดูรูปไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาเจอรูปหนึ่งที่ทำให้เขาถึงกับมือสั่น
เขารีบเก็บรูปนั้นอย่างรวดเร็วไม่ให้หลี่เจี่ยซินเห็น
“เธอดูไปก่อนนะฉันไปเข้าห้องน้ำ”
เขาบอกเธอด้วยท่าทางเป็นปกติ หลี่เจี่ยซินพยักหน้าก้มหน้าก้มตาดูหลักฐานที่ตัวเองไม่เข้าใจในมือต่อ
หลิวไห่ล็อคประตูห้องน้ำอย่างแน่นหนา เขาดึงภาพออกมาจากกระเป๋ากางเกง และยิ่งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ในภาพนี้คือพ่อของเขาและแม่ของเฉินเฟยอวี๋กำลังอุ้มเด็กชายแฝดอายุราวขวบหรือสองขวบ พวกเขายังใส่เสื้อคลุมสีขาวคล้ายเสื้อกาวน์ของหมอในขณะที่ตรงกลางนั้นคือคนที่เขาเกลียดที่สุดในโลก และด้านหลังนั่นก็ยังมีคนสวมเสื้อกาวน์หลายคนอุ้มเด็กอยู่ ใบหน้าของพวกเขายิ้มแย้มเหมือนกับกำลังถ่ายรูปครอบครัวใหญ่ที่แสนสุข
ดวงตาของหลิวไห่จับจ้องประธานกู้กำลังอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งอยู่ ที่แท้แม่ของเฉินเฟยอวี๋และพ่อของเขารู้จักกันหรอกเหรอ
เขาแน่ใจว่าเด็กแฝดที่สองคนนั้นอุ้มคือพวกเขาแน่ ๆ เสื้อผ้าในวันเด็กชุดนั้นพ่อของเขาบอกว่าได้มาจากบ้านเด็กกำพร้าเป็นชุดเก่งไม่กี่ชุดในวัยเด็กที่เขามีพ่อจึงเก็บไว้อย่างดี ในขณะที่เด็กอีกคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนเขาก็ใส่ชุดคล้ายกัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
หลิวไห่ถึงกับอุทานออกมา ความมึนงงและกระหายที่จะรู้เรื่องราวเบื้องหลังพุ่งเข้าชนเขาอย่างบ้าคลั่ง
ทำไมล่ะเพราะอะไร ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครบอกเขาว่าคนทั้งสองรู้จักกัน พ่อของเขาและประธานกู้นั่นไม่แปลก แต่แม่ของเฉินเฟยอวี๋และประธานกู้รู้จักกันด้วยเหรอ
หลิวไห่มืดแปดด้าน เรื่องจริงคืออะไรกันแน่เขาต้องสืบให้ได้
โทรศัพท์ของหลิวไห่ดังขึ้น เขารับสายพร้อมกับเก็บรูปนั้นเอาไว้ในกระเป๋า เขาสงสัยว่าเด็กที่อยู่ในมือของประธานกู้คือใครและเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา
เขาตอบรับคำเดียวก็วางสาย ก่อนจะล้างมือให้สะอาดแล้วออกไปบอกกับหลี่เจี่ยซิน
“ฉันต้องไปที่แห่งหนึ่ง เธอไม่ต้องไปกับฉัน”
หลี่เจี่ยซินไม่ยอม
“เราเพิ่งโดนคนร้ายสะกดรอย ฉันให้เธอไปคนเดียวไม่ได้หรอก”
ความจริงหลิวไห่ไม่อยากดึงหลี่เจี่ยซินเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของกู้เมิ่ง เรื่องนั้นมันอันตรายเกินไป แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ดื้อเหลือเกิน ที่สำคัญเขาสู้แรงของหลี่เจี่ยซินไม่ได้ ถ้าเธอบอกว่าไม่ปล่อยเขาไปคนเดียว ต่อให้เขาห้ามหลี่เจี่ยซินก็จะตามไปอยู่ดี
“ก็ได้ ที่นี่ค่อนข้างลึกลับสักหน่อย คนที่ฉันจะไปพบค่อนข้างเงียบขรึมและระวังตัว ถ้าพวกเขาทำท่าทางแปลก ๆ ก็อย่าถือสา”
“อื้ม เข้าใจแล้วค่ะเจ้านาย”
หลี่เจี่ยซินรับคำ เธอลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้นชีวิตบอดี้การ์ดแบบเธอไม่มีวันไหนที่น่าเบื่อเลยสักนิด
ไม่นานหลิวไห่พร้อมกับหลี่เจี่ยซินจึงขับรถมายังที่แห่งหนึ่ง
หลี่เจี่ยซินเห็นว่าที่นี่ก็เหมือนตึกสำนักงานทั่วไปที่ดูค่อนข้างทันสมัย ยังมีป้ายบริษัทรับออกแบบบ้านติดอยู่
รปภ.หน้าบริษัทเพียงแค่เห็นรถของหลิวไห่พวกเขาก็เปิดประตูแล้ว รถเคลื่อนเข้าไปจอดช้า ๆ หลี่เจี่ยซินเปิดประตูรถมองไปรอบ ๆ
“ที่นี่ไม่มีพนักงานบริษัทเหรอ”
“มี แต่พวกเขากินอยู่ที่นี่ไม่ออกไปไหน”
เมื่อเข้ามาด้านในบริษัท หน้าประตูทางเข้าสำนักงาน หลี่เจี่ยซินได้กลิ่นพิซซ่าโชยมา กล่องพิซซ่าหลายกล่องพร้อมกล่องอาหารสำเร็จรูป ทั้งถ้วยบะหมี่สารพัดวางอยู่ข้างหน้ารอคนมาเก็บกวาด
“พวกเขาเป็นผู้ชายทั้งหมด ไม่มีผู้หญิงชอบกินอะไรง่าย ๆ น่ะ”
“ไม่มีคนเก็บขยะเหรอ ทำไมขยะล้นหน้าออฟฟิศแบบนี้”
หลี่เจี่ยซินยิ่งสงสัย
“มีแม่บ้านคนหนึ่งเธอจะมีทุกสามหรือสี่วันจนกว่าพวกเขาจะเรียก”
หลิวไห่มาถึงหน้าออฟฟิศที่ปิดประตูแน่นหนา ตรงนี้เป็นประตูทึบที่ถูกออกแบบมาอย่างดี หลี่เจี่ยซินเห็นว่าตรงด้านหน้ามีขยะกองเต็ม และข้างในก็เป็นผู้ชายที่กินนอนอยู่ที่นี่เธอจึงคิดว่าต้องสกปรกแน่ หญิงสาวจึงเตรียมตัวยยกมือปิดจมูก ป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์
แต่ที่ไหนได้เพียงประตูนั้นเปิดออกอัตโนมัติ หลี่เจี่ยซินก็พบว่าข้างในทั้งโล่งและสะอาดมาก ไม่ได้มีการแบ่งเป็นห้อง ๆ เล็ก ห้องน้อยเหมือนออฟฟิศทั่วไป แต่กลายเป็นห้องโล่งเหมือนบ้านห้องหนึ่ง มีพื้นที่ห้องรับแขกที่มีจอทีวีขนาดใหญ่น้อง ๆ จอภาพยนต์ ยังมีอุปกรณ์เล่นเกมส์ไฮเทคสารพัดวางอย่างเป็นระเบียบ
หุ่นยนต์ทำความสะอาดสองตัววิ่งไปทั่วห้องนี้ และสะอาดสะอ้านเป็นอย่างยิ่ง
ในนี้มีห้องแบ่งเป็นสี่ห้องยังมีรับแขกเล็ก ๆ และห้องครัวที่สะอาดเอี่ยมเหมือนไม่เคยมีใครทำอาหารเลย
หลิวไห่เปิดชั้นเก็บรองเท้า ให้เธอเปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าใส่ในบ้านพร้อมกับบอกเธอเสียงเบา
“พวกเขารักสะอาดมาก เปลี่ยนรองเท้าก่อนนะ”
หลี่เจี่ยซินรู้สึกผิดคาด ไม่คิดว่าพวกผู้ชายที่อยู่รวมกันจะเนี๊ยบได้ขนาดนี้ ไม่มีฝุ่นในนี้แม้แต่น้อยอากาศข้างในกลับมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ยังมีเครืองฟอกอากาศที่ทำงานตลอดเวลา
“ที่นี่สุดยอดเลย ไม่เคยเห็นออฟฟิศที่เป็นแบบนี้มาก่อน”
หลิวไห่ยิ้ม
“ห้องทำงานจริง ๆ ของพวกเขาอยู่ข้างใน เธอทำตัวตามสบายนะอยากกินอะไรก็หยิบในตู้เย็นเลย แต่ระวังความสะอาดหน่อย”
หลี่เจี่ยซินส่ายหน้า
“ไม่ล่ะฉันไม่หิว แค่ตกใจไม่คิดว่าเธอจะมีออฟฟิศแบบนี้ซ่อนอยู่”
หลิวไห่วางมือบนไหล่ของเธอพร้อมกับบีบเบา ๆ
“ความจริงเป็นของเพื่อนที่อยู่ฮ่องกงน่ะ ฉันจะมีอะไรแบบนี้ได้ล่ะเธอก็รู้ดี”
หลี่เจี่ยซินสงสัยเขาจนเลิกสงสัยให้ตัวเองเครียดแล้ว จึงพยักหน้าไม่ถามอะไรอีก
หลิวไห่ดันร่างของเธอให้เดินตาม พาเธอเข้าไปที่ห้องใหญ่ห้องหนึ่ง
“ห้องทำงานจริง ๆ อยู่ที่นี่”
เมื่อเปิดประตูหลี่เจี่ยซินต้องอ้าปากด้วยความตกตะลึง ด้านหน้าของเธอมีจอคอมขนาดยักษ์หลายสิบจอตั้งเรียงราย ในจอนั้นมีตัวเลขมากมายจนเธอตาลาย
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เห็นแล้วก็รู้ว่ามันมีไว้สำหรับมืออาชีพ และที่สำคัญมีผู้ชายที่หล่อยิ่งกว่าไอดอลสี่คนกำลังยืนขึ้นเพื่อต้อนรับพวกเขา
“หัวหน้าสวัสดีครับหัวหน้า สวัสดีครับพี่สาวคนสวย”
คนทั้งสี่ส่งรอยยิ้มพิฆาตมายังเธอ พวกเขาหล่อมาก ขาว และสูงเกือบจะเท่าหลิวไห่ ยังแต่งตัวแบบสบาย ๆ เสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ขาด ๆ ที่ใส่แล้วโคตรเท่ห์
ใบหน้าฟ้าประธานพวกนั้นเมื่อมารวมตัวกันทำให้หลี่เจี่ยซินถึงกับเข่าอ่อน
หญิงสาวตาแข็งค้าง อาการแพ้คนหล่อขั้นรุนแรงเริ่มกำเริบ พวกเขาเป็นใคร อะไร
“F4 นี่มัน F4 ชัด ๆ”
หลิวไห่เห็นท่าทางของหญิงสาวก็พลันหน้าตึง ยังไม่ทันได้แนะนำตัวหลี่เจี่ยซินก็ถูกเขาเตะออกจากห้องทำงานห้องนี้แล้ว
“เป็นความลับระหว่างฉันกับพวกเขา เธอไม่เกี่ยว ออกไปก่อน เธอออกไปรอข้างนอกเลย”
หลี่เจี่ยซินหัวเสีย ร้องออกมาอย่างเหลืออด
“ให้ตายเถอะเฉินเฟยอวี๋ เธอมีของดีในมือแล้วไม่แบ่งเพื่อนรักอย่างฉันไม่ได้นะ ตาย ๆ หล่อลากดินแบบนี้มัน F4 ชัด ๆ โอ๊ย ใจสั่น หล่อ ๆ ๆ ๆ”
ในที่สุดหลี่เจี่ยซินก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหลิวไห่ถึงพยายามกีดกันไม่ยอมให้เธอมาด้วย