หลังจากชื่นชมในความสวยแบบแปลกตาจนเรียกว่าแตกต่างจากหลี่เจี่ยซินคนเดิมอย่างสิ้นเชิงหลิวไห่ก็เริ่มไม่สบายใจ
“ที่รักเธอสวยขนาดนี้ฉันไม่กล้าปล่อยเธอไป”
หลี่เจี่ยซินยิ้มหวาน เธอคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเฟยอวี๋ชมเธอด้วยใจจริง แบบไม่ได้อิจฉาตาร้อนเหมือนทุกครั้ง และระยะหลังมานี้ดูเหมือนว่าเธอจะทำให้เฉินเฟยอวี๋มีความเป็นผู้ชายเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วน
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันดูแลตัวเองได้”
หนุ่มF4นำอุปกรณ์ไฮเทคหลายอย่างมาให้หลี่เจี่ยซิน
“นี่เป็นต่างหูที่ผมติดสัญญาณติดตามตัวครับ มันดูเหมือนต่างหูเพชรเม็ดเล็ก ๆ ที่ผู้หญิงชอบใส่เล่นกันรับรองว่าไม่มีใครจับสังเกตุ สวนนี่เป็นกำไลข้อมือไฟฟ้า แค่ดึงออกมากดปุ่มเล็ก ๆ นี่แล้วจี้เข้าไปที่ตัวคนร้าย มันจะส่งไฟช็อตทันที ส่วนนี่เป็นกระเป๋าถือมหัศจรรย์ สะบัดมันแบบนี้มันจะกลายเป็นเสื้อกันกระสุนครับรับรองไม่มีใครจับได้”
และหลังจากนั้นยังมีเครื่องมืออีกหลายอย่างที่พวกเขาทำขึ้นมาให้เธอ
หลี่เจี่ยซินอ้าปากค้างถามพวกเขาอย่างชื่นชม
“พวกนายนี่มันสุดยอดอัจฉริยะของจริง นอกจากเป็นแฮ็กเกอร์แล้วยังเป็นนักวิทยาศาสตร์อีก”
หนึ่งในนั้นตอบอย่างภาคภูมิใจ
“ก็แค่ของเล่นเล็กน้อยครับ แต่หลัก ๆ แล้วก็ต้องเป็นฝีมือของพี่สาวครับ ซึ่งผมเชื่อว่าระดับนี้แล้วของพวกนี้กลายเป็นของเล่นไปแล้ว แต่พกไว้ก็ไม่เสียหายเผื่อได้ใช้ครับ”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า เก็บของพวกนี้เอาไว้ยังมีกล้องวงจรปิดที่เป็นมุกประดับคอเสื้อของเธออีก
“กล้องชนิดนี้กันน้ำครับ รับรองว่าแม้จะตกน้ำมันก็ยังทำงานอย่างดีไม่ว่าที่ไหนในโลกนี้ผมสามารถเชื่อมอินเตอร์เน็ตได้หมด”
“โอ้ นี่มันความลับกองทัพเลยนะ พวกนายนี่เจ๋งมากเลย”
แต่ก่อนหลี่เจี่ยซินไม่เคยเชื่อเรื่องของกลุ่มที่มีอิทธิพลไม่กี่กลุ่มที่กุมอำนาจของโลกเอาไว้ ตั้งแต่ได้รู้จักกับดวงตาสวรรค์สุดยอดคนพวกนี้แล้ว เธอจึงเชื่อโดยทันที พวกเขาเป็นกลุ่มคนพิเศษที่จะสร้างอะไร หรือเนรมิตอะไรก็ได้ของจริง
“เอาล่ะ เราต้องไปแล้ว อพาร์ทเม้นของเธอเรียบร้อยแล้ว ฉันจะปลอมเป็นคุณลุงคนขับรถให้เธอวางใจได้”
หลิวไห่ลงทุนปลอมตัวเป็นคุณลุง แน่นอนว่าทักษะการแต่งหน้าของคนของเขายอดเยี่ยมมาก ไม่นานหลิวไห่ก็กลายเป็นอาแปะแก่ ๆ คนหนึ่งเขายังสวมบุคคลิกคุณลุงได้เหมือนอีกด้วย
แน่นอนว่าลักษณะทางกายภาพพวกนี้หลิวไห่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจนเขาเชี่ยวชาญในการปลอมตัวที่สุด
เขาเปลี่ยนรถใหม่ให้หลี่เจี่ยซินในคราบของหลี่เจินใช้ และพาเธอไปที่อพาร์ทเม้น หลี่เจี่ยซินเดินรอบอพาร์ทเม้นด้วยความสนใจ อพาร์ทเม้นนี้เหมือนเป็นอพาร์ทเม้นของคนรวยทั่วไป ดูห่างไกลคนอื่นเป็นสัดส่วน แต่ก็ไม่ได้หรูหราไปกว่าที่ควรจะเป็น และยังถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย
“ในโปรไฟล์ของหลี่เจินคือคนที่พยายามทำตัวให้เรียบง่ายที่สุด ไม่ชอบเป็นจุดเด่นของใคร”
หลิวไห่อธิบาย ทั้งยังเช็คกล้องวงจรปิดในอพาร์ทเม้นแห่งนี้อย่างละเอียด จนกระทั่งเรียบร้อยพวกเขาจึงเริ่มออกล่อเหยื่อ
หลิวไห่กลายเป็นคนขับรถให้หลี่เจี่ยซิน ภาพของหลี่เจินที่ถูกปล่อยไปก่อนหน้านี้ทำให้คนของกู้เมิ่งพอจะรู้เบาะแสของเธอแล้ว แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาต้องให้คนตามมาสืบดูที่อยู่ของหลี่เจินอย่างชัดเจน
หลี่เจี่ยซินถือกระเป๋า เธอสวมเสื้อคลุมกันหนาวและกางเกงยีนส์ไสตล์อเมริกันจ๋า ในขณะที่กำลังเดินซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่นั้นก็มีคนอเมริกันสองคนเดินมาถามบางอย่างกับหลี่เจี่ยซิน
หลิวไห่ในตอนนี้เป็นแค่คนขับรถ เขาไม่สามารถจะช่วยหลี่เจี่ยซินได้ จึงหวังว่าเธอจะสามารถเอาตัวรอดจากสถาณการณ์นี้ได้ คนของกู้เมิ่งกำลังจับตาดูอยู่ หากหลี่เจี่ยซินฟังภาษาอังกฤษไม่ออก โต้ตอบไม่ได้คิดว่าพวกเขาคงสงสัยเป็นแน่
ในขณะที่หลิวไห่กำลังกระวนกระวาย หลี่เจี่ยซินกลับทำให้เขาประหลาดใจ เมื่อเธอสามารถโต้ตอบภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว สำเนียงอเมริกันชัดเจนเหมือนไปโตที่ต่างประเทศแบบนั้นเธอทำได้ยังไง
แน่นอนว่าก่อนที่จะมาที่แผ่นดินใหญ่ หลิวไห่ได้ตรวจสอบประวัติของหลี่เจี่ยซินแล้ว การศึกษาก็นับว่าเก่งแต่ก็อยู่ในระดับโรงเรียนไม่ได้ติดในตัวท็อปนอกโรงเรียนแต่ประการใด การเรียนพิเศษภาษาอังกฤษหลี่เจี่ยซินเองก็ไม่เคยเรียน สิ่งที่เธอทำหลังจากกลับจากโรงเรียนในทุกวันคือซ้อมศิลปะการป้องกันตัวทุกแขนง ซึ่งเรื่องนั้นไม่แปลกเพราะเธอต้องสืบทอดกิจการของที่บ้าน
นอกจากนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นเธอพูดภาษาอังกฤษมาก่อน และหากพูดได้ก็ไม่น่าคล่องแคล่วราวเกิดมาจากท้องคนอเมริกันแบบนั้น เมื่อคนต่างชาติสองคนได้รับคำตอบแล้ว หลิวไห่จึงกระซิบถามเธออย่างไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“เธอไปฝึกพูดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลี่เจี่ยซินยักไหล่
“ฉันเรียนเอาเองน่ะ ตอนนั้นเรื่องเฟรนด์ซีรีส์อเมริกันดังมาก พ่อบังคับให้ฉ้นดูดูไปดูมาก็เลยเก่งขึ้นมาเฉยเลย ตั้งแต่นั้นฉันก็เลยดูหนังอเมริกันเพราะชอบเลยพูดได้”
หลิวไห่เองเขาเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ยังอยู่ในคุก เพราะมีคนต่างชาติที่อยู่ในแดนเดียวกัน จึงทำให้เขาพูดคล่องแต่เมื่อเทียบกับหลี่เจี่ยซินแล้วหลิวไห่ต้องยกธงขาวยอมแพ้ จริง ๆ
เรื่องของหลี่เจี่ยซินยังทำให้หลิวไห่ทึ่งไม่หยุด ในมุมของคนอัจฉริยะที่หลี่เจี่ยซินกำลังแสดงอยู่นี้หญิงสาวทำได้อย่างไร้ที่ติ
หรือหลี่เจี่ยซินจะแอบเรียนการแสดงมาด้วย นี่เป็นสิ่งที่หลิวไห่คิด
เดินไปเดินมาด้วยโลกที่โคตรจะกลม หลี่เจี่ยซินและหลิวไห่ก็เจอคนคุ้นเคยเข้า
ผู้ชายคนนั้นคือหูเสี่ยวเทียน
หูเสี่ยวเทียนเป็นประเภทคลั่งรักหลี่เจี่ยซิน แน่นอนว่าเขาเห็นเธอแล้วและกำลังเดินตรงมาทางนี้ เขาอาจจะสงสัยก็เป็นได้และไม่แน่เขาอาจจะรู้ หลิวไห่เห็นสายตาของหูเสี่ยวเทียนแล้ว เขาจ้องมาที่เธอ และอีกด้านคนของกู้เมิ่งกำลังมองอยู่ หลิวไห่พยายามที่จะพาหลี่เจี่ยซินไปอีกทาง แต่หูเสี่ยวเทียนก็ยังตามมาติด ๆ เขาไม่มีทางหนีแล้วและกลัวว่าคนที่จับตามองจะเกิดสงสัย
“เอายังไงดี เขาทำท่าจะทักเธอแล้ว เขาจำได้ยังไงกัน”
หลิวไห่หวาดระแวง แต่เขาไม่ได้ทำท่าตื่นตระหนกยังคงเป็นคุณลุงคนเดิมที่คอยเดินตามหลี่เจินเพื่อช่วยเข็ญรถให้เธอ
“ไม่ต้องห่วงฉันจัดการเอง”
หลี่เจี่ยซินดูมั่นใจเป็นอย่างมากว่าหูเสี่ยวเทียนจะจำเธอไม่ได้ โปรไฟล์ของหลี่เจินคือ ไปเติบโตที่อเมริกาไม่มีเพื่อนที่นี่นอกจากคุณยายและคุณตาที่เสียไปแล้ว การมาพักร้อนของหลี่เจินคือมาเยี่ยมหลุมศพไปในตัว
ดังนั้นหลี่เจินจะรู้จักหูเสี่ยวเทียนไม่ได้ ถึงหลี่เจี่ยซินจะบอกว่าเธอเอาอยู่แต่หลิวไห่ก็ยังห่วงอยู่ดี คนของกู้เมิ่งพวกนี้ไม่ใช่นักเลงหัวไม้ แต่เป็นคนที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีเพื่อติดตามดูพฤติกรรมของหลี่เจินไม่ให้เข้าใจผิดและจับผิดตัว ดังนั้นหลิวไห่ไม่สามารถพลาดได้
จนกระทั่งหูเสี่ยวเทียนเดินเข้ามาใกล้ เขามองหลี่เจี่ยซินแล้วยิ้มก่อนจะเอ่ยปากออกมาคำหนึ่ง