“แน่ใจนะว่าชุดนี้สวย”
หลิวไห่พยักหน้า
“สวยมาก”
“จริงเหรอแต่ฉันว่ามันแปลก ๆ เธอไม่คิดว่าแปลกเลยเหรอ”
หลิวไห่ไม่ยอมให้เธอเปลี่ยน ยังหว่านล้อมด้วยราคาที่แสนแพงของมัน
“รู้หรือเปล่าว่านี่มันกุชชี่เลยนะ ชุดนี้หมื่นหยวน เธอไม่เชื่อรสนิยมฉันเหรอ”
หลี่เจี่ยซินหมุนตัวเธอไม่แน่ใจ เธอจะไปดินเนอร์กับชายในดวงใจหูเสี่ยวเทียนแต่หลิวไห่กำลังให้เธอแต่งชุดเหมือนชุดวอร์มที่กำลังจะไปยิมแบบนี้ด้วยล่ะ
“บ้าแล้ว ที่รักสมองเธอฟั่นเฟือนแล้ว นี่ฉันอุตส่าห์คิดว่าเธอมีรสนิยมที่สุดแล้วนะ ฉันว่าฉันเปลี่ยนดีกว่า แต่ชุดกระโปรงไม่ค่อยมีคราวที่แล้วที่ไปงานก็มีอยู่ชุดเดียว ตอนนั้นเราสองคนรุนแรงกันมาก มันขาดหมดแล้วเสียดายจริง ๆ”
หลี่เจี่ยซินหมายถึงเรื่องเซ็กส์ระหว่างเธอกับหลิวไห่ เธอพูดอย่างไม่อายแต่เขากลับหน้าแดง
หลี่เจี่ยซินยิ้ม คิดว่าเขาคงเห็นเป็นเรื่องอัปยศ และอยากจะลืมหลี่เจี่ยซินจึงพูดปลอบ
“ไม่ต้องคิดมากน่า ฉันไม่ถือสาหรอก”
หลิวไห่ตะคอกเสียงดัง
“แต่ฉันถือสา เธอมันคนไม่มีหัวใจ”
หลี่เจี่ยซินยิ้มหวานย้อย ตบที่อกเขาเบา ๆ ให้เขาใจเย็นลง
“ใจฉันให้หูเสี่ยวเทียนไปแล้ว ไม่เหลือแล้วล่ะ”
หลิวไห่อ้าปากค้าง เขากำลังช๊อคกับคำตอบที่ได้ยิน ทั้งเสียใจรู้สึกเหมือนกำลังโดนเธอกระโดดถีบที่ผนังห้องหัวใจอย่างแรงไปหลายครั้ง เขากัดปากแล้วพูดเสียงเย็น
“เอามีดมาแทงฉันเลยถ้าจะพูดแบบนี้”
หลี่เจี่ยซินคิดว่าเขากำลังอิจฉาตัวเองที่กำลังมีความรักจึงปลอบใจด้วยกอดแรง ๆ ไปครั้งหนึ่ง
“อย่าอิจฉาฉันเลย สักวันเธอต้องเจอคนที่เธอชอบจริง ๆ เหมือนฉัน”
หลิวไห่จ้องเธอเขม็ง ดวงตาของเขาเหมือนมีน้ำขังอยู่ในนั้น
“ถ้าฉันจะบอกเธอว่าฉันเจอแล้ว แต่คนคนนั้นไม่เคยรู้ตัวเลยเธอจะเชื่อหรือเปล่า”
เขาส่งผ่านความรู้สึกออกไปทางสายตา ทั้งออดอ้อนและวิงวอนไม่ต้องการให้เธอไปกินข้าวกับไอ้ตำรวจหน้าขาวคนนั้น คนที่เขาเข้าใจว่าเคยวางยาเสียสาวหลี่เจี่ยซิน
หญิงสาวมองเห็นความอบอุ่นและความจริงใจในสายตาของเขา เธอยิ้มพร้อมกับจับมือของผู้ชายที่เธอคิดว่าคือเฉินเฟยอวี๋เอาไว้
“ที่รัก นี่เธอหมายความว่าเธอเจอคนที่ชอบจริง ๆ แล้วใช่หรือเปล่า”
หลี่เจี่ยซินมองเขาอย่างอบอุ่น หลิวไห่เปิดเปลือยความรู้สึกของตัวเองกับเธอ หวังให้เธอเห็นว่าเขาคิดอะไรกับเธอ
“ใช่ ฉันเจอคน ๆ นั้นแล้ว”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
หลิวไห่ที่กำลังซึ้งถลึงตาใส่หลี่เจี่ยซิน
“เธอเป็นบ้าอะไร อยู่ ๆ หัวเราะขึ้นมา”
“ก็ที่รัก เธอพูดแบบนี้ที่ควงผู้ชายใหม่ทุกครั้งนี่นา แล้วก็เลิกกันฉันฟังจนเบื่อแล้ว เฮ้ย อย่าเป็นคนแบบนี้เลยเธอจะเสียใจเปล่า ๆ”
หลิวไห่กำมือแน่น นั่นมันเป็นเฉินเฟยอวี๋เกี่ยวอะไรกับเขากันเล่า ไอ้น้องเฮงซวยพลอยทำให้เขาโดนเข้าใจผิดไปด้วย
หลี่เจี่ยซินทำท่าจะถอดชุดพละออก หลิวไห่รีบห้าม
“ทำไม่ล่ะ เธอยังจะให้ใส่อีกเหรอ”
เขาจับแขนทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ แล้วพูดอย่างจริงจัง
“เธออยากรู้หรือเปล่าว่าเขาชอบเธอแค่ไหน?”
หลี่เจี่ยซินหยุดฟัง
“ก็อยากรู้นะ”
“ใช่ อยากรู้ใช่หรือเปล่า นี่ไงมีวิธีถ้าเธอใส่ชุดนี้ไปแล้วเขารับได้ เขายังกินข้าวกับเธอและยังติดต่อเธอปกติแปลว่าเขาชอบเธอจริง ๆ ”
หลี่เจี่ยซินผู้ไม่มีประสบการณ์ด้านความรักเริ่มลังเล
“จริงเหรอ เธอคิดว่ามันจะช่วยพิสูจน์เหรอ”
“ใช่สิ ใส่ชุดนี้แหละ เธอปิดเขาไม่มิดหรอก ถ้าสมมุติแต่งงานกันสักวันเขาก็ต้องรู้ว่าเธอน่ะไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ ถ้าเลิกกันตอนนั้นยิ่งจะต้องเสียใจ”
หลี่เจี่ยซินคิดหนัก ใคร่ครวญอยู่หลายรอบ คำพูดของหูเสี่ยวเทียนเธอยังจำได้ทุกประโยค
ฉันชอบผู้หญิงตัวเล็กน่ารัก ดูอ่อนแอนุ่มนิ่มสมกับที่เป็นผู้หญิงน่ะ โตขึ้นฉันอยากเป็นตำรวจเพื่อปกป้องเธอ
หลี่เจี่ยซินคำทบทวนคำพูดนี้ซ้ำไปซ้ำมา แต่หากว่าเรื่องมันเลยเถิดถึงขั้นแต่งงาน เธออาจจะเผลอเปิดเผยความลับนี้ ทำให้เขารู้และเขาอาจจะทิ้งเธอไป
“เฉินเฟยอวี๋ เธอนี่มันสุดยอดเลย”
เอาล่ะหลี่เจี่ยซินตั้งใจจะค่อย ๆ เปิดเผยตัวตนของตัวเองให้เขารู้เล็กน้อย แค่เล็กน้อยเท่านั้นนะไม่มากไปกว่านี้
“ตกลงเธอจะใส่ใช่หรือเปล่า”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า
“อื้ม ฉันว่าจะลองใจเขาดู”
เมื่อหลี่เจี่ยซินขับรถออกไปยังร้านอาหารสุดหรู หลิวไห่ย่อมอยู่ไม่ได้ เขาปลอมตัวออกไปให้เห็นเธอกับตา หวังว่าเจ้าหูเสี่ยวเทียนนั่นคงสลัดเธอทิ้งแบบไม่ไยดี
หลิวไห่หัวเราะสะใจอยู่คนเดียว หลี่เจี่ยซินเธอนี่จริง ๆ ก็เป็นผู้หญิงโง่คนหนึ่ง ที่ปล่อยให้เขาหลอกได้ง่าย ๆ
เวลา 19.00 น. หลี่เจี่ยซินปรากฎที่หน้าร้านอาหารหรู เธอบอกพนักงานหน้าร้านว่าจองโต๊ะเอาไว้แล้ว แต่พนักงานไม่ให้เธอเข้าเพราะการแต่งตัวของเธอ
“ไปซะ ออกไปจากหน้าร้านอย่าเกะกะ”
หลี่เจี่ยซินพูดอย่างสุภาพ
“เอ่อ คือเพื่อนของฉันเขาจองร้านนี้เอาไว้ นี่ฉันก็มาถูกร้านนี่คะ คุณช่วยเช็คให้หน่อยนะคะ จองในนามของผู้กองหูเสี่ยวเทียนค่ะ”
นอกจากพนักงานคนนั้นจะไม่ดูรายชื่อจองให้เธอแล้ว ยังเรียก รปภ.มีช่วยไล่เธออีก หลี่เจี่ยซินจึงเริ่มโวยวาย
“อะไรกัน ร้านอาหารนี่คนก็บอกจองไว้แล้ว ชื่อของผู้กองหูเสี่ยวเทียนทำไมไม่ให้เข้าไป มาซื้อกินนะไม่ได้มาขอ”
หลี่เจี่ยซินเริ่มโวยวาย เธอโมโหแทบจะต่อยผู้ชายคนนั้นที่มองเธอด้วยสายตาดูถูก
“ไม่ได้ เธอจะใส่ชุดแบบนี้เข้าไปไม่ได้ ต้องกลับไปเปลี่ยนให้เรียบร้อย เธอดูคนอื่น ๆ สิ มารยาทการแต่งกายมีหรือเปล่ากลับไปเลย แอบอ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ หน้าตาก็สวยดีไม่คิดว่าจะหากินด้วยวิธีนี้”
“นี่นายไม่เห็นเหรอ นี่กุชชี่เลยนะราคาหลายหมื่นเหรียญ นายนี่มันตาบอดชัด ๆ ทำไมฉันจะใส่ชุดนี้แล้วยังไงห๊ะ”
พนักงานคนนั้นเป็น รปภ. พูดเสียงแข็งและดุใส่เธอ ยังทำหน้าตาเหมือนรังเกียจ เขายังผลักเธอให้ถอยไปจากหน้าร้านอีกหลายที หลี่เจี่ยซินปัดมือของเขาออก ผู้ชายคนนั้นถลึงตาใส่เธอ ยังไล่เธอแบบไม่ให้เกียรติ
“อย่ามาเกะกะหน้าร้าน ไปไหนก็ไป”
หลี่เจี่ยซินรับไม่ได้กับสายตาแบบนั้น ถ้าบอกเธอดี ๆ เธอยังจะกลับไปเปลี่ยนให้ นี่ไล่ยังกับหมูกับหมา เหมือนเธอเป็นขอทานเธอจึงไม่ยอม
“นายนี่มันวอนโดนซะแล้ว เดี๋ยวเหอะ”
หลี่เจี่ยซินกำหมัดแน่น คิดว่าจะซัดเขาสักที หลิวไห่แอบมองเธออยู่ห่าง ๆ ครั้งแรกก็นึกโกรธเป็นไฟ อยากจะเข้าไปสั่งสอนคนพวกนั้นแทนหลี่เจี่ยซิน แต่ก็คิดได้ว่าเขาไม่ควรแสดงตัว จึงแอบมองอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ
ก่อนที่หลี่เจี่ยซินจะต่อยคน หูเสี่ยวเทียนก็มาถึงพอดี
“คุณหู”
พนักงานคนนั้นรวมทั้ง รปภ.รู้จักหูเสี่ยวเทียนเป็นอย่างดี หลี่เจี่ยซินรีบฟ้องโดยไม่รอช้า
“คนพวกนี้ไม่ให้ฉันเข้าไป นายดูเถอะ เราเปลี่ยนร้านกันดีกว่า พวกเขาหาว่าฉันใส่ชุดพละมา นี่ฉันเพิ่งกลับจากออกกำลังกายเสร็จ ตัวแค่เหม็นเหงื่อนิดหน่อย หน้าสดเล็กน้อย กลัวนายรอก็ตรงมาที่นี่เลย พวกเขาเห็นฉันโทรม ๆ ล่ะสิเลยไม่ยอมให้เข้าไป เราไปหาร้านใหม่ดีกว่า ฉันไม่ชอบร้านนี้แล้ว”
หูเสี่ยวเทียนมองชุดกีฬาราคาแพงลิ่วที่หลี่เจี่ยซินใส่ ทั้งใบหน้าของเธอที่ถูกแต่งจนเข้ม หญิงสาวปัดแก้มแดงแจ๋ ขนตาหนาเตะเหมือนจะพาเธอบินได้ ในขณะที่ปากก็ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเป็นลูกเชอรี่แบบนั้น เขาสูดหายใจฟุดฟิดก็ได้กลิ่นน้ำหอมโชยฟุ้งจนเขาแทบจาม ทำให้เขาถึงกับนึกเอ็นดู
“หลี่เจี่ยซิน นี่เธอไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกกำลังกายเสร็จก็ออกมาเลยจริง ๆ นะ อ้อ หน้าสดด้วย อืม มิน่าล่ะเขาถึงไม่ให้เข้า”
หูเสี่ยวเทียนถามเธอทั้งอมยิ้ม ยิ่งดูก็ยิ่งคิดว่าเธอน่ารักยิ่งกว่าเดิม เธอคงจะตื่นเต้นมากที่จะมากินข้าวกับเขาจนลนลานไปหมด
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า ทำหน้าตาบ๊องแบ๊วใส่เขา ริมฝีปากแดงของเธอดูไปดูมาเหมือนไปดื่มเลือดมาเสียมากกว่าจะแดงเป็นสีเชอรี่แล้ว เธอยังปั้นหน้าโกหกต่อ
“ใช่สิ ฉันหน้าสดแต่ยังสวยนะ”
หูเสี่ยวเทียนอมยิ้ม คิดว่าหน้าสดก็หน้าสด ยังไงหลี่เจี่ยซินก็น่ารักสำหรับเขาอยู่ดี หูเสี่ยวเทียนจับมือของเธอแล้วพาเข้าไปข้างในโดยที่ไม่มีใครมาขวางอีก
หลิวไห่กำมือแน่น เขาทุบกำแพงจนเจ็บมือเพราะลืมตัวเมื่อเห็นว่าหูเสี่ยวเทียนไม่เกรงใจแหวนหมั้นบนนิ้วของหลี่เจี่ยซินเลยแม้แต่น้อย เห็นทีว่าเขาต้องบังคับให้หลี่เจี่ยซินใส่วงใหญ่ขึ้นแล้ว ก่อนจะเดินตามเข้าไปในร้านอยางเงียบเชียบ
หลี่เจี่ยซินเห็นว่าพนักงานสองคนนั้นถึงกับตัวสั่น เมื่อเข้าไปในร้านยังได้ที่นั่งวีไอพี วิวร้อยล้านอีกต่างหาก
“คนพวกนั้นทำแบบนั้นกับเธอฉันขอโทษด้วยนะ”
หลี่เจี่ยซินกลายเป็นผู้หญิงอ่อนหวาน
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือโทษหรอกพวกเขาแค่ทำตามกฎ”
ถ้านายมาไม่ทัน ฉันต่อยหน้ามันไปแล้ว โชคดีของพวกมันที่รอดตายวันนี้ แม้ในใจจะคิดเรื่องเลือดสาดแต่กลับยิ้มอ่อนหวานเหมือนกระต่ายน้อยให้หูเสี่ยวเทียน
“เธอนี่ยังน่ารักอ่อนโยนเหมือนเดิมเลยนะ วันนี้เราคุยกันนานหน่อยนะอย่าเพิ่งรีบกลับ”
หลี่เจี่ยซินทำตาแป๋วให้ดูน่ารักที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ได้สิ ฉันไม่มีธูระอะไรอยู่แล้ว”
“คู่หมั้นของเธอคงจะไม่ว่า”
หลี่เจี่ยซินรีบโบกมือ เธอยังแอบถอดแหวนหมั้นเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง พยายามกางนิ้วให้หูเสี่ยวเทียนเห็นว่านิ้วของเธอว่างเปล่า
“ไม่เป็นไร ความสัมพันธ์ของเราสองคนมันไม่ได้ลึกซึ้งขนาดนั้น ก็เลยไม่ได้ต้องมานั่งหึงหวงกัน”
หูเสี่ยวเทียนพยักหน้า เขาเห็นแล้วว่านิ้วของเธอไม่มีแหวนหมั้น จึงอมยิ้มอย่างมีความสุข ไม่แน่ว่าหลี่เจี่ยซินอาจกำลังจะถอนหมั้นเร็ว ๆ นี้
เราเรียกพนักงานเข้ามาแล้วพูดเสียงเบาในระหว่างที่หลี่เจี่ยซินกำลังสั่งอาหาร
“ไปบอกสองคนนั้นมาคุกเข่าขอโทษคุณผู้หญิงซะ ถ้ายังไม่อยากถูกไล่ออก”
“ค่ะ”
หลี่เจี่ยซินได้ยินที่เขาพูด เธอมองหูเสี่ยวเทียนอย่างสงสัย
“ร้านนี้เป็นร้านของพ่อฉันน่ะ รู้สึกว่าเธอไม่เคยมาอาหารค่อนข้างอร่อยอยากให้เธอได้กิน”
หลี่เจี่ยซินเข้าใจแล้ว โอ๊ะ หล่อ รวย ขาว สูง สเป๊ค กรี๊ดด
ในขณะที่หลิวไห่ตามเข้ามาและนั่งแอบดูอยู่มุมหนึ่ง เขาแอบจองร้านอาหารนี้ตั้งแต่รู้ว่าหูเสี่ยวเทียนจะพาเธอมา จึงขอมุมที่ใกล้พวกเขาแต่ไม่เป็นที่สังเกตุ
หลี่เจี่ยซินถูกเขาจับแต่งหน้าจัด และใส่ชุดวอร์มแบบนั้นหูเสี่ยวเทียนยังไม่มีปฏิกิริยา ทำให้ผิดจากที่หลิวไห่คาดการณ์เอาไว้ ตอนนี้ในใจของหลิ่วไห่แทบจะลุกเป็นไฟแล้ว
เขากำหมัดแน่นเมื่อเห็นว่าหูเสี่ยวเทียนกำลังรุกหนักแค่ไหน
หลี่เจี่ยซิน เธออย่าหวังว่าจะพ้นเงื้อมมือฉัน ฉันไม่มีทางยอมเด็ดขาด