นี่เป็นอีกครั้งที่กู้เมิ่งถูกประธานกู้ตำหนิอย่างรุนแรง การที่เขาทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดเลย และประธานกู้ก็รู้แล้วว่าหลิวไห่ที่มีหัวหน้าเฉิงคอยเป็นแบ็คหลังให้นั้นไม่ใช่คนธรรมดาที่เขาจะเคี้ยวได้อีกต่อไป
หากเป็นเวลาปกติเขาคงได้รีบจัดการหลิวไห่ไปแล้ว แต่ในเวลานี้ธุรกิจหลักของเขาเรื่องสัมปทานสนามบินและสัมปทานรถโดยสารระหว่างฮ่องกงกับเกาลูนก็กำลังถูกหัวหน้าเฉินสั่นคลอน ดูเหมือนว่าคนในรัฐบาลชุดใหม่ที่เพิ่งแต่งตั้งขึ้นมาจะมีคนของหัวหน้าเฉิงปะปนอยู่ด้วย
เรื่องนี้ดูแล้วยังพอมีหนทางแก้ไข แต่เรื่องงานวิจัยของเขาที่วิจัยมาเป็นสิบ ๆ ปีในตอนนี้เพิ่งย้ายฐานการวิจัยไปที่แผ่นดินใหญ่ได้ไม่นานกลับถูกตำรวจตามพบเข้า
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไว้ใจลูกชายคนเดียวของเขาเรื่องคงไม่ถูกจับได้ง่ายเช่นนี้
แต่สิ่งที่กวนใจประธานกู้ที่สุดก็คือตำรวจหญิงที่ปลอมตัวเป็นเหยื่อคนนั้น
ถึงกล้องของเขาจะถูกทำลายหลายตัว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่จับภาพของเธอได้ และในตอนนี้ประธานกู้ก็เกิดอยากจะได้ตัวผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาใจจะขาด
สุดท้ายแล้วในเมื่อมันยากที่จะหาตัวเขาก็คงต้องส่งคนของเขาไปจัดการให้เรียบร้อย
ทางด้านหลิวไห่หลังจากได้ตัวเฉินเฟยอวี๋กลับมาเขาก็ได้รับการขอร้องจากเฉินเฟยอวี๋ทันที
“พี่ชายฉันต้องการพาอาชิวไปกับฉันด้วย ยังมีน้องสาวของเขาอีกฉันไม่มั่นใจว่าคนของกู้เมิ่งจะปล่อยเขาในเมื่อฉันช่วยเขาขนาดนี้”
หลิวไห่เองไม่อยากให้เฉินเฟยอวี๋มีภาระ ลำพังแค่เฉินเฟยอวี๋คนเดียวเขาก็ระวังลำบากแล้ว ยังจะมีผู้ชายคนนั้นและเด็กหญิงอีก ต่อไปเขาก็ไม่คิดจะดึงน้องชายเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนที่เต็มไปด้วยน้ำที่คลอหน่วยทำให้หลิวไห่เองก็เริ่มใจอ่อน
เขากล้วแต่ว่าหลี่เจี่ยซินจะมีภาระเพิ่มขึ้น คงต้องจัดคนเฝ้าเฉินเฟยอวี๋เอาไว้จนกว่าเรื่องจะเงียบ และในเวลานั้นเขาจึงจะสารภาพกับเธอว่าเขาไม่ใช่เฉินเฟยอวี๋แต่คือหลิวไห่ จากเดิมหลิวไห่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีความห่วงใยผู้หญิงสักคนได้ขนาดนี้ แต่เมื่อมาพบกับหลี่เจี่ยซินตั้งแต่วันแรกที่เธอปล้ำเขาและวางเงินยับยู่ยี่เอาไว้ให้ใจของหลิวไห่ก็มีเธอเข้าไปเต็ม ๆ เสียแล้ว
เมื่อไม่สามารถปฏิเสธน้องชายได้ คนทั้งหมดจึงเดินทางกลับฮ่องกงด้วยกัน แต่ในระหว่างนี้เขาจะไม่ปรากฎตัวต่อหน้าหลี่เจี่ยซินอีก เขาจะตามสืบเรื่องของประธานกู้อย่างลับ ๆ ด้วยตัวเอง
หลี่เจี่ยซินไปรอรับเฉินเฟยอวี๋ที่สนามบินด้วยความคิดถึง เธอไม่ได้เจอเขาไม่กี่วันกลับรู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกันนานนับปี ทันที่ที่เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงเข็ญรถขนกระเป๋าออกมาเธอก็วิ่งไปกอดเขาด้วยความดีใจ
“ที่รักคิดถึงเธอมาก ๆ เลย”
เฉินเฟยอวี๋เองก็คิดถึงเธอ ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ฮ่องกงเขาไม่ได้โทรศัพท์หาหลี่เจี่ยซินแม้แต่ครั้งเดียว เขากอดหลี่เจี่ยซินแนบแน่นแต่หลี่เจี่ยซินสังเกตุได้ทันที่ว่าเขามาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง
เธอเห็นแล้วใบหน้าซีดเผือดทันที
“ที่รักนี่แฟนใหม่ของฉันจ้ะ”
เขากระซิบบอกเธอด้วยใบหน้าแย้มยิ้มจนปากแทบจะฉีกไปถึงรูหู หลี่เจี่ยซินตกตะลึงจนกระทั่งเฉินเฟยอวี๋ใช้ศอกกระทุ้งที่สีข้างของเธอ
“หล่อใช่มั๊ยล่ะ แน่นอนว่าสายตาของฉันก็ต้องดีมาก ๆ”
หลี่เจี่ยซินยิ้มและทักทายผู้ชายคนนั้นด้วยใบหน้าถอดสี ที่เฉินเฟยอวี๋บอกว่ามีธุระด่วนต้องรีบไปฮ่องกงไม่ใช่ว่าไปรับคนคนนี้ใช่หรือไม่ เฉินเฟยอวี๋เองก็เตรียมความพร้อมอยู่แล้ว เขาจึงบอกเธอว่า
“คนสำคัญของฉันเขาตัดสินใจจะมาอยู่ที่นี่ด้วยน่ะ อีกอย่างเราคิดว่าจะดูใจกันไปสักพักค่อยหมั้นกัน”
หลี่เจี่ยซินถึงกับเข่าอ่อน หมั้นเหรอ คืออะไร แล้วเธอล่ะ ทำไมเขาต้องเทเธอด้วย
หลีเจี่ยซินจับมือของเฉินเฟยอวี๋เอาไว้ ในขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากพูด เฉินเฟยอวี๋ก็ดึงเด็กตัวน้อยมาแนะนำให้เธอรู้จัก
เด็กหญิงที่มีใบหน้างดงามราวกับเจ้าหญิงตัวน้อย ยิ้มทักทายเธอด้วยใบหน้าน่ารักจนหลี่เจี่ยซินนน้ำตาร่วง
“นี่เธอเตรียมลูกเอาไว้แล้วด้วย”
เฉินเฟยอวี๋โบกมือ พลางจับแขนของเธอเอาไว้ พวกเขาเดินไปด้วยกันพลางพูดคุย
“ไม่ใช่นี่น้องสาวแท้ ๆ ของหยางชิว ชื่อหยางจื่อน่ะ จะมาอยู่กับเราด้วยพวกเขากำพร้าพ่อแม่น่าสงสารใช่หรือเปล่า”
หลี่เจี่ยซินรู้ว่าระยะหลังเฉินเฟยอวี๋มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมหาศาล แต่ไม่คิดว่าเขาจะรับเลี้ยงครอบครัวผู้ชายจริงจังขนาดนี้ นี่เป็นสิ่งที่เฉินเฟยอวี๋ทำกับเธอคนเดียว ขอหมั้นและให้เงินด้วยแต่เธอก็ทำงานเป็นบอดี้การ์ดอารักขานี่นา
ทำไมเขาถึงได้ลำเอียงขนาดนี้
ตอนนี้หลี่เจี่ยซินยังช็อกอยู่ เธอไม่ค่อยพูดคุยและตอบโต้นัก ลืมสังเกตุความแตกต่างที่เกิดขึ้นจนกระทั่งเธอพาทุกคนกลับบ้าน
“ทำไมบอดี้การ์ดมีมากขึ้นเป็นเท่าตัว”
หลี่เจี่ยซินตาโต เมื่อพบว่ามีรถขับตามเธอมาจากสนามบินอีกหลายคัน
เฉินเฟยอวี๋ไม่ได้บอกเธอว่าจริง ๆ แล้วเป็นหลิวไห่ที่ห่วงเกินไปจึงจ้างคนคุ้มกันอีกบริษัทหนึ่งให้มาดูแล เขาตบไหล่เธอแล้วพูดเบา ๆ
“เอาน่าเธอจะได้สบายขึ้นตอนนี้ครอบครัวเราก็ใหญ่ขึ้นแล้ว มีคนมาคุ้มครองเพิ่มดีออก”
แต่หลี่เจี่ยซินเสียใจมาก เธอรู้สึกว่าตั้งแต่ผู้ชายคนนี้เหยียบสนามบินเธอเหมือนจะไร้ตัวตนไปอย่างสิ้นเชิง
เห็นได้ชัดว่าเฉินเฟยอวี๋กำลังมีความรักแบบหัวปักหัวปำ
เขาเป็นของเธอนะ แต่เอ๊ะ
“แหวนหมั้นของเธอล่ะ”
เฉินเฟยอวี๋มึนงง เขาถามออกไปโดยไม่ได้คิด
“แหวนหมั้นอะไร ฉันมีด้วยเหรอ”
หลี่เจี่ยซินซึมกะทือ เธอคอตกเดินกลับห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก
แม้กระทั่งแหวนมั้นเขายังจำไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่บอกเธอว่าห้ามถอดแท้ ๆ
เขากลับมาเป็นเฉินเฟยอวี๋คนเดิมคนนั้นอีกแล้ว
เอาเฉินเฟยอวี๋ของฉันกลับคืนมานะ
ในคืนนั้นหลี่เจี่ยซินถึงกับนอนไม่หลับ เมื่อเฉินเฟยอวี๋ยึดครองห้องนอนกับผู้ชายคนนั้น เธอคิดว่าเขาไม่รู้จักบุญคุณคน
เธอเป็นคนที่ทำให้งูของเขาผงาดขึ้นมานะ ทำไมพอหายแล้วถึงได้ทิ้งเธอไปกับคนอื่น แล้วเธอก็เสียใจมากที่กลายเป็นเครื่องมือให้เขาหลอกใช้
หลี่เจี่ยซินนอนว้าวุ่นน้ำตาไหลพราก เธอจะทำยังไงให้เฉินเฟยอวี๋หันมามองเธอบ้าง เธอถอนตัวไม่ทันแล้ว
วันต่อมา
หลี่เจี่ยซินตื่นแต่เช้า วันนี้เธอรวบผมจนเรียบตึงม้วนเอาไว้ไม่ให้มันลงมาเกะกะ เธอยังติดหนวดเข้าไปที่หน้า แต่งตัวอย่างมาดแมนเหมือนผู้ชายคนหนึ่ง หญิงสาวหมุนตัวไปหมุนตัวมาจนแน่ใจว่าตัวเองเหมือนผู้ชายแล้ว แม้จะไม่มีกล้ามแต่เธอแรงเยอะกว่าผู้ชายคนนั้นอีก
หลี่เจี่ยซินเดินออกจากห้อง แม่บ้านเตรียมอาหารเช้าเป็นปกติ วันนี้ถึงกับทักเธอด้วยความแปลกใจ
“คุณหลี่คะ วันนี้ทำไมติดหนวดคะจะไปแสดงละครที่ไหน”
หลี่เจี่ยซินกระแอม ทำเสียงให้แหบแห้งเหมือนผู้ชาย
“ป้าว่าผมเหมือนผู้ชายเท่ห์ คนหนึ่งหรือเปล่าครับ”
ป้าแม่บ้านส่ายหน้า บอกตามตรง
“คุณผมขนาดนี้หน้าอกก็ใหญ่แบบนั้น ไหนจะเอวคอด ก้นผายหุ่นยังกะดาราจะเหมือนผู้ชายตรงไหนคะ แต่งแบบนี้ก็ดูแปลกและน่ารักดีค่ะ”
แย่แล้ว
หลี่เจี่ยซินก้มมองดูหน้าอกของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกรังเกียจมัน แต่ตอนอยู่กับเฉินเฟยอวี๋เขาก็ชอบลูบคลำนี่นา หรือเธอจะไปเอาออกดี
ในขณะที่หลี่เจี่ยซินกำลังกลุ้มใจกับขนาดหน้าอกของตัวเองอยู่นั้น เฉินเฟยอวี๋ก็ควงแขนแฟนหนุ่มคนใหม่ลงมาอย่างกระหนุงกระหนิง เด็กหญิงตัวน้อยเดินตามมาต้อย ๆ หลี่เจี่ยซินเพิ่งรู้ว่าป้าแม่บ้านจัดห้องรับแขกให้เด็กน้อยอยู่ถาวร
สองคนหวานกันมาก ต่างคนต่างป้อนอาหารให้กันคล้ายโลกนี้มีเขาเพียงสองคน
“ว่าไงที่รักสวัสดีตอนเช้าจ้ะ”
เฉินเฟยอวี๋ทักทายหลี่เจี่ยซินแต่สายตาของเขากลับจับจ้องอยู่ที่หยางชิวเท่านั้น สายตาที่คลั่งรักขนาดนี้ทำให้หลี่เจี่ยซินปวดใจ เธอกระแอมเสียงดัง จนกระทั่งเด็กน้อยหยางจื่อร้องทักขึ้น
“พี่สาวมีหนวดด้วยเหรอคะ”
หลี่เจี่ยซินรีบพูดเสียงดัง
“ใช่ พี่ดูเท่ห์หรือเปล่าคะ”
เด็กน้อยส่ายหน้า
“ดูแปลก ๆ ค่ะ หน้าพี่สาวสวยใส่หนวดแล้วดูตลกค่ะ”
หลี่เจี่ยซินแทบจะล้มลงจากเก้าอี้ นี่เธอแต่งหนวดนี่อยู่นานนอกจากป้าแม่บ้านจะว่าเธอแปลก เด็กคนนี้ยังว่าเธอแปลกอีก เอาล่ะ หลี่เจี่ยซินเธอต้องใจเย็น ๆ นะ คนที่ต้องให้ความเห็นคือเฉินเฟยอวี๋ไม่ใช่คนนอก
หญิงสาวฝืนยิ้มหันไปถามเฉินเฟยอวี๋เสียงเข้ม
“ที่รักเธอว่าฉันหล่อหรือเปล่า”
เฉินเฟยอวี๋หันมาบีบแก้มของเธอ ยังดึงหนวดที่หลี่เจี่ยซินตั้งใจติดเกือบชั่วโมงทีละเส้นออกในครั้งเดียว หญิงสาวร้องโอ๊ยออกมาและเสียใจมาก นี่คือคำตอบของเขา
“เธอขี้เหร่มาก หน้าสวย ๆ เก็บไว้ล่อผู้เถอะ จะมาติดหนวดทำไม ยังเสียงของเธออีกเป็นหวัดเหรอกินยาหรือยัง”
เขาสำรวจเธออย่างละเอียด ก็ยังถือว่ามีน้ำใจห่วงใย แต่ความรู้สึกแบบนี้หลี่เจี่ยซินไม่คุ้นเคยเลย มันเหมือนหลี่เจี่ยซินเห็นเฉินเฟยอวี๋คนเดิมเปี๊ยบ ไม่ใช่เฉินเฟยอวี๋ของเธออีกต่อไป
“ที่รักเธอกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว ที่ผ่านมาฉันคงฝันไปใช่หรือเปล่า”
เฉินเฟยอวี๋เข้าใจว่าหลี่เจี่ยซินหมายถึงว่าเขากลับจากฮ่องกงแล้ว และดีใจมากจนร้องไห้ เขาหัวเราะลูบหัวเธอแล้วหันไปพูดกับแฟนของเขา
“เธอก็อ่อนไหวแบบนี้แหละ อย่าถือสานะ”
ดีที่ผู้ชายคนนั้นไม่ค่อยช่างพูด เขาดูเป็นคนเงียบ ๆ ท่าทางไม่มีพิษภัย แต่หลี่เจี่ยซินเองยังไม่ไว้ใจเธอต้องจับตาดูเขาให้ดี
“ที่รักวันสองวันนี้ฉันจะพาน้องสาวของเราไปสมัครเรียนหนังสือ อีกอย่างอาชิวก็มีความสามารถหลายอย่างฉันดูตำแหน่งงานในบริษัทให้เขาแล้ว หลังจากนี้สามวันฉันจะพาเขาไปทำงานเธอว่ายังไงดีล่ะ”
“ไม่ได้”
หลี่เจี่ยซินไม่เห็นด้วย จะให้ผู้ชายคนนี้เกาะติดเฉินเฟยอวี๋ตลอดเวลาไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นเธอยิ่งถูกกีดกันจนไม่มีโอกาสเป็นแน่
“ทำไมล่ะ”
เฉินเฟยอวี๋ประหลาดใจ เพราะฝีมือของหลิวไห่ที่ถีบน้องสาวของเขาให้ออกจากบริษัท อำนาจเต็มจึงกลับมาที่เขาอีกครั้ง ต่อไปทำอะไรเขาก็แค่ไปปรึกษาพี่ชาย คนในบริษัทถูกเปลี่ยนถ่ายเป็นคนของหลิวไห่แทบทั้งหมด เขาจึงไม่มีห่วงอะไรแล้ว
หลี่เจี่ยซินกลัวเฉินเฟยอวี๋รู้ว่าเธอหาทางกีดกัน จึงพูดว่า
“ก็ต้องให้เขาเรียนรู้งานจากฉันก่อน ต่อไปฉันจะดูแลเขาเอง”
เฉินเฟยอวี๋ส่ายหน้า
“เธอทำอะไรได้ล่ะในบริษัท นอกจากคุ้มครองฉันเธอก็ทำอะไรไม่เป็นเลยนะ”
หลี่เจี่ยซินไม่ยอมแพ้
“ก็ให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดลับไง อย่างน้อยก็มีฉันเป็นหัวหน้า ฉันฝีมือดีไม่ใช่เหรอ”
เฉินเฟยอวี๋เห็นด้วย แต่หยางชิวกลับคิดในใจอย่างดูถูก
หลี่เจี่ยซินผอมบางซ้ำยังเป็นผู้หญิงต่อให้เธอได้เหรียญทองโอลิมปิกด้านการต่อสู้มา เขาก็ไม่คิดว่าหลี่เจี่ยซินจะเอาชนะเขาได้
เฉินเฟยอวี๋เห็นด้วย
“ก็ดีนะ อาชิวว่าไงจ้ะยินดีหรือเปล่า”
เฉินเฟยอวี๋แอบลูบแขนหยางชิว หลี่เจี่ยซินหมั่นไส้เป็นอย่างยิ่งอยากซัดผู้ชายคนนั้นสักหมัด
“ก็ดี แต่ผมคิดว่าเธอดูอ่อนแอไปนะ”
เขาให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา หลี่เจี่ยซินยกมุมปาก
“ลองดูสักหน่อยดีหรือเปล่าคะ ฉันกับคุณใครจะชนะ”
เฉินเฟยอวี๋รีบส่ายหน้าทั้งโบกมือ
“ไม่เอาที่รัก เธอจะทำหน้าหล่อ ๆ ของอาชิวเสียโฉม”
หยางชิวกลับพูดว่า
“ผมไม่ตีต่อยกับผู้หญิง โดยเฉพาะคนผอมบางหน้าสวยแบบนี้”
เขาเองก็ไม่เห็นด้วย หลี่เจี่ยซินยังไงก็เป็นคนสำคัญของเฉินเฟยอวี๋ ทั้งยังเป็นคู่หมั้นปลอม ๆ ของเขาอีก ยังไงเขาก็ทำร้ายผู้หญิงที่พิเศษคนนี้ไม่ลงเป็นแน่
หลี่เจี่ยซินยกยิ้ม ใบหน้าสวยงามของเธอทำให้หยางชิวถึงกับใจสั่น
“ไม่กล้าเหรอ กลัวถูกฉันซัดคว่ำเหรอ”