นักวิทยาศาสตร์คนนั้นฟื้นแล้ว แต่เขายังไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรออกมา
“หลี่เจี่ยซินไม่ใช่ว่าเธอทำให้เขาง้างขากรรไกรไม่ขึ้นหรอกนะ”
หลิวไห่นั่งอยู่บนเก้าอี้โดยข้างเขา มีหลี่เจี่ยซินที่ตรงหน้าเขาคนนั้นและหลิวไห่เองไม่คิดปิดบังตัวเองว่าเป็นใคร แต่กับหลี่เจี่ยซินแล้วเขากลับให้เธอแต่งตัวปิดหน้าปิดตัวมิดชิดไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าเธอเป็นใคร
หลี่เจี่ยซินเอียงคอมาหาเขายังพูดเสียงเบา
“ฉันไม่ได้ยุ่งกับปากเขาเลยนะ”
หลิวไห่ยกขาขึ้นไขว่ห้าง สั่งลูกน้องที่ยืนล้อมผู้ชายคนนั้นเสียงดัง
“ซ้อมมันจนกว่ามันจะยอมพูด”
นักวิทยาศาสตร์คนนั้นส่ายหน้าเป็นการขอร้อง เขาไม่สามารถเปิดปากพูดออกมาได้ เขาคิดว่าหลี่เจินต้องเป็นตำรวจที่ปลอมตัวมาแน่ ๆ เธอจึงมีฝีมือดีขนาดนี้
คนของหลิวไห่โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก รุมซ้อมนักวิทยาศาสตร์คนนั้นจนตาบวม แต่เขาก็ยังไม่พูดเลือดเปรอะเปื้อนใบหน้าของคนคนนั้นจนกลายเป็นสีแดง คิ้วของเขาแตกยับและเลือดไหลเข้าในดวงตาจนเขาต้องหยีตามอง
“ที่รักปากหนักมากผู้ชายคนนี้ ตกลงเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือหัวหน้าแรมโบ้ถึงได้อดทนขนาดนั้น”
หลิวไห่ลุกขึ้นพร้อมกับบอกเธอเบา ๆ
“ฉันจัดการเอง”
หลิวไห่เดินเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้น ก่อนจะดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเปิดรูปภาพเด็กผู้ชายแก้มยุ้ยคนหนึ่งให้เขาดู
“ที่จริงไม่อยากทำแบบนี้เท่าไหร่หรอก”
หลิวไห่ยิ้มเย็น
“ลูกของนายคนนั้นคงไม่สนใจแล้วสิ”
หลี่เจี่ยซินหลี่ตา คิดไม่ถึงว่าหลิวไห่จะไวขนาดนี้กระทั่งครอบครัวของผู้ชายคนนี้ยังรู้อีก
นักวิทยาศาสตร์คนนั้นเบิกตากว้าง หลิวไห่หัวเราะเสียงต่ำออกมา อันที่จริงเขาไม่รู้หรอกว่านักวิทยาศาสตร์คนนี้มีครอบครัวหรือเปล่า เขาเพียงแต่หว่านแหไปก็เท่านั้น แต่ในตอนนี้ดูจากท่าทางของเขาแล้วแสดงว่าผู้ชายคนนี้มีลูกจริง ๆ
หลิวไห่เดินไปเดินมาต่อหน้าเขาอย่างใจเย็น แล้วพูดต่อ
“ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่บอกผมก็ไม่ถามต่อแล้วถ้าคุณจะยอมตายสิ่งที่ผมมีให้ก็แค่เสียงปรบมือ แต่ลูกของคุณนี่สิเขาจะอยากตายเพราะเรื่องของคุณหรือเปล่าผมไม่รู้”
หลี่เจี่ยซินตาโต คิดไม่ถึงว่าคนที่มีจิตใจเป็นหญิงแบบเขาจะโหดปานนี้
ผู้ชายคนนั้นดิ้นรน คล้ายอยากจะพูดแต่พูดไม่ได้ เขาทำท่าคล้ายกับมีบางอย่างติดอยู่ที่คอของเขา หลิวไห่ช่างสังเกตุเขานั่งลงแล้วคำไปที่ช่วงไหล่ข้างซ้ายเลยขึ้นมาจนถึงลำคอของผู้ชายคนนี้
และแล้วเขาก็ได้พบกับก้อนประหลาดบางอย่าง เขามองหน้าหลี่เจี่ยซินเธอจึงรีบมาดูว่าคืออะไร
หลี่เจี่ยซินคลำดูก้อนเนื้อนั่น เธอเข้าใจทันทีว่าคืออะไร
หญิงสาวกำลังจะพูดหลิวไห่กลับใช้นิ้วแตะปากเธอเป็นการห้าม เขาสั่งทุกคนด้วยสัญญาณมือห้ามพูดอะไรออกไป
ไม่ใช่แค่เขาที่มีเทคโนโลยี คนของสกุลกู้ก็เชี่ยวชาญไม่ต่างกัน
หลี่เจี่ยซินกระซิบ
“มันคือเครื่องติดตาม”
หลิวไห่พยักหน้าก่อนจะพูดเสียงดัง
“มันสลบไปแล้ว รอจนกว่ามันฟื้นแล้วสอบสวนต่อ”
แน่นอนว่านักวิทธยาศาสตร์คนนั้นไม่ได้สลบ หลิวไห่เพียงแต่พูดให้คนอีกฝั่งได้ยิน เขาไม่ได้เคลื่อนย้ายนักวิทยาศาสตร์คนนั้นจากที่เดิม คิดว่าหากผู้ชายคนนี้เป็นคนสำคัญไม่นานประธานกู้ต้องส่งคนมาช่วยแน่ เขาอาจจะจับคนได้เพิ่มอีก
เขาดึงแขนหลี่เจี่ยซินแล้วพาออกมาจากห้อง ก่อนออกมายังสั่งเสียงดังให้คนเฝ้าไว้อย่างดี
“หลี่เจี่ยซินถอดหน้ากากออกด้วยความอึดอัด
“เครื่องติดตามนั่นพวกมันฝังเข้าไปในร่างของเขาเลย”
หลิวไห่พยักหน้า
“ใช่ อาจมีเครื่องดักฟังด้วยเราต้องสำรวจร่างกายของเขาว่ามีอะไรผิดปกติตรงไหนแล้วเอาของพวกนั้นออกมาซะ เขาสารภาพไม่ได้หากเขาสารภาพคิดว่าเขาอาจจะร่างระเบิดหรืออาจจะถูกปล่อยสารพิษเข้าไปในร่างกาย”
หลี่เจี่ยซินอุทานด้วยความตกใจ
“คนพวกนั้นมันไม่ใช่คน ฉันต่อสู้มามากตั้งแต่เด็กจนโตอย่างมาก็เป็นพวกอันธพาลข้างถนน แต่สกุลกู้ดูแล้วเหมือนว่าพวกเขาพร้อมจะฆ่าคนโดยไม่สนใจว่าต้องฆ่าเท่าไหร่เพื่อบบรรลุจุดหมาย”
หลิวไห่พยักหน้า
“พวกมันเห็นชีวิตคนอื่นไร้ค่า และฉันต้องกระชากหน้ากากมันออกมาให้ได้”
หลี่เจี่ยซินยังข้องใจ เธอมองเฉินเฟยอวี๋อย่างค้นหาคำตอบ
“ที่รักฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย ทำไมเธอถึงมาพัวพันกับคนสกุลกู้ได้ขนาดนี้ มันแค่เป็นเรื่องบริษัทไม่ใช่เหรอตอนนี้เธอก็เหมือนจะชนะแล้วนี่ มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกฉันกันแน่”
หลิวไห่ถอนหายใจ เขาคิดว่าไม่สามารถปิดบังหลี่เจี่ยซินได้จริง ๆ แต่เขายังให้เธอรู้ในตอนนี้ไม่ได้เช่นกัน เส้นทางนี้ของเขาจะเดินไปถึงจุดไหนเขายังไม่แน่ใจ
อีกไม่นานเขาจะเรียกเฉินเฟยอวี๋กลับมาดูแลกิจการของตัวเองแล้ว เมื่อไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเขาก็คิดจะกันหลี่เจี่ยซินออกไปให้ห่างจากคนสกุลกู้
ในตอนนี้เป็นเพราะเธอรั้นมากเขาจึงปล่อยตามใจเธอไปก่อน
“อันที่จริงมันก็มีเรื่องมากกว่านั้น เป็นเรื่องนานมากแล้วตั้งแต่ฉันจะได้รู้จักกับเธอ”
หลิวไห่ไม่ได้โกหก มันเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว
หลี่เจี่ยซินเห็นเขาไม่อยากเล่า แม้ตัวเองจะอยากรู้ก็ไม่ได้ถามอีก
“แล้วเธอจะทำยังไงกับผู้ชายคนนั้น เขาต้องไม่พูดแน่”
หลิวไห่ยกมุมปากยิ้ม
“หาของที่อยู่ในตัวของเขาออกมาซะ หลังจากนั้นเขาต้องยอมพูดแน่ทีนี้เราจะได้รู้กันว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่”
พวกเขาเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้งหลิวไห่สั่งให้คนเอาผ้ามาอุดปากนักวิทยาศาสตร์คนนี้ เขาสั่งให้ลูกน้องแสกนร่างกายผู้ชายคนนั้นเพื่อหาสิ่งแปลกปลอม
ลูกน้องของเขาชี้ที่จุดที่สัญญาณดัง หลิวไห่พยักหน้าเขาโยนมีดสั้นให้ลูกน้องทำสัญญาณมือ
กรีดมันออกมา
ปลายมีดแหลมคมกรีดเข้าไปในผิวเนื้อคนเลือดพุ่งกระฉูดออกมาทันที นักวิทยาศาสตร์คนนั้นเห็นเลือดตัวเองไหลมาขนาดนี้ก็คล้ายจะเป็นลมล้มพับ ตอนที่ถูกฝังของพวกนี้เข้าไปเขาถูกทำให้สลบก่อน อย่างน้อยนายใหญ่ของเขายังใจดีกับพวกนักวิทยาศาสตร์อยู่มาก แต่ผู้ชายคนนั้นกลับเหี้ยมเกรียม ให้คนซ้อมเขาไม่พอยังใช้มีดกรีดเขาโดยไร้ยาชาจนเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
ไม่นานเครื่องติดตามตัวและเครื่องดักฟังขนาดจิ๋วก็ถูกคนของหลิวไห่ดึงออกมา
หลี่เจี่ยซินหยิบขึ้นมาดูพร้อมกับคิดว่า
นี่มันวิทยาการอะไรกัน ทำไมล้ำหน้าขนาดนี้