จากการสอบถามคนท้องถิ่นถึงแก๊งมาเฟียที่ทำมาหากินในถิ่นนี้ หลายวันมานี้ไม่พบรถผิดสังเกตุเข้ามาในถิ่นหรือผิดปกติใด แต่ที่วัดแห่งหนึ่งกลับมีบางส่วนถูกปิดไม่ให้คนเข้าไปสักการะ จากการสืบของอเล็กซ์วัดแห่งนี้ไม่ใช่วัดที่ประธานกู้อุปการะโดยตรง แต่กลับมามหาเศรษฐีคนหนึ่งที่อเล็กซ์มั่นใจว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับประธานกู้คอยดูแล
แน่นอนว่ามาเฟียในฮ่องกงนั้นที่ใหญ่ ๆ มีอยู่ไม่กี่แก๊ง ลูกน้องต่างกระจายกันอยู่แต่ละที่ แต่คนถิ่นอย่างอเล็กซ์ที่เข้านอกออกในแทบจะทุกพื่นที่ในฮ่องกงด้วยเท้าของตัวเองมาตั้งแต่เด็กจึงไม่มีสิ่งใดลอดหูลอดตาเขาไปได้
สำหรับเงินแล้วถ้าเอาเข้าจริง ๆ พวกปลายแถวหลายคนยอมขายข่าวให้เขา
เมื่ออเล็กซ์เข้าไปในวัดแห่งนั้น เขาก็ไม่รอช้า และไม่คิดจะมาแบบเงียบเชียบเสียด้วย คนของอเล็กซ์เกือบครึ่งร้อยบุกเข้าไปเปิดศึกฟันฝั่งตรงข้ามด้วยเหตุผลว่า มีใครคนใดคนหนึ่งในแก๊งมาเฟียแก๊งนั้นทำให้เขาไม่พอใจ
“กูมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อเจรจา กูมาเพื่อคิดบัญชีกับคนที่กล้วถุยน้ำลายลงในถิ่นของกู”
ไม่รู้ว่าเป็นใครที่ไปถิ่นของนายใหญ่เฉิง และยังถุยน้ำลายลงพื้นอีกทำให้อเล็กซ์ต้องยกพวกมาถึงที่นี่
คนที่คุ้มกันอยู่ที่นี่มีค่อนข้างมาก แน่นอนว่าสถานที่กว้างขวางย่อมไม่แออัดกลับดูเหมือนคนน้อยด้วยซ้ำ
“ที่นี่เป็นวัดเราไม่ควรมีเรื่อง ใครเป็นคนถุยน้ำลายก็จับมันมาลงโทษก็น่าจะเลิกราได้”
คนที่พูดและยืนอยู่ตรงกลาง เป็นชายชราคนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ดูแลวัดแห่งนี้ สองสามวันมานี้เขาไม่รู้เรื่องอะไร รู้แต่ว่าจู่ ๆ เจ้าอาวาสก็สั่งให้ปิดวัดชั่วคราวเพื่อปรับปรุง เขาก็ได้แต่ทำตามและคอยดูแลช่างไม่คิดว่าจู่ ๆ จะมีคนวิ่งเข้ามาหาเรื่องถึงที่นี่
อเล็กซ์พูดว่า
“อมิตาพุทธ แต่เรื่องต้องสะสางใครก็รู้ว่าการถุยน้ำลายลงถิ่นหมายถึงการหยามเกียรติระหว่างแก๊ง ในเมื่อกล้าสร้างเรื่องก็ต้องกล้ารับ”
คนมากขนาดนี้จะไปหาตัวการจากที่ไหนกันล่ะ และคนที่มาหาเรื่องยังตั้งหน้าตั้งตามาแบบนี้อีกด้วย
และแล้วสงครามย่อย ๆ ก็เกิดขึ้น ข้างนอกโกลาหลกันมาก อเล็กซ์ยังให้คนซุ่มมองอยู่ข้างนอก หากจะมีการเปลี่ยนเคลื่อนไหวให้รีบจัดการทันที
หลังจากอเล็กซ์เปิดศึก ฝั่งของหลิวไห่ก็กำลังเจรจากับกู้เมิ่ง
เงินที่กู้เมิ่งต้องการเตรียมเรียบร้อย และในตอนนี้ก็กำลังถูกส่งเข้าไปทยอยซื้อในรูปของบิทคอย เพียงเงินปล่อยซื้อราคาบิทย่อมพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง กู้เมิ่งหัวเราะด้วยความสะใจ หารู้ไม่ว่าหน้าจอที่เขากำลังดูอยู่ที่แท้เป็นการทำเลียนแบบโดยกลุ่มดวงตาสวรรค์
ถ้าพูดกันจริง ๆ ในตอนนี้กู้เมิ่งไม่สามารถสู้ดวงตาสวรรค์ได้ ทุกอย่างที่เขาเห็นในคอมพิวเตอร์จึงเป็นของปลอมทั้งหมด กระเป๋าบิทคอยของเขาถูกเติมเข้ามาเรื่อย ๆ กู้เมิ่งกำลังดื่มไวน์ฉลองชัยชนะ
“ปล่อยน้องฉันได้แล้ว”
กู้เมิ่งส่ายหน้า ตอนนี้เขากล้าที่จะวิดีโอคอลกับหลิวไห่แบบเปิดหน้าเปิดตาแล้ว
“อย่าใจร้อน ให้เหรียญเข้าครบตามต้องการก่อน หลังจากนั้นแกได้น้องของแกกลับคืนแน่ ก่อนอื่นฉันต้องแสดงความเสียใจด้วยที่ทำให้แกหมดตัว แต่แกก็น่าจะชินเพราะยังไงแกมันก็แค่ไอ้กระจอก คนชั้นต่ำที่คิดจะปีนขึ้นที่สูง”
หลิวไห่ไม่ตอบเขา เวลาของหลิวไห่เองก็มีจำกัด ดวงตาสวรรค์หลอกกู้เมิ่งได้แค่ไม่เกินยี่สิบนาทีหลังจากนั้นระบบคอมพิวเตอร์ของกู้เมิ่งน่าจะจับได้ว่าทุกอย่างเป็นของปลอม
“ถ้างั้นก็ให้น้องของฉันคุยกับฉันหน่อยสิ”
หลิวไห่ต่อรอง เขาต้องมั่นใจว่าเฉินเฟยอวี๋ยังปลอดภัยดี และการต่อสายโทรศัพท์ของกู้เมิ่งในครั้งนี้กลุ่มดวงตาสวรรค์ได้จับจ้องเอาไว้แล้ว กู้เมิ่งเองก็มีความมั่นใจในการป้องกันของตัวเองเป็นอย่างมากในตอนนี้
แม้แต่ดวงตาสวรรค์ก็ไม่สามารถเข้าถึงเขาได้
โทรศัพท์ที่กู้เมิ่งใช้ จึงเป็นแบบโบราณ และจะใช้สัญญาณเฉพาะเครื่องเท่านั้น
“ถ้าแกคิดจะตามมันจากโทรศัพท์ที่ฉันโทรออกก็บอกแก่ก่อนจะได้ไม่เสียเวลา ฉันไม่มีทางพลาดให้แกโดยเด็ดขาด”
กู้เมิ่งต่อสายไปถึงคนของเขา และให้เฉินเฟยอวี๋เป็นคนพูด
กู้เมิ่งสั่งให้เฉินเฟยอวี๋ทักทายพี่ชายสักครั้ง หลังจากวางสายก็ให้จัดการเฉินเฟยอวี๋ได้เลยไม่ต้องออมมือ เพราะเขาหวังจะส่งเฉินเฟยอวี๋ที่หายใจรวยรินกลับไปยังอ้อมอกพี่ชายของมัน หลิวไห่คงจะทรมานไม่น้อย ทรมานเหมือนที่มันเห็นพ่อของมันตายคาตาแต่ทำอะไรไม่ได้
“ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน พี่ชายที่นี่มีกลิ่นสบู่เต็มไปหมด ฉันแพ้กลิ่นสบู่แสบจมูกจะตายอยู่แล้วรีบมาช่วยฉันเร็ว”
แน่นอนว่าหลิวไห่เข้าใจทันที และโทรศัพท์ของเขาก็ถูกต่อไปแจ้งกับอเล็กซ์ทันใด
กลิ่นสบู่เหรอ โรงงานผลิตสบู่ที่เกาลูนไม่มีโรงงานใหญ่อยู่แถวนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานเล็ก ๆ ทำกันเองในบ้าน หรือไม่หากจะมีที่หนึ่งเขาก็มั่นใจแล้ว
หลังวัดแห่งนี้นี่เอง ในเมื่อเขาค้นหาในวัดจนทั่วแล้วไม่เจอ แสดงว่าเฉินเฟยอวี๋ต้องถูกจับอยู่ในป่าหลังวัดแห่งนี้ ซึ่งที่นั่นยังเป็นโรงงานผลิตสบู่อีกด้วย
เหลืออีกสิบนาทีสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะถูกเปิดเปิง
เป็นข้อความจากดวงตาสวรรค์ที่กู้เมิ่งได้รับ
เขาลุ้นระทึกหวังให้อเล็กซ์ไปช่วยเฉินเฟยอวี๋ได้ทัน ก่อนที่กู้เมิ่งจะรู้ตัว
และเมื่อคนของกู้เมิ่งได้รับสัญญาณให้ทำร้ายเฉินเฟยอวี๋แล้วพวกมันก็เริ่มลงมือ แต่ใครจะคาดคิดว่าเฉินเฟยอวี๋เองเมื่อเรียวแรงกลับมาจะแรงเยอะขนาดนั้น เขายังแก้เชือกที่ผูกมือของเขาได้
เฉินเฟยอวี๋ลุกขึ้น ตวัดมือเข้าไปที่ใบหน้าผู้ชายคนนั้นที่มัวตกตะลึงแล้วตบจนเขาหน้าหงายก่อนจะเตะไข่ของมันจนหน้าเขียว
“ไอ้เลวสมัยเด็กกูนี่แช้มป์แก้เงื่อนเชือก เงื่อนเป็นเงื่อนตายมาแบบไหนกูแก้ได้หมด คิดจะมัดกูมึงต้องมัดแบบนี้”
เฉินเฟยอวี๋จับผู้ชายคนนั้นมัดจนแน่นหนา แล้วยังดีใจกับผลงานของตัวเอง กระทั่งคนข้างนอกได้ยินเสียงผิดปกติจึงแห่กันเข้ามา เฉินเฟยอวี๋ในตอนนี้แก้มัดขาของตัวเองได้แล้ว เขาเริ่มจัดการคนที่เข้ามาทีละคน
“พวกมึงคิดว่าก็ไปฟิตเนสเพื่อจับผู้ชายอย่างเดียวเหรอ กูนี่ฝึกมวยมามากนะโว๊ยตั้งแต่อยู่กับหลี่เจี่ยซิน กูก็ถูกนางจับซ้อมทุกวันมึงคิดว่ากูจะไม่เก่งเหรอ พวกโง่”
เขาจัดการถีบเตะไปหลายคน แต่พวกมันก็มีมากสุดท้ายแล้วสาวน้อยของเขาก็เริ่มอ่อนแรง
แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อพลันเกิดขึ้นในระหว่างที่เขากำลังต่อสู้อย่างหนักนั้น ผู้ชายคนนั้นก็กระโดดเข้ามาช่วยเขา พร้อมด้วยสายตาสำนึกผิด
“ผมขอโทษพวกมันบังคับผม พวกมันจับน้องสาวผมไป”
เฉินเฟยอวี๋แทบกรี๊ด ในตอนนี้คิดว่าตัวเองเป็นสาวงามและมีวีรบุรุษกระโดดเข้ามช่วย มือไม้จึงอ่อนลงเล็กน้อย แสร้งอ่อนแอให้ผู้ชายปกป้อง
ผู้ชายคนนี้ฝีมือดีไม่น้อย เมื่อร่วมมือกับเฉินเฟยอวี๋ไม่นานก็จัดการจับพวกมันไปกองที่พื้น แต่ก่อนที่พวกเขาจะหนีออกมาได้สำเร็จน่าเสียดาย ที่ทั้งคู่กลับถูกปืนจ่อเข้าไปที่หน้าผากจนไม่กล้าขยับ
“พวกมึงคิดจะหนีพ้นเหรอ กลับเข้าไปเดี่ยวนี้”
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็คอตก ถูกจับขังรวมในห้องพร้อมกับพวกกระจอกที่นอนล้มระเนระนาดที่พื้นโดยไม่มีใครสนใจ
“พวกเลวเอ๊ย”
เฉินเฟยอวี๋เตะเข้าที่ท้องของพวกนั้นทีละคน เป็นการระบายอารมณ์แน่นอนว่าลอกเลียนแบบหลี่เจี่ยซินมา ในเวลาที่เธอทำร้ายพวกอันธพาลเธอมักจะใช้คำนี้และทำแบบนี้ แน่นอนว่าสำหรับเฉินเฟยอวี๋แล้วเขาคิดว่ามันเท่ห์มาก จึงได้คิดว่าสักวันตนเองจะทำแบบนี้บ้าง
คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะได้ทำในสิ่งที่มุ่งหวังแล้ว
“ผมขอโทษที่ล่อลวงคุณ”
เฉินเฟยอวี๋หยุดเตะคนแล้วหันมามองเขาคนนั้น
“ไม่เป็นไร ว่าแต่ว่าคุณชื่ออะไรเหรอ เอาชื่อจริง ๆ นะ ส่วนฉันเฉินเฟยอวี๋ฉันไม่ใช่หลิวไห่หรอก”
เขายิ้มเศร้าเหมือนรู้อยู่แล้ว แน่นอนว่าคนโง่ที่สุดในตอนนี้ก็คือเฉินเฟยอวี๋ แต่ผู้ชายเขามีเหตุผลนี่ น้องทั้งคนเลยนะ เฉินเฟยอวี๋เลยรีบให้อภัยไม่ใช่เพราะเขาหล่อ แต่เพราะเขาหล่อมาก ต่างหาก คนหล่อ ๆ ไม่สมควรทำหน้าเศร้าแบบนี้
ก่อนที่เฉินเฟยอวี๋จะถูกกระทืบ ห้านาทีต่อมาก็มีเสียงคนบุกเข้ามาแล้ว สุดท้ายประตูเปิดออกพร้อมกับนาทีสุดท้ายที่กู้เมิ่งจับได้ว่าสิ่งที่เขากำลังดูอยู่ในคอมพิวเตอร์นั้นคือเรื่องโกหก
“ไอ้เลวเอ๊ย หลิวไห่มึงกับกูชาตินี้อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ มึงกล้าหลอกลวงกู สั่งเด็กของเราให้ฆ่ามันซะ ไอ้เฉินเฟยอวี๋นั่นฆ่ามันให้ตายเฉือนเนื้อมันออกมาและโยนกลับไปให้พี่มันดู”
“ครับนาย”
เมื่อคนของกู้เมิ่งโทรศัพท์ไปหากลุ่มคนที่จับตัวเฉินเฟยอวี๋เอาไว้ กลับมีเสียงหนึ่งรับสายแทนแล้วตอบว่า
“มึงไม่ได้ตายดีแน่ ถ้ากล้าทำเรื่องชั่วในถิ่นของอาเฉิงอีก บอกนายมึงว่ากูอเล็กซ์ไม่ยอมมันอีกต่อไป”
และข่าวนั้นก็ถึงหูของกู้เมิ่ง เขาโมโหคว้าปืนขึ้นมาลั่นไกยิงขาลูกน้องคนนั้นไปสองนัดทันที ลูกน้องล้มหน้าคว่ำนอนจมกองเลือดหลายคนตกใจและช่วยหามเพื่อนออกจากห้องนี้
“โถ่โว๊ย ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก โทรไปบอกท่านประธานว่าฉันไม่เอาแฮ็กเกอร์กลุ่มนี้แล้ว ขอให้ท่านประธานส่งคนที่เก่งที่สุดมาให้ฉัน”
หลิวไห่ก้มมองโทรศัพท์ เป็นข้อมความที่ส่งมาจากอเล็กซ์
พบตัวเฉินเฟยอวี๋แล้วปลอดภัยดีและกำลังพยายามปล้ำผู้ชายคนหนึ่ง
หลิวไห่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ไอ้น้องเลวนี่ในเวลาแบบนี้ยังหื่นได้อีก