เซียวหยางพยักหน้า ไม่ได้กล่าวโทษกาเบรียล “นายทำได้ดีมากแล้ว อย่างน้อยก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย”
กาเบรียลพูดอย่างทอดถอนใจ “แต่เพียงแค่ ถัง คำเดียว พวกเราไม่สามารถลงมือได้ ถังสามารถเป็นแซ่ก็ได้ หรืออาจเป็นตัวอักษรหนึ่งในชื่อของกองกำลังอะไรก็ได้”
“มันอาจจะเป็นกองกำลังอะไรสักอย่างที่ญี่ปุ่น? วัฒนธรรมราชวงศ์ถังเป็นที่นิยมแพร่หลายกันในช่วงหนึ่งที่ญี่ปุ่น ที่นั่นมีกองกำลังใต้ดินมากมายที่เกี่ยวข้องกับถัง”
เซียวหยางส่ายหน้า “เรื่องนี้ฉันก็ไม่แน่ใจ เอาข้อมูลส่งกลับไปให้สำนักดราก้อน ต่อให้ต้องตามสืบทีละคน ฉันก็ต้องการสืบให้ได้ว่าใครกันแน่ที่คิดทำร้ายเย่หยุนซู!”
“ครับ! นายท่าน!”
“เอาล่ะ ไปได้แล้ว”
……
เช้าตรู่วันถัดมา สภาพจิตใจของเย่หยุนซูสงบนิ่งลงได้เยอะแล้ว แม้ว่าเมื่อวานได้เผชิญอันตรายมากมายขนาดนั้น แต่ตอนกลางคืน เธอกลับหลับสนิทดี
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเซียวหยางนอนห้องเดียวกับเธอหรือเปล่า ตอนกลางคืนเธอไม่แม้แต่ฝันร้าย หลับสนิทยาวจนถึงฟ้าสาง
วันหยุดสามวันกำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว ทั้งสองคนเก็บกระเป๋าเดินทางเรียบร้อย เพื่อเตรียมตัวกลับเมืองหยินโจว
ตอนที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน เย่หยุนซูได้มองแสงอาทิตย์ที่สว่างสดใสอยู่นอกหน้าต่าง บรรยากาศในเขตร้อนชื้น ทำให้รู้สึกอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา
ขณะที่ตกอยู่ในภวังค์ เธอถึงกับเกิดความคิดชั่ววูบที่อยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปตลอด
ถึงแม้เพิ่งผ่านเรื่องอันตรายมา แต่ก็มีเรื่องที่มีความสุขมากมาย อาบแดดบนชายหาด ดำน้ำ ช้อปปิ้ง…… เวลาสามวันผ่านไปเพียงชั่วพริบตา
เวลาแห่งความสุขมักจะสั้นเสมอ
เซียวหยางเห็นท่าทีที่ดูอาลัยอาวรณ์ของเย่หยุนซู ก็ยิ้มพลางพูดว่า “ต่อไปพวกเราสามารถลาพักหนึ่งครั้งต่อหนึ่งเดือน ฉันจะพาเธอไปขึ้นเขาลงห้วยให้ทั่วจีนเลย เป็นไง?”
เย่หยุนซูย่นจมูกโด่ง ๆ นั่น แล้วกลอกตาใส่เซียวหยาง “นายนี่ฝันหวานจริงนะ ไม่ต้องทำงานหรือยังไง บริษัทยังมีงานอีกเป็นกองรอให้ฉันกลับไปจัดการอยู่นะ มีเวลาไปขึ้นเขาลงห้วยที่ไหนกันล่ะ”
เซียวหยางตบหัวตัวเอง แล้วพูดอย่างจนปัญญาว่า “แย่แล้ว ประธานหญิงภูเขาน้ำแข็งมาอีกแล้ว”
“ไปให้พ้นเลยนายน่ะ กะล่อนจริง ๆ”
สี่โมงเย็น เครื่องบินได้ลงจอดที่สนามบินเมืองหยินโจว รถของบริษัทหยุนซูได้มาคอยรับทั้งสองคน
เพิ่งถึงบ้าน เย่หรูซานและหลิวฉ่ายเสียก็ได้วิ่งออกมาจากในบ้าน
“พ่อคะ แม่คะ ทำไมถึงอยู่ที่นี่ล่ะคะ?”
หลิวฉ่ายเสียจับมือสวย ๆ ของเย่หยุนซูไว้ทันที มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดด้วยความหวาดกลัวตัวสั่น :
“แม่ได้ยินคุณปู่แกบอกว่า แกเกิดเรื่องขึ้นที่ซานย่า เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บหรือเปล่า เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมแกไม่บอกพ่อกับแม่ล่ะ เด็กคนนี้”
“พ่อคะ แม่คะ หนูกลัวว่าพ่อกับแม่จะเป็นห่วงเลยไม่ได้บอกทั้งสองคน หนูยังสบายดีค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น”
หลิวฉ่ายเสียจึงได้วางใจ จากนั้นหันไปมองเซียวหยาง แล้วเอ่ยพูดว่า :
“เหอะ เซียวหยาง แกทำยังไงของแกหา ดูเรื่องที่แกก่อไว้สิ!”
เซียวหยางสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก “คุณแม่ยายครับ ผมทำอะไรเหรอ?”
“ยังจะถามอีก พวกเรายกลูกสาวให้แก แล้วแกดูแลลูกสาวฉันอย่างนี้เหรอ ถ้าหยุนซูเกิดอันตรายอะไรขึ้น ฉันจะถลกหนังแกซะ!”
หลิวฉ่ายเสียชี้หน้าเซียวหยางแล้วด่าพรวดออกมา
เซียวหยางไม่ได้พูดอะไรสักคำ ยังไงซะเรื่องนี้ตัวเองก็ทำได้ไม่ดีพอจริง ๆ นั่นแหละ
“แม่คะ ทำอะไรน่ะ เรื่องนี้โทษเซียวหยางไม่ได้นะ เขาทำเต็มที่แล้ว”
หลิวฉ่ายเสียดึงเย่หยุนซูมา แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “หยุนซู แกอย่าพูดเข้าข้างมัน จะให้ท้ายผู้ชายแบบนี้ไม่ได้ ถ้าไม่จัดการตั้งแต่เนิ่น ๆ ปล่อยไว้จะเสียนิสัย”
“เหอะ อย่าคิดว่านายท่านเย่ปกป้องแก แล้วแกจะไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตานะ แกอย่าลืมล่ะ ว่าที่แกสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายได้แบบตอนนี้ เป็นเพราะหยุนซูของพวกเราทั้งนั้น!”
เซียวหยางหัวเราะเหอะเหอะออกมา แต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร
“พอได้แล้ว เธอพูดให้มันน้อยลงหน่อย เป็นห่วงลูกสาวไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ไปพาลใส่ลูกเขยได้ล่ะ?” เย่หรูซานเอ่ยพูดขึ้นมาเรียบ ๆ
“เป็นลูกเขาที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง!” หลิวฉ่ายเสียยังไม่ลืมพูดเสริมขึ้นมาอีกประโยค
ทั้งครอบครัวได้เข้าไปในบ้าน เซียวหยางได้เอากระเป๋าเดินทางลงจากหลังรถ จากนั้นเย่หยุนซูก็ส่งสัญญาณให้หยิบของขวัญออกมา
“พ่อคะ แม่คะ พวกเราไปซานย่าครั้งนี้ได้ตั้งใจซื้อของขวัญกลับมาฝากพ่อแม่ด้วยค่ะ ดูสิคะว่าชอบหรือเปล่า”
เย่หยุนซูแกะของขวัญออก เป็นกระเป๋า LV คอลเลกชันใหม่สุดที่ซื้อมาจากห้างดิวตี้ฟรีนานาชาติที่ซานย่า
หลิวฉ่ายเสียดีใจจนเลิกคิ้วทันที “ไอหยา กระเป๋านี้แม่ชอบมานานแล้ว แต่ตัดใจซื้อไม่ลงสักที หยุนซูช่างเอาใจใส่ดีจริง ๆ”
เธอร้อนอกร้อนใจรีบสะพายกระเป๋าดูทันที แล้วส่องกระจกไปมา รู้สึกชอบมากจนวางไม่ลง
ตั้งแต่วันเกิดคุณย่าคราวก่อน ที่เซียวหยางได้ซื้อกาต้มน้ำทองแดงมูลค่าสูงมาในราคาแสนถูก เย่หรูซานก็เริ่มหลงใหลในวัตถุโบราณแล้ว
ดังนั้นเย่หยุนซูจึงสนองความต้องการของพ่อ ด้วยการซื้อของโบราณมาชิ้นหนึ่ง
“พ่อคะ นี่เป็นเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์ชิง ถูกค้นพบอยู่ในเรือที่จมใต้น้ำในซานย่า พ่อว่าเป็นไงบ้างคะ?”
เย่หรูซานเลิกคิ้วขึ้น มองถ้วยชาที่วิจิตรงดงามวางอยู่บนโต๊ะ
“อืม ไม่เลว ไม่ว่าสีสันหรือรูปลักษณ์ล้วนเป็นเอกลักษณ์ของเตาเผาโบราณสมัยราชวงศ์ชิง ของชิ้นนี้เงินแสนกว่าคงซื้อไม่ได้ใช่ไหม?”
จากสีหน้าของเย่หรูซาน ดูเหมือนพึงพอใจกับของขวัญชิ้นนี้มาก
“ห๊ะ แสนกว่า แค่ถ้วยชาเก่า ๆ แพงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หลิวฉ่ายเสียหยุดลงทันที กระเป๋า LV ของเธอไม่ได้แพงขนาดนั้น เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เธอก็เสียเปรียบน่ะสิ?
เย่หยุนซูรีบพูดไกล่เกลี่ย “แม่คะ ของขวัญของแม่เป็นหนูที่ซื้อให้แม่ ส่วนของขวัญของพ่อเป็นเซียวหยางที่ซื้อให้ค่ะ ถ้าแม่จะโทษก็โทษหนูเถอะค่ะ”
“ฉันจะโทษแกทำไม เซียวหยางมันก็ใช้เงินแกไม่ใช่เหรอ?”
หลิวฉ่ายเสียพูดเสียงต่ำอย่างไม่พอใจว่า “หยุนซู แกต้องระวังไว้หน่อยนะ ผู้ชายน่ะพอมันมีเงินมันก็จะเลว แม่เห็นไอ้หมอนี่มันดูมีพิรุธ ไม่รู้ว่าลับหลังแอบทำเรื่องเลวอะไรแล้วแกไม่รู้หรือเปล่า”
เซียวหยางรู้สึกหมดคำพูดไปเลย ฉันไปทำเรื่องเลวอะไรเหรอ
หลิวฉ่ายเสียและเย่หรูซานทานมื้อค่ำกันที่คฤหาสน์ จากนั้นถึงเก็บของขวัญกลับไปด้วยความพอใจ
หลังจากที่พ่อแม่เย่หยุนซูขึ้นรถแล้ว เซียวหยางถึงได้พูดขึ้นมาว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าพ่อแม่ของเธอตั้งใจมาเอาของขวัญจากเธอโดยเฉพาะล่ะ?”
“พ่อแม่ของฉันไม่ได้หัวสูงขนาดนั้น ไม่อนุญาตให้นายพูดถึงพวกเขาแบบนี้นะ!” เย่หยุนซูทำเสียงไม่พอใจ
เซียวหยางยักไหล่ แล้วเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเริ่มฝึกวิชาพลังเทพมังกร ช่วงที่อยู่ซานย่าสองสามวันนั้น เขาได้แต่คอยปกป้องเย่หยุนซูคนงาม จนไม่มีกระจิตกระใจฝึกวิชา
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงวันถัดมา เซียวหยางได้ขับรถไปส่งเย่หยุนซูที่บริษัทหยุนซู
เย่หยุนซูเพิ่งมาถึงห้องทำงานก็เริ่มเรียกผู้จัดการแผนกต่าง ๆ มาประชุม จางเฉียงผู้จัดการฝ่ายขายก็ไปประชุมด้วยเช่นกัน
ฝ่ายขายจึงไม่มีคนคุม จึงอยู่กันแบบว่างงานและมีความสุข
เซียวหยางเปิดคอมพิวเตอร์ เตรียมตัวจะเล่นเกม
ขณะนั้นเอง เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา
“อาจารย์ ผมกลับมาแล้วครับ!”
เซียวหยางดีใจขึ้นมาทันที ได้ยินเสียงนี้ก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร ลูกศิษย์อันดับหนึ่งของเซียวหยางนั่นเอง จูเจียนเฉียงลูกน้องที่คอยตามติด กลับมาอย่างร่าเริงแจ่มใสแล้ว
“ในที่สุดนายก็ตัดใจกลับมาได้สักทีนะ เรื่องที่บ้านจัดการเป็นยังไงบ้าง? ฉันยังคิดจะไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้าที่บ้านนายอยู่เลย”
“อาจารย์ครับ วางใจเถอะ แก้ไขได้เกือบจะเรียบร้อยแล้ว”
จูเจียนเฉียงพูดพลางเดินมาตรงหน้าคอมพิวเตอร์ของเซียวหยางอย่างคล่องแคล่ว แล้วเปิดหน้าเกมขึ้นมา จากนั้นกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปรินน้ำชามายื่นให้เซียวหยาง
เซียวหยางนั่งไขว่ห้าง ยิ้มกว้างพลางพูดว่า “งั้นก็ดี ช่วงหลายวันมานี้ฉันไม่ได้จับตามองนาย นายฝึกวรยุทธไปถึงไหนแล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้ ในใจจูเจียนเฉียงก็สะดุดกึกขึ้นมา
อาจารย์จะตรวจสอบผลการฝึกฝนของเขาเหรอเนี่ย!