เช้าวันต่อมา
หลี่เจี่ยซินอยากกินโจ๊กเจ้าโปรด หลิวไห่จึงออกไปซื้อให้เธอด้วยตัวเอง ระหว่างนี้หมอเข้ามาตรวจเธอก่อนจะปล่อยเธอกลับบ้าน หลี่เจี่ยซินแปลกใจที่สีหน้าของหมอไม่สู้ดีเท่าไหร่ ทั้งที่เมื่อคืนเพราะเฉินเฟยอวี๋ทำให้เธอได้ปลดปล่อยและรู้สึกดีขึ้นเป็นอย่างมาก
“ผมมีข่าวร้ายมาบอก ทั้งนี้ต้องขอโทษด้วยที่มองข้ามไปในตอนแรก เราจะขอให้คุณหลี่ตรวจร่างกายให้ละเอียดอีกครั้งนะครับ ช่วงบริเวณศีรษะ”
หลี่เจี่ยซินกลืนน้ำลาย อันที่จริงเธอมีอาการปวดหัวแบบนี้มาตลอด ช่วงหลัง ๆ มานี่ยิ่งเป็นบ่อยขึ้น แต่อาการนี้เดี๋ยวมาเดี่ยวหายเธอจึงคิดว่าเป็นเพราะเธอเครียด หญิงสาวยอมรับการตรวจแต่โดยดี แต่มีข้อแม้ว่าถ้าเฉินเฟยอวี๋กลับมา ไม่ให้หมอบอกเรื่องนี้กับเขาหรือคนอื่นเป็นอันขาด
“ได้ครับ ความลับคนไข้ถ้าคนไข้ไม่อนุญาติเราก็ไม่เปิดเผยแน่นอน”
หลี่เจี่ยซินไม่ได้นั่งรถเข็ญ เธอเดินตามพยาบาลไปเอ็กซเรย์ร่างกายด้วยเครื่องอันทันสมัยอีกครั้งด้วยตัวเอง จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงต่อมาทุกอย่างก็เรียบร้อย
เมื่อกลับมาที่ห้องพบเฉินเฟยอวี๋รออยู่แล้ว เขากำลังเทโจ๊กให้เธอยังมีปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้อีกแก้ว เขารู้แต่ว่าหลี่เจี่ยซินต้องเช็คร่างกายอีกรอบก่อนออกจากโรงพยาบาล ไม่มีอะไรน่าห่วงเป็นขั้นตอนปกติเท่านั้น เขาจึงไม่ได้สงสัยอะไร
หลี่เจี่ยซินยิ้มให้เขาใบหน้าระรื่น
“เมื่อคืนฉันข่วนหลังที่รักไปหลายแผลเจ็บหรือเปล่า”
หลิวไห่ส่ายหน้า
“ทีหลังก็อย่ารุนแรงให้มาก ก๊อกน้ำในห้องน้ำหักไปแล้ว ชักโครกก็แตกดีไม่พังลงมา”
หลี่เจี่ยซินหัวเราะ เธอสามารถพูดเรื่องนี้กับเฉินเฟยอวี๋ได้โดยไม่เคอะเขิน แต่คนที่หน้าแดงกลับเป็นเขา ดูน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
“ก็จ่ายค่าเสียหายไป ที่รักรวยมากไม่ใช่เหรอ”
“ไม่มีปัญหาหรอกเรื่องนั้น แต่ทีหลังไม่ทำแล้วนะ ในโรงพยาบาล”
หลี่เจี่ยซินตาโต
“แสดงว่าจะมีครั้งต่อไปใช่หรือเปล่า ที่รักสัญญาแล้วนะ”
หลิวไห่ยิ้ม
“ต้องดูความประพฤติเธอก่อน”
หลี่เจี่ยซินทำหน้าเศร้า
“ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนของเธอเด็ดขาด”
หลิวไห่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขารู้ว่าหลี่เจี่ยซินหมายถึงหยางชิวที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลย แต่เขาก็ไม่คิดจะเฉลยคำตอบ อย่างน้อยหยางชิวก็ยังเป็นคนที่ทำให้หลี่เจี่ยซินสงบลงได้เล็กน้อย เพราะไม่อยากจะขัดใจกับเฉินเฟยอวี๋
เขายกแก้วน้ำเต้าหู้ให้เธอแล้วถาม
“ตรวจร่างกายอะไรบ้าง ทำไมนานจัง”
หลี่เจี่ยซินยักไหล่
“ก็นิดหน่อย ให้เขาตรวจให้ดีจะได้ไม่ต้องมาอีกเธอขายหน้าที่ฉันทำก๊อกหัก กับชักโครกแตกไม่ใช่เหรอ”
หลิวไห่หัวเราะ
“เล็กน้อยน่ะ ไม่เป็นไรฉันพาเธอไปโรงพยาบาลอื่นได้ถ้าเกิดมีอะไร”
หลี่เจี่ยซินหน้าเศร้าเล็กน้อย แต่เธอก็รีบปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่มาอีกแล้วล่ะโรงพยาบาลน่ะ ไม่ต้องห่วง”
หลิวไห่บอกเธอให้รีบกินข้าวเสีย เขาเองก็รอกินเป็นเพื่อนเธอ ทั้งสองคนพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ หลี่เจี่ยซินจึงถามถึงสูตรยาที่ให้ทางฮ่องกงตรวจสอบ
“เป็นสูตรยาตัวหนึ่งที่กำลังทดลองดูกับหนูทดลองอยู่ คงต้องใช้เวลาราวหนึ่งเดือนถึงจะเห็นผลแต่ทุกอย่างก็ใกล้ถึงบทสุดท้ายแล้ว เราจะได้รู้กันแล้วว่าพวกเขาทำอะไร”
“แล้วนักวิทยาศาสตร์คนนั้นล่ะ”
หลิวไห่ส่ายหน้า
“เขาเองก็รู้แค่หน้าที่ของตัวเอง เหมือนจะไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้ ผู้บัญชาการตำรวจนำเขาเข้าเครื่องจับเท็จไปหลายครั้งก็ไม่พบอะไรผิดปกติ คนพวกนี้ทำงานแค่หน้าเดียวเท่านั้น”
หลี่เจี่ยซินถอนหายใจ เรื่องใกล้แล้วแต่ดูเหมือนจะไกลออกไป
จนกระทั่งเธอกินเสร็จ พยาบาลคนหนึ่งก็เดินเข้ามา เธอมองหลี่เจี่ยซินแปลก ๆ มาขอวัดไข้ ความดัน และอัตราการเต้นหัวใจเหมือนทุกคน แต่คราวนี้หลี่เจี่ยซินต้องชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงด้วย แต่น่าแปลกที่หลี่เจี่ยซินคล้ายจะคุ้นเคยคนคนนี้จนน่าประหลาดใจ
“่ขอถามชื่ออีกครั้งเพื่อความแน่ใจนะคะ คนไข้คือคุณหลี่เจี่ยซินใช่หรือเปล่าคะ อายุ ยี่สิบสี่ปีกับอีกหกเดือน”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า เธอไม่แปลกใจเพราะพยาบาลย่อมจะขานชื่อเธอทุกครั้งอยู่แล้ว เธอปล่อยให้พยาบาลเช็กร่างกายจนละเอียด พร้อมกับมีเจาะเลือดของเธอไปด้วยหลอดหนึ่ง
“เมื่อสักครู่เจาะเลือดไปแล้วไม่พอเหรอคะ”
พยาบาลยิ้ม
“น่าจะใช่ค่ะ พยาบาลเองก็ทำตามคำสั่งคุณหมอค่ะ เรียบร้อยนะคะขอบคุณค่ะ”
หลี่เจี่ยซินเองไม่ชอบให้ใครอยู่กับเธอและเฉินเฟยอวี๋นาน เพราะว่าเวลาของพวกเขามีน้อยมาก จึงรู้สึกขัดใจอยู่เล็กน้อย พยาบาลคนนั้นไม่ตอบเอาแต่ยิ้มให้เธอ และเหมือนจะมองเธอด้วยสายตาเอ็นดู
หลังจากพยาบาลออกไปแล้ว หลี่เจี่ยซินพูดคุยกับหลิวไห่ต่ออีกไม่กี่คำ พยาบาลอีกคนก็เข้ามา ทั้งยังทำเหมือนกันเด๊ะ
“วัดความดันหน่อยนะคะ ยังต้องวัดอัตราการเต้นหัวใจและวัดไข้ด้วยค่ะ”
หลี่เจี่ยซินกับหลิวไห่มองหน้ากัน
“เอ๊ะ เมื่อสักครู่มีพยาบาลมาวัดไปแล้วนี่คะ”
พยาบาลคนนั้นทำหน้างง
“ห้องคุณหลี่เป็นหน้าที่ฉันค่ะที่ต้องมาวัดความดันทุกวัน ไม่มีใครมาทำแทนค่ะ แปลกจัง”
“นั่นสิคะ หรือเขาเข้าห้องผิด แต่ไม่น่าจะผิดนะคะ คู่หมั้นของฉันก็เป็นพยานได้ค่ะ พยาบาลคนนั้นยังเจาะเลือดฉันไปด้วยค่ะ สรุปนี่ยังไงกันแน่คะ”
พยาบาลคนนั้นทำท่าตกใจ แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่น่าเกิดความผิดพลาดได้
“ฉันจะให้คนเช็คกล้องค่ะ ว่าเป็นคนไหนที่เข้ามาตรวจคนไข้กันแน่ ไม่ต้องตกใจนะคะ อาจเกิดความเข้าใจผิดหรือเวรซ้อนได้ค่ะ”
หลิวไห่ไม่แน่ใจแล้ว สัญชาตญาณบางอย่างของเขาทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ กับเรื่องนี้
“ผมขอดูกล้องด่วนครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ปกติทางโรงพยาบาลต้องชี้แจงกับผมจนกว่าผมจะคลายข้อสงสัย”
หลิวไห่จับมือของหลี่เจี่ยซินแน่น
คนพวกนั้นเพิ่งลักพาตัวหญิงสาวไปกักขัง และหลี่เจี่ยซินเพิ่งช่วยออกมา หรือพวกมันจะตามมาถึงที่นี่ต่อหน้าต่อตาเขาแต่เขาก็ยังปกป้องเธอไม่ได้ ในขณะที่หลี่เจี่ยซินเองกลับสงบไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว
คล้ายกับว่าเธอกำลังรอคนพวกนี้อยู่แล้ว มันเป็นความรู้สึกลึก ๆ ที่อยู่ข้างในเธอมานับปี เหมือนกับว่าเธอกำลังรอใครบางคน รออะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ทันทีที่สบตากับพยาบาลคนเมื่อสักครู่ทำให้เธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้หญิงคนนั้นหรือเกิน ทั้ง ๆ ที่เธอแน่ใจว่าไม่เคยพบกันมาก่อน