แน่นอนว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอคือเฉินเฟยอวี๋ตัวจริง ทั้งเสียงนี้ก็ใช่เขา เธอจับใบหน้าของเขาพลิกไปมา ทั้งยังตบเบา ๆ แต่แรงของเธอเองนั้นไม่น้อยทำให้เฉินเฟยอวี๋ถึงกับเจ็บ
“จะพอหรือยัง ฉันเจ็บนะ”
หลี่เจี่ยซินปากสั่น
“เมื่อกี้ฉันเจอที่รักในครัวกับผู้ชายคนนั้นกำลังจูบกัน กำลังจูบกัน”
หลี่เจี่ยซินพูดรัวเร็ว หรือเธอจะตาฝาด หรือไม่เธอก็เห็นผี หรือเป็นเพราะคิดมากจึงทำให้เห็นภาพหลอน หลี่เจี่ยซินสับสน เป็นไปไม่ได้ที่เฉินเฟยอวี๋จะวิ่งมาดักหน้าเธอทัน คนที่ทำแบบนั้นได้คงมีแค่เธอเท่านั้น
“หรือว่าฉันจะตาฝาดจริง ๆ”
หลี่เจี่ยซินกุมศีรษะในขณะที่หลิวไห่ยกมุมปากยิ้มน้อย ๆ เอาล่ะถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงกับเธอแล้ว แต่น้องชายตัวดีของเขานี่สิทำไมถึงได้ทำเรื่องประเจิดประเจ้อแบบนี้กัน และแล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีก
“ที่รักเธอตื่นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง”
หลี่เจี่ยซินได้ยินเสียงของเขาถึงกับหันขวับไปมาก ผู้ชายคนนั้นก็คือเฉินเฟยอวี๋ ทั้งยังมีแฟนหนุ่มของเขาอยู่ที่นั่น
“นี่มันอะไรกัน”
เฉินเฟยอวี๋เดินเข้ามา จับมือทั้งสองข้างของหลี่เจี่ยซินเอาไว้ แล้วจับใบหน้าของเธอ
“ที่รักเธอไม่มีไข้ คงจะนอนหลับไปแบบที่หมอบอกจริง ๆ”
หลี่เจี่ยซินหันมามองเฉินเฟยอวี๋ที่อยู่ข้าง ๆ อีกครั้ง คราวนี้เธอสบัดมือของเฉินเฟยอวี๋หมายเลขหนึ่งออก และก้าวถอยหลังไปหลายก้าว มองพวกเขาสลับกัน สองคนนอกจากเสื้อผ้าที่ต่างกันแล้วนอกนั้นเหมือนกันทุกอย่าง กระทั้งเสียงก็ยังดูคล้ายกันจนแยกไม่ออก
“นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดหรือฝันไปใช่หรือเปล่า”
เฉินเฟยอวี๋ทำหน้าเศร้าสำนึกผิด
“ไม่หรอก เธอสติยังดีและฉันมีเรื่องจะสารภาพ”
หลี่เจี่ยซินมองคนทั้งสองด้วยสายตาเหมือนคนแปลกหน้าและระแวดระวังเป็นอย่างยิ่ง
“ว่ามา พวกนายสองคนเกิดอะไรขึ้น”
หลิวไห่ยิ้มบาง แล้วชี้เข้าที่ตัวเอง
“ฉันขอแนะนำตัวแล้วกัน ฉันคือหลิวไห่เป็นพี่ชายฝาแฝดของเฉินเฟยอวี๋”
หลี่เจี่ยซินแทบเข่าทรุด เธอเห็นแหวนหมั้นอยู่ที่นิ้วของหลิวไห่ เธอจึงเริ่มไม่มั่นใจแล้ว
เฉินเฟยอวี๋เดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ คราวนี้หลี่เจี่ยซินไม่ถอยหนีแล้ว เฉินเฟยอวี๋กุมมือของเธอมานั่งที่โซฟา คนทั้งหมดเดินตามมา และแฟนของเฉินเฟยอวี่เห็นว่าตัวเองไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้จึงปลีกตัวออกไป
แค่มีเฉินเฟยอวี๋คนเดียวเขาก็สู้ไม่ได้แล้ว ยังมีหลิวไห่อีกคน แม้ว่าเขาจะชอบหลี่เจี่ยซินแค่ไหนในตอนนี้ก็เกินเอื้อมแล้ว เขาจึงบอกเฉินเฟยอวี๋
“ผมไปรอที่ห้องนะ พวกคุณคุยกันเถอะ”
“จ้ะ เดี๋ยวฉันตามไปนะ”
เฉินเฟยอวี๋มองตามเขาตาเยิ้ม หลี่เจี่ยซินในตอนนี้แยกแยะคนสองคนได้อย่างเด็ดขาด
อันที่จริงเธอก็สามารถแยกแยะได้อยู่แล้ว เพียงแต่เธอคาดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะเป็นคู่แฝด หลี่เจี่ยซินถอนหายใจมองที่หลิวไห่ พิจารณาเขาอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะพูดกับเขา
“คุณคือหลิวไห่ คนที่หมั้นกับฉัน คุณสวมรอยเป็นหลี่เจี่ยซินตั้งแต่กลับจากฮ่องกง”
เขาพยักหน้า ไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องทั้งหมดเธอก็สามารถเดาเรื่องได้แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเธอหลอกตัวเองและไม่เคยเฉลียวใจเลย เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างบังตาอยู่ คนสองคนนี้เหมือนกันมากจนเกินไป มากจนเธอไม่สามารถแยกแยะได้
“เธอเข้าใจหมดแล้ว มีอะไรอยากรู้อีกหรือเปล่า”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า
“ถึงฉันจะรู้แล้วก็ยังอยากรู้เรื่องทั้งหมด มันเกิดอะไรขึ้นแน่รวมทั้งเรื่องโครงการลับของประธานกู้มันเกี่ยวอะไรกับคุณคะ คุณหลิวไห่”
หลิวไห่ไม่ชอบให้หลี่เจี่ยซินเรียกเขาว่าคุณหลิวไห่ เขาชอบที่เธอเรียกเขาว่าที่รัก แม้ว่านั่นจะเป็นสรรพนามเอาไว้เรียกเฉินเฟยอวี๋ก็ตาม แต่เรื่องนี้เขาจะยอมถกกับเธอทีหลัง ลำพังตอนนี้ก็รู้สึกผิดกับเธอมากอยู่แล้ว
“เรื่องมันเป็นแบบนี้ เพราะเฉินเฟยอวี๋ไปฮ่องกงขอร้องผมให้มาช่วยกอบกู้บริษัทเดิมที่ผมกะแค่จะมาอยู่ไม่นาน แต่แล้วคนที่ต้องการซื้อบริษัทของเฉินเฟยอวี๋กลับเป็นศัตรูของผม”
หลังจากนั้นเขาก็เล่าทุกอย่างให้เธอฟัง เรื่องพ่อของเขา เรื่องที่ประธานกู้ทำให้เขาติดคุก ทุกเรื่องที่หลิวไห่ไม่คิดจะปิดบังเธออีกต่อไป
เดิมทีเขาตั้งใจจะกันหลี่เจี่ยซินให้ถอยห่าง แต่ในตอนนี้เหมือนเขาจะคิดว่าบางทีหลี่เจี่ยซินอาจเกี่ยวข้องกับการทดลองนั่น และตัวเขากับน้องชายก็มีอะไรแปลก ๆ พวกเขาอาจเป็นเด็กที่พ่อแม่บุญธรรมตั้งใจฝากเลี้ยงเอาไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และเมื่อพวกเขาโตพอจึงมารับและแยกย้ายกันไปเลี้ยงดู
ทุกอย่างยังเป็นปริศนาสำหรับหลิวไห่ และเขาเองก็คิดว่าหลี่เจี่ยซินสำควรรับรู้เรื่องราวพวกนี้ด้วยเช่นกัน
หลี่เจี่ยซินเข้าใจแล้ว และเธอเองในตอนนี้ก็ไม่มีเวลาที่จะโกรธใคร ไม่มีเวลาอีกต่อไปแล้ว เธอยิ้มน้อย ๆ เฉินเฟยอวี๋มองเธออย่างสำนึกผิด จับมือของเธอเอาไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“เธอโกรธฉันหรือเปล่า ไม่คิดจะโกหกเธอจริง ๆ นะแต่เรื่องมันเลยเถิดไปแล้วฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง”
หลี่เจี่ยซินกลับยิ้มเศร้า ๆ
“ไม่โกรธหรอก เข้าใจแล้วว่าเธอจำเป็นแค่ไหน”
เฉินเฟยอวี๋ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
“ขอบใจมากที่รัก รู้หรือเปล่าว่าฉันกลุ้มใจแค่ไหน ไม่กล้าบอกความจริงเพราะกลัวว่าถ้าเธอรู้จะโกรธฉัน”
“เลิกกลุ้มได้แล้วเดี๋ยวไม่สวย ฉันไม่เป็นอะไรเลยจริง ๆ”
หลี่เจี่ยซินหันไปถามหลิวไห่คำหนึ่ง
“ว่าแต่ว่าหลิวไห่ ที่ผ่านมาคุณชอบฉันหรือเปล่า ฉันสารภาพเลยว่าฉันชอบคุณจริง ๆ”
หลิวไห่ยิ้ม เขาสบสายตาของเธอทั้งยังส่งความรักที่มีไปให้เธออย่างล้นปรี่
“ชอบสิ ผมชอบคุณมากเลยล่ะ”
หลี่เจี่ยซินยิ้มกว้าง เธอดีใจเป็นอย่างยิ่งและแล้วแววตาของเธอกลับกระตือรือร้นขึ้นมา
“ที่รักเธอจูบฉันหน่อย”
เฉินเฟยอวี๋ถึงกับมึนงงเมื่อจู่ ๆ หลี่เจี่ยซินก็ขอให้เขาจูบเธอ แต่คิดไปคิดมาเธอในตอนนี้อาจต้องการกำลังใจ เฉินเฟยอวี๋จึงจูบเข้าไปที่แก้มของหลี่เจี่ยซินเบา ๆ แต่หญิงสาวคนนี้กลับจับใบหน้าของเฉินเฟยอวี๋แน่น และบดขยี้จูบเข้าไปที่ริมฝีปากของเขา
หลิวไห่ตกใจจนแทบขาดสติ เขาเกือบจะกระชากหลี่เจี่ยซินออกมาแล้วเมื่อหญิงสาวจู่โจมเฉินเฟยอวี๋แบบนี้ แต่เขายังไม่ทันลงมือหลี่เจี่ยซินก็ผลักเฉินเฟยอวี๋ออกเสียก่อน
“ที่รักเธอทำอะไร เธอจูบฉันทำไม่มันน่าขยะแขยง”
เฉินเฟยอวี๋น้ำตาเต็มสองเบ้า ในขณะที่หลี่เจี่ยซินหัวเราะจนปวดท้อง
“เธอคิดจะลงโทษฉันเหรอ ถ้าคิดจะลงโทษฉันทำไมไม่ทำวิธีอื่น วิธีนี้มันเกินไปนะ”
เฉินเฟยอวี๋ยังโวยวายไม่หยุด หลี่เจี่ยซินไม่สนใจเขาแล้วกลับจ้องหลิวไห่ดวงตาเป็นประกาย และแล้วโดยที่หลิวไห่ไม่ทันคาดคิดหลี่เจี่ยซินก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของเขา หลิวไห่อ้าแขนรับเธอโดยอัตโนมัติ ริมฝีปากของหลี่เจี่ยซินประทับลงที่ริมฝีปากกระด้างของเขาแล้วจูบเขาอย่างเร่าร้อน
เฉินเฟยอวี๋ร้อง หึ ออกมา เมื่อคนทั้งคู่ต่างนัวเนียกันไม่สนใจเขาอีกต่อไป
“ฉันไม่สนพวกเธอแล้ว ไปหาที่รักของฉันดีกว่า จะทำอะไรก็อย่าให้ประเจิดประเจ้อมาก”
เฉินเฟยอวี๋มองหลิวไห่อย่างกินเลือดกินเนื้อ เห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ก็ย่อมรู้แล้วว่าเขากับหลี่เจี่ยซินมีความสัมพันที่พิเศษกันขนาดไหน แต่เฉินเฟยอวี๋กลับโล่งใจ ตั้งแต่กลับจากฮ่องกงหลายครั้งที่หลี่เจี่ยซินมองเขาแปลก ๆ และเขาเองก็ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกนั้นได้
หลี่เจี่ยซินจูบหลิวไห่เนิ่นนาน จนกระทั่งเธอปล่อยปากของเขาแล้วพูดเบา ๆ ด้วยความดีใจ
“ฉันดีใจจริง ๆ ที่คุณไม่ใช่เฉินเฟยอวี๋ เมื่อกี้จูบเขาไปได้รู้จริง ๆ ว่ายังไงเขาก็ไม่ใช่คุณ”
“ทำไมล่ะ ต่างกันเหรอ”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า
“ต่างกันมากความจริงแล้วฉันกับเขาไม่เคยจูบกันมาก่อน มันดูแปลก ๆ และไม่ใช่ กลิ่นของคุณเป็นแบบชายแท้และหอมมาก”
หลิวไห่หัวเราะ ใช้หลังมือปัดจมูกของเธออย่างรักใคร่
“ชอบจูบของผมเหรอ”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้าแรง ๆ
“ชอบมาก ชอบงูของคุณด้วย เข้าห้องกันเถอะฉันอดใจไม่ไหวแล้วคิดถึงคุณมากเลยรู้หรือเปล่า ฉันเสียใจมากที่คุณไม่รับรักฉัน”
หลิวไห่หัวเราะชอบใจ เสียงของเขาแหบพร่าลงเล็กน้อย
“คนที่ไม่รับรักคือเฉินเฟยอวี๋ หลิวไห่คนนี้จะไม่รับรักหลี่เจี่ยซินได้ยังไง แหวนหมั้นยังไม่เคยถอดเลย”
เขาอวดแหวนหมั้นต่อหน้าเธอ ทั้งยังจูบเบา ๆ ที่แหวนนั้น หลี่เจี่ยซินจูบที่แก้มของเขา
“น่ารักจังเลย ที่รักของฉัน”
หลิวไห่ขอร้องเธอจริงจัง
“ต่อไปห้ามเรียกเฉินเฟยอวี๋ว่าที่รักอีก ให้เรียกผมคนเดียวเท่านั้น”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า
“ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่รักของฉัน”
หลี่เจี่ยซินคล้ายจะมีน้ำตาคลอหน่อยในนั้น เธอเพิ่งค้นพบแท้ ๆ ว่าหลิวไห่มีตัวตนจริง ไม่ใช่ผู้ชายที่อยู่ในร่างของเฉินเฟยอวี๋ เธอก็ต้องตายเสียแล้ว หลี่เจี่ยซินอยากจะร้องไห้นัก เธอจะทำยังไงดี ความสุขที่มาพร้อมกับความทุกข์อันยิ่งใหญ่นี้ เธอจะแก้ไขยังไงดี
หลิวไห่เห็นหญิงสาวเงียบไปทั้งคิ้วยังขมวดเป็นปม เขาจึงอุ้มเธอขึ้นแล้วพูดเบา ๆ
“ที่รักของผมคิดอะไรอยู่ อย่าเก็บเอาไว้คนเดียวทุกอย่างผมจะช่วยคุณและปกป้องคุณเอง ขอเพียงบอกผม”
หลี่เจี่ยซินซบหน้าลงบนอกของเขา เธอพูดงึมงำด้วยความตื้นตันใจ
“ฉันรักคุณมาก และไม่อยากจากคุณไป ฉันจะทำยังไงดี”
หลิวไห่วางเธอลงบนเตียงแล้วถามเธอเบา ๆ
“ที่รักคุณหายไปไหนมา รู้หรือเปล่าว่าผมเป็นห่วงคุณแทบไม่ได้กินได้นอน หาตัวคุณยังไงก็ไม่พบ”
หลี่เจี่ยซินส่ายหน้า
“ฉันเองก็ไม่รู้ แต่เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ถูกคนของประธานกู้จับตัวไปแล้ว ยังมีเรื่องดีเอ็นเออีก ฉันจะเล่าให้ที่รักฟังทีหลังได้หรือเปล่า ตอนนี้จูบฉันหน่อยสิ ฉันอยากได้จูบและกอดของที่รัก”
หลิวไห่ถอดเสื้อของตัวเองออกแล้ว โดยมีหลี่เจี่ยซินช่วยเหลือ สองร่างโอบกอดกันอยางรักใคร่ เขาจูบเธออย่างลึกซึ้งพูดเบา ๆ
“ต้องบอกผมให้หมดนะ ผมจะทำให้คุณมีความสุขเอง”