บทที่ 11 ชวนหย่า
วันถัดไป เซียวหยางไปทำงานตามคำแนะนำของภรรยา
เย่หยุนซูสั่งให้เลขาจัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เซียวหยางกรอกเอกสารสมัครงาน ก่อนเริ่มงานในทันที
ส่วนเงินเดือนของเซียวหยางนั้น อยู่ที่2000หยวน(ประมัณ10000บาท) บวกค่าคอมมิชชั่น
ค่าตอบแทนเท่านี้ ในเมืองหยินโจวถือว่าเล็กน้อยมาก แต่เซียวหยางไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
หากไม่ใช่เพราะใส่ใจความรู้สึกของเย่หยุนซู เขาไม่มีทางทำงานที่นี่แน่
เซียวหยางอยู่ในตำแหน่งฝ่ายขาย เขาใช้เวลาช่วงเช้าอยู่กับเอกสารกองโต ไม่มีใครสนใจให้คำแนะนำใดๆ กระทั่งเวลาผ่านไป บริษัทดูแลเรื่องอาหารเที่ยง ทุกคนจึงทยอยรวมตัวกันที่โรงอาหาร
เซียวหยางสังเกตเห็นเย่หยุนซูที่โรงอาหาร แม้เย่หยุนซูเป็นประธาน แต่เธอก็มักมารับประทานอาหารที่โรงอาหารเสมอ เพียงแต่เธอมีห้องอาหารสำหรับตำแหน่งโดยเฉพาะ
เขาคิดที่จะเข้าไปทักทาย แต่เสมือนเย่หยุนซูตั้งใจหลบหลีก เธอส่งสายตาเป็นการตักเตือน ก่อนหมุนตัวเข้าห้องอาหารส่วนตัว
เสมือนว่าเธอกลัวว่าจะถูกคนอื่นเห็นเข้าเซียวหยางยักไหล่ ไม่เอ่ยๆใดๆ
เขาตักอาหาร ก่อนนั่งลงกับโต๊ะตัวหนึ่ง ไม่ทันที่เขาได้ตักอาหารเข้าปาก ในเวลานี้เอง ปรากฏเงาร่างหญิงสาวหุ่นดีหลายนางนั่งลงที่โต๊ะตัวข้างๆเขา
“เฮ้อ พวกแกรู้หรือยัง สามีที่เป็นง่อยของประธานเย่เข้ามาทำงานที่บริษัทด้วยนะ!”
หญิงสาวร่างบางที่ประดับไปด้วยแบรนด์เนมทั้งตัวเอ่ยขึ้น รู้ได้ทันทีว่าเธอค่อนข้างมีฐานะ เธอมีชื่อว่าหูเจียวเจียว ช่วงเช้าเซียวหยางเห็นเธอที่ฝ่ายขาย
“ได้ยินมาบ้าง เป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านมาสามปี พึ่งประธานเย่เลี้ยงปากท้อง ผู้ชายแบบนี้ ขายขี้หน้าสิ้นดี”
“ไม่เข้าใจเลย ประธานเย่ออกจะสวยขนาดนั้น แถมยังมีเงิน ทำไมถึงได้ชอบผู้ชายที่ไม่เป็นอะไรสักอย่าง?”
“ใครจะไปรู้ ฉันได้ข่าวว่าเขาเป็นพวกกลัวเมีย ประธานเย่เย็นชาออกขนาดนั้น ไม่แน่เธออาจชอบผู้ชายประเภทนี้ก็ได้”
สาวๆต่างหัวเราะเฮฮา กับประโยคเหล่านั้น
เซียวหยางไร้คำพูดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดูท่าตนคงชื่อเสียงเหม็นหึ่งเสียแล้ว แม้พนักงานในบริษัทหยุนซูยังรู้ว่าเขาไม่เอาถ่าน
“เอ๋ ทำไมคนนี้คุ้นหน้าคุ้นตาขนาดนี้นะ?” หญิงสาวคนหนึ่งชี้ไปทางเซียวหยาง
เหล่าสาวๆรู้สึกถึงการมีอยู่ของเซียวหยาง ทุกคนต่างก็นั่งทานอาหารกับเพื่อนร่วมงาน มีเพียงเขาเท่านั้นที่นั่งอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว
“เขาเป็นพนักงานมาใหม่ ชื่อเซียวหยาง”
“อะไรนะ? เขานี่ไงสามีของประธานเย่ไม่ใช่หรือ?”
ทุกคนต่างจับจ้องที่เซียวหยางด้วยความตกตะลึง เสมือนเพ่งพินิจสิ่งมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์
ในเวลานี้เอง หูเจียวเจียวเผยสายตาจอมโอ้อวดไปที่เซียวหยาง “เอ่อ พนักงานใหม่ คุณเป็นสามีของประธานเย่หรือ?”
เซียวหยางไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับเหล่าหญิงสาว เขาเพียงเอ่ยตอบอย่างเรียบง่าย
“คุณคิดว่า คุณคู่ควรกับประธานเย่ของเราหรือไม่?”
“ยังไงซะประธานเย่ก็เป็นคุณหนูของตระกูลเย่ แล้วดูแกสิ ไม่มีอะไรเลย แกรู้ไหมว่าการมีอยู่ของแกสร้างปัญหาใหญ่หลวงแค่ไหนให้กับประธานเย่บ้าง”
พนักงานสาวทั้งหลายต่างพยักหน้าเห็นด้วย เป็นเช่นนั้นจริงๆนั่นแหละ พวกเธอต่างเห็นอยู่ในสายตา
ประธานเย่เองก็ต้องไม่ชอบสามีที่ไม่เอาถ่านอย่างเขาแน่ ไม่เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน แต่ตัวเธอกลับรับมื้อเที่ยงที่ห้องอาหารส่วนตัว ทิ้งให้เซียวหยางอยู่ด้านนอกอย่างโดดเดี่ยว
เซียวหยาง ส่งสายตาประหลาดใจ พร้อมหันไปด้วยทีท่าแกมเหยียดหยาม “นี่เป็นเรื่องของครอบครัวผม เกี่ยวอะไรกับพวกเธอด้วย?”
“เหอะ แกกล้าดียังไงพูดแบบนี้กับพวกฉัน ฉันเป็นพนักงานของประธานเย่ ประธานเย่ดีกับเรามาก”
“เอางี้แล้วกัน หากแกยังมีความรู้สึกดีๆต่อประธานเย่ ก็รีบหย่ากับเธอซะ อย่าเสียเวลาความสุขของประธานเย่อยู่เลย”
สุภาษิตเค้าว่า เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร แกเป็นใครกัน
หลิวฉ่ายเสียเพียงคนนอก มีสิทธิ์อะไรมาพิพากษ์วิจารณ์
“เรื่องของผมกับหยุนซู ไม่เกี่ยวกับเธอ!”
“อ้าว โกรธหรอ? อยากไปฟ้องประธานเย่ใช่ไหมล่ะ ผู้ชายที่หลบอยู่หลังผู้หญิง ไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
ขณะที่เซียวหยางคิดโต้เถียงกลับ ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าของชายหนุ่มปริศนาดังขึ้น
“นี่เป็นโรงอาหาร หรือตลาดสด ทำไมถึงได้เอะอะเสียงดัง”
ชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทเรียบหรู ทรงผมแสกกลางเงางาม ดูก็รู้ว่าเขาไม่ธรรมดา
เหล่าหญิงสาวเห็นเข้า พวกเธอต่างรีบเร่งลุกออกจากที่มุ่งไปยังเขา ด้วยทีท่าออดอ้อน
เขาเป็นผู้จัดการฝ่ายขายจางเฉียง ส่วนพวกเธออยู่ฝ่ายขายทั้งหมด
“ผู้จัดการ เรื่องมีอยู่ว่า” หูเจียวเจียวกระซิบข้างหูเขา
ก่อนที่จางเฉียงจะเหลือบมองเซียวหยางด้วยสายตาเย้ยหยัน