วันถัดมา เซียวหยางยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อทำอาหารเช้า
เย่หยุนซูรีบทานไม่กี่คำแล้วขับรถไปบริษัท วันนี้เธอตื่นเต้นมาก แผนความร่วมมือที่ส่งไปเมื่อวาน วันนี้บริษัท บริษัท เฉียนซื่อ กรุ๊ปน่าจะตอบกลับแล้ว
เซียวหยางล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาโทร ให้ลูกน้องไปสืบเรื่องบริษัทบริษัท เฉียนซื่อ กรุ๊ปหนึ่งนาทีผ่านไปข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทบริษัท เฉียนซื่อ กรุ๊ปก็ถูกส่งมาที่โทรศัพท์มือถือของเซียวหยาง
ท่าทางกลัดกลุ้มใจของเย่หยุนซูเมื่อคืนนั้น อยู่ในสายตาเซียวหยางตลอด สำหรับเขาแล้วเรื่องของเย่หยุนซูถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
ทานมื้อเช้าเสร็จ เซียวหยางก็เก็บของแล้วออกจากบ้าน
ขับรถมาถึงด้านล่างตึกบริษัท เย่หยุนซูก็เปิดประตูรถแล้วรีบร้อนเดินเข้าบริษัทไป
เลขามารอเย่หยุนซูอยู่ที่ล็อบบี้แต่เช้าแล้ว สีหน้าร้อนใจมาก “ประธานเย่คะ คุณมาแล้วเหรอ”
“เป็นยังไงบ้าง? มีข่าวจากบริษัทบริษัท เฉียนซื่อ กรุ๊ปหรือยัง?” เย่หยุนซูเอ่ยถาม แล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์
เลขารีบเดินไปกดลิฟต์ให้เย่หยุนซ “ประธานเย่คะ ประธานเฉียนยังไม่ได้ตอบกลับมา น่าจะเป็นเพราะแผนความร่วมมือของเราไม่ผ่าน”
เย่หยุนซูตกใจ รู้สึกเหมือนถูกราดน้ำเย็นลงบนหัว “แผนความร่วมมือของพวกเราทำตามข้อเรียกร้องของประธานเฉียนทุกอย่าง เขาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
“ประธานเย่คะ คุณไม่ต้องร้อนใจ จากข่าวที่เชื่อถือได้ ถึงแม้ประธานเฉียนจะตอบกลับไปหลายบริษัทแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะร่วมมือกับบริษัทไหนเลยค่ะ พวกเรายังมีโอกาส!” เลขาเอ่ยพูด
เย่หยุนซูเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมแพ้ ขอแค่มีความหวังเพียงเล็กน้อย เธอก็จะทุ่มเทความพยายามถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์
ประตูลิฟต์เพิ่งเปิดออก แต่เธอกลับไม่เดินเข้าไป “ตอนนี้ประธานเฉียนอยู่ที่ไหน?”
“ประธานเย่คะ คุณ……” เลขามองเย่หยุนซูด้วยสีหน้าสงสัย
เย่หยุนซูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ฉันต้องการไปหาเขา”
“เมื่อเช้าฉันเพิ่งได้ข่าวมาว่า วันนี้ช่วงสายประธานเฉียนจะไปดูนิทรรศการภาพวาดที่ใจกลางเมืองค่ะ!” เลขากล่าว
เย่หยุนซูเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ประธานเฉียนชอบภาพวาดพู่กันจีน?”
“ใช่ค่ะ ปกติประธานเฉียนชอบสะสมภาพวาดพู่กันจีนโบราณ เขาจะร่วมงานนิทรรศการภาพวาดและงานประมูลในเมืองหยินโจว ทุกงานเลยค่ะ” เลขาเอ่ยพูด
เย่หยุนซูพยักหน้า แต่ตัวเองไม่ค่อยรู้เรื่องภาพวาดพู่กันจีนโบราณสักเท่าไหร่
ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ถ้าหากเธอไม่ลองพยายามดูสักตั้ง เกรงว่าบริษัทหยุนซูจะไม่มีโอกาสแล้วจริง ๆ
ณ ศูนย์นิทรรศการภาพวาดเมืองหยินโจว
หน้าประตูทางเข้าศูนย์นิทรรศการภาพวาดมีรถหรูจอดอยู่มากมายหลายคัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่าพันนายคอยดูแลความปลอดภัยอยู่โดยรอบ
ภาพวาดที่ถูกนำมาจัดแสดงในวันนี้ล้วนเป็นภาพวาดอันทรงคุณค่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ละคนสีหน้าเคร่งขรึมกันมาก ยังไงเรื่องแบบนี้จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด!
ภายในศูนย์นิทรรศการภาพวาด มีชายที่อายุราวห้าสิบปีคนหนึ่งสวมชุดลำลอง กำลังยืนเอามือไขว้หลังชื่นชมภาพวาดจีนที่แขวนอยู่บนผนัง
หน้าประตูมีรถหรูจอดอยู่มากมายขนาดนั้น ส่วนใหญ่ก็มาเพราะเฉียนกั๋วต้องกันทั้งนั้น
ยังไงซะการได้ร่วมมือกับเขา ไม่ว่าจะเป็นบริษัทไหนก็ล้วนแต่เป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมีคุณภาพ!
นิทรรศการภาพวาดครั้งนี้รวบรวมผลงานชิ้นเอกของศิลปินจีนชื่อดังมากมาย ในนั้นมีผลงานที่วิจิตรงดงามของจิตรกรร่วมสมัยจำนวนหนึ่งด้วย ภายในงานเรียกได้ว่ากว้างใหญ่มาก
เฉียนกั๋วต้องเอาสองมือไขว้หลังมองดูภาพทุกภาพอย่างละเอียด เมื่อเห็นภาพที่ดีก็พยักหน้าไม่หยุด เมื่อเห็นภาพที่มีตำหนิก็ส่ายหน้าด้วยความเสียดายและเสียใจ!
เลขาที่เดินตามอยู่ด้านหลังเขาคอยจดบันทึกท่าทีที่เฉียนกั๋วต้องมีต่อภาพวาดทุกภาพอย่างเอาใจใส่
“ภาพนี้……” เฉียนกั๋วต้องจ้องภาพวาดโบราณภาพหนึ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “ภาพวาดนี้ฉันจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนเหมือนเคยเห็นแล้วครั้งหนึ่ง”
เลขาพยักหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย “ใช่ค่ะ ประธานเฉียน สามปีก่อนคุณได้ประมูลภาพนี้มาในราคาที่สูงถึงสามล้านหกแสนหยวนค่ะ”
เฉียนกั๋วต้องขมวดคิ้ว สามปีก่อนจำได้ว่าประมูลภาพนี้มาแล้ว ทำไมถึงได้มีภาพที่เหมือนกันอยู่ที่นี่ได้ล่ะ หรือว่าตัวเองประมูลได้ของปลอมมา?
กระดาษของภาพวาดนั้นที่เก็บไว้ในบ้านกลายเป็นสีเหลืองไปแล้ว สีหมึกก็เข้มกว่าสีภาพวาดภาพนี้
แต่จากประสบการณ์หลายปีของเฉียนกั๋วต้อง ภาพวาดภาพนี้ก็ดูไม่เหมือนของปลอมเลย
“ติดต่อฝ่ายจัดงานหน่อยสิ” เฉียนกั๋วต้องพูดกับเลขา
ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ชายหนุ่มสวมชุดสูทเรียบร้อยที่หวีผมจนดูมันวาวเดินเข้ามา ยิ้มพลางยื่นมือออกมาพร้อมเอ่ยพูดด้วยความเกรงใจ “ประธานเฉียน สวัสดีครับ ผมคือเหอเสวี่ยหมินเป็นผู้รับผิดชอบงานประมูลครั้งนี้ครับ”
เฉียนกั๋วต้องชี้ไปที่ภาพไม้ไผ่ภาพนี้แล้วเอ่ยถาม “ภาพวาดนี้เป็นของแท้ หรือว่าของลอกเลียนแบบ?”
“เป็นของแท้แน่นอนครับ!” เหอเสวี่ยหมินเอ่ย “ประธานเฉียนครับ ของสะสมทุกชิ้นที่จัดแสดงอยู่ในงานนี้ล้วนเป็นของแท้ทุกชิ้น ของเหล่านี้ได้ผ่านการตรวจสอบจากองค์กรเฉพาะทางแล้วครับ ถ้าหากคุณสนใจอีกเดี๋ยวสามารถเข้าร่วมงานประมูลการกุศลของพวกเราได้ครับ ภาพวาดนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน”
เฉียนกั๋วต้องขมวดคิ้ว “ของแท้?”
เหอเสวี่ยหมินอยากจะพูดอะไรต่อ แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา “ประธานเฉียนคะ”
ประธานเฉียนหันไปมองตามเสียง จึงเห็นเย่หยุนซูสวมชุดทำงานยืนอยู่ไม่ไกลนัก “ประธานเย่ บังเอิญจังเลยนะ คุณก็มาดูนิทรรศการภาพวาดด้วยสินะ!”
เย่หยุนซูเดินเข้าไปใกล้ประธานเฉียนแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม “ประธานเฉียนคะ แผนความร่วมมือฉบับนั้นที่พวกเราส่งให้คุณ ไม่ทราบว่าคุณติดขัดตรงไหนหรือเปล่าคะ?”
เฉียนกั๋วต้องยิ้มอย่างสบาย ๆ แล้วเอ่ยพูด “ประธานเย่ วันนี้ทุกคนต่างออกมาดูนิทรรศการภาพวาดกันทั้งนั้น อย่าพูดเรื่องงานเลย”
“ส่วนแผนความร่วมมือที่พวกคุณทำ พูดตามตรงในบรรดาคู่แข่งจำนวนมากนั้นไม่ได้มีจุดเด่นอะไรเลย พวกเราล้วนเป็นนักธุรกิจ สิ่งสำคัญคือผลประโยชน์ ถ้าหากต้องการร่วมมือก็ต้องเสนอแผนงานที่ดีกว่านี้ ไม่อย่างนั้น คงได้แต่บอกว่าพวกเราไร้วาสนาต่อกัน”
เย่หยุนซูรีบพูดขึ้นว่า “ประธานเฉียนคะ สถานภาพบริษัทหยุนซูของพวกเรานั้นคุณเองก็รู้ดี ถึงแม้แผนความร่วมมือนี้ไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่มากมายแก่คุณในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วมีมูลค่าทางการตลาดมากนะคะ……”
ประธานเฉียนยกมือขึ้นเพื่อบ่งบอกให้หยุดพูด “ประธานเย่ ผมเป็นนักธุรกิจ ขอโทษด้วยนะ การลงทุนในปัจจุบันผมมองแต่ผลประโยชน์ระยะสั้นเท่านั้น”
“ก็ได้ค่ะ ประธานเฉียน งั้นพวกเราก็ชมนิทรรศการภาพวาดกันเถอะค่ะ!”
เย่หยุนซูอยากพยายามต่อ แต่ดูท่าทางของเฉียนกั๋วต้องเหมือนจะไม่สนใจแผนความร่วมมือของพวกเธอจริง ๆ หากคุยกันต่อไปคงจะทำให้เฉียนกั๋วต้องรู้สึกแย่เอาได้
“ภาพไม้ไผ่ของนักวาดเจิ้งป่านเฉียวในสมัยราชวงศ์ชิงสีหมึกจางไปหน่อยนะครับ!” เซียวหยางยิ้มพลางเดินเข้ามา
เฉียนกั๋วต้องหันกลับไปมองทันที ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบเจอกับผู้รู้!
“คุณรู้เรื่องภาพวาดด้วยเหรอ?”
ภาพวาดมีชื่อเสียงของที่นี่มีมากมาย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ระบุแหล่งที่มา คนที่สามารถมองออกได้เพียงชั่วพริบตาว่าเป็นผลงานของนักวาดเจิ้งป่านเฉียวสมัยราชวงศ์ชิง และสามารถมองจุดบกพร่องออกนั้น หาใช่คนธรรมดาไม่
เย่หยุนซูเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เซียวาหยาง นายมาที่นี่ได้ยังไง?”
เซียวหยางยังไม่ทันได้ตอบคำถาม ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น
“ประธานเฉียนครับ เขาต้องรู้อยู่แล้วล่ะครับ!” ชายสวมชุดสูทรูปร่างค่อนข้างเตี้ยแต่ดูฉลาดหลักแหลมคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาชื่อส้งจื่อ เป็นคู่แข่งอันดับหนึ่งของเย่หยุนซู เขามุ่งหวังที่จะได้ร่วมมือกับเฉียนกั๋วต้องด้วยเช่นกัน!
เฉียนกั๋วต้องพยักหน้า “ดูออกว่าพ่อหนุ่มคนนี้มีความรู้เกี่ยวกับภาพวาดโบราณ”
“ประธานเฉียนครับ คุณยังไม่รู้จักดีพอ คนนี้เป็นสามีของประธานเย่หยุนซู ขึ้นชื่อว่าเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงของเมืองหยินโจวชื่อว่าเซียวหยาง” ส้งจื่อพูดจาเย้ยหยัน
ในแววตาของเขามีรอยยิ้มแฝงอยู่ กำจัดคู่แข่งอย่างเย่หยุนซูเป็นเรื่องที่แทบไม่ต้องลงแรงอะไรเลย
เฉียนกั๋วต้องเป็นคนให้ความสนใจกับลักษณะนิสัยของผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก ถ้าเขารู้ว่าเย่หยุนซูเลี้ยงดูหนุ่มหน้าละอ่อน เกรงว่าเย่หยุนซูคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นคู่แข่งของส้งจื่อ
เฉียนกั๋วต้องขมวดคิ้วพลางมองเซียวหยาง แววตาที่ดูชื่นชมเมื่อครู่นี้เปลี่ยนเป็นเฉยชาทันที
ถ้าทำให้บริษัทเสียโอกาสที่ดีอย่างนี้ไปเพราะปัญหาของตัวเอง เย่หยุนซูคงยากที่จะปัดความผิดให้พ้นตัว
ดูเซียวหยางก็ไม่เหมือนผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกิน แต่ตอนนี้เฉียนกั๋วต้องสนใจเพียงแค่ภาพไม้ไผ่ภาพนี้เท่านั้น “คุณเซียวหยาง คุณว่าภาพไม้ไผ่นี้เป็นยังไง?”
“ประธานเฉียนอยากให้ผมดูอะไรล่ะครับ? ดูว่าเป็นของจริงหรือปลอมเหรอ?” เซียวหยางยิ้มพลางเอ่ยพูด พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป
เฉียนกั๋วต้องยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบกับผู้รู้ เขาอยากได้คำตอบจากเซียวหยาง แต่เซียวหยางกลับทิ้งคำตอบที่กำกวมเอาไว้แล้วจากไป ทำให้เฉียนกั๋วต้องยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก