บทที่ 12 กลั่นแกล้ง
ที่แท้ไอนี่นี่เองที่เป็นสามีไม่เอาถ่านของประธานเย่ ช่วงเช้าเขาไม่ได้เข้าทำงาน จึงยังไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จางเฉียงมีความรู้สึกดีต่อเย่หยุนซูมาเนิ่นนาน บ้านเขาไม่ขาดแคลนเงินทองแต่อย่างใด การที่เขาเลือกเข้าทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทเย่หยุนซู เพราะเย่หยุนซูเท่านั้น
“เหอะ ในเมื่อแกอยู่ในกำมือฉัน ฉันจะทรมานแกให้ตายไปข้าง”
เมื่อนึกถึงหญิงสาวที่ตนหมายปอง ต้องอยู่ร่วมชายคากับชายไม่เอาไหน จางเฉียงเลือดร้อนอยากจะเสยสักหมัดกับคนตรงหน้า
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นชนชั้นสูง จะทำตัวเหมือนคนระดับล่างไม่ได้
เขาจึงส่งสายตาอาฆาตไปยังเซียวหยาง
“คุณคือเซียวหยางสินะ พนักงานขายมาใหม่ใช่ไหม ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ไม่ต้องกังวลไป ผมจะดูแลคุณเอง ใช่สิ นั่งลงคุยกันเรื่องรถหน่อยไหม คุณกำลังใช้รถรุ่นไหนอยู่?”
จางเฉียงรู้แก่ใจดีว่าเซียวหยางเป็นลูกเขยแต่งเข้า ฐานะยากจน แต่ก็ไม่วายทำให้ เซียวหยางขายขี้หน้าต่อหน้าทุกคน
หากแต่เซียวหยางเพียงส่งยิ้มอ่อนๆ เสมือนไม่ได้ยิน ก่อนเดินหนีออกจากที่
“เหอะ อยู่ใต้บังคับบัญชาของฉันยังกล้าดีบังอาจ แกจะได้เห็นดี”
จางเฉียงไม่นึกเลยว่าเขาจะกล้าดีถึงเพียงนี้ แค่ไอ้กระจอกมีอะไรให้ชูคอกัน
ตลอดช่วงบ่าย แผนกฝ่ายขายใช้เวลาหมดไปกับการประชุม หลังจบการประชุมทุกคนรวมตัวกันเป็นกลุ่ม เมื่อเห็นเซียวหยางปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครทักทายเขาเลยแม้สักคน เสมือนตั้งใจกีดกันเขา
ในเวลานี้เอง จางเฉียงหัวเราะขึ้นมาพร้อมเอ่ย
“เซียวหยาง แม้วันนี้จะเป็นการทำงานวันแรกของคุณ ในเมื่อคุณมาทำงานแล้วก็ควรตั้งใจ”
จางเฉียงเผชิญหน้ากับเซียวหยางพร้อมเอ่ยเสริม “บริษัทมีโปรเจ็คใหม่ ที่คุณต้องรับผิดชอบ หากคุณทำไม่สำเร็จ ตามกฎของแผนกฝ่ายขายคุณจะถูกหักเงินเดือน”
จางเฉียงเริ่มวางแผนกลั่นแกล้งเซียวหยาง
“ได้” เซียวหยางตอบรักโดยไม่ใช้ความคิดแต่อย่างใด
จางเฉียงและคนอื่นๆต่างประหลาดใจกับคำตอบ
ทีแรกคิดว่าเซียวหยางจะปฏิเสธแท้ๆ ไม่คาดคิดเขากลับตอบรับอย่างรวดเร็ว
เวลาอันสั้น จางเฉียงเผยรอยยิ้มเย็นชา ฉันเอาแกตายแน่
“โอเค บริษัทกำลังค้นหาแบรนด์แอมบาสเดอร์ ตอนนี้บริษัทคุยอยู่กับหลายคน แต่ไม่สำเร็จสักราย ก่อนเลิกงานผมหวังว่าคุณจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับผม”
โปรเจ็คนี้ใช่ว่าจางเฉียงอุปมาอุปไมยขึ้นมาเอง หากแต่มีโปรเจ็คนี้อยู่จริงๆ
ทุกคนเมื่อได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม ต่างหวาดผวาไปตามๆกัน
บริษัทได้ส่งคนไปเจรจาแล้วหลายคน ต่างถูกขับไล่ไสส่ง บางคนถึงกับถูกโยนออกมา
“เป็นไง มีแผนการดีๆบ้างไหม?” จางเฉียงแขนทั้งสองข้างกอดอก พร้อมจับจ้องไปทางเซียวหยาง
ทุกคนในที่นี้ต่างรู้ดี จางเฉียงตั้งใจกลั่นแกล้งเซียวหยาง หากแต่ไม่มีใครกล้าออกนอกหน้า
เย่หยุนซูคิ้วขมวดเข้าหากัน คิดจะหักห้าม หากแต่เซียวหยางเอ่ยขึ้น
“แค่หาซุปเปอร์สตาร์สักคนก็พอใช่ไหม”
“หา! หาซุปเปอร์สตาร์สักคน?” บางคนถึงกับหัวเราะออกมา
“เซียวหยาง ตอนนี้เป็นเวลางาน ช่วยจริงจังหน่อย” จางเฉียงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ผมไม่ได้ล้อเล่น”
“หาซุปเปอร์สตาร์สักคนนี่ยังไม่ใช่การล้อเล่นหรือ?”
ขอเพียงแค่อยู่ในวงการ เรียกนักแสดงได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหนก็ตาม หากซุปเปอร์สตาร์นั้นต่างออกไป ต้องอยู่ระดับแถวหน้าเท่านั้นจึงจะเรียกดาราได้
ก่อนหน้านี้จางเฉียงใช้เส้นสายที่บ้าน แต่ก็ไม่สามารถหานักแสดงที่เหมาะสมที่จะมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับบริษัทได้!
แต่เซียวหยางกลับจะเชิญดารา?
“เซียวหยาง แกนี่เก่งกล้าจริงๆ ฉันอยากรู้จริงๆว่าแกจะมีปัญญาเชิญซุปเปอร์สตาร์มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้เราได้ยังไง!” หูเจียวเจียวกล่าวด้วยวาจาเหน็บแนม
“เหอะ ไอ้กระจอก หากไม่ใช่ประธานเย่ แกอดตายข้างถนนไปแล้ว ตอนนี้แกเก่งมากสินะ มาทำงานวันแรกกลับจะหาซุปเปอร์สตาร์มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์” พนักงานสาวคนหนึ่งประกาศด้วยสายตาเหยียดหยาม
“พอได้แล้ว ในเมื่อเซียวหยางตัดสินใจแล้ว เราก็รอผลงานแล้วกัน ตอนนี้คุณออกไปหาได้แล้ว ใช่สิ คุณไม่มีรถใช่ไหม?”
เสมือนว่าจางเฉียงคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “รถของบริษัทไม่เหลืออยู่เลย คุณต้องเรียกรถไปเองแล้วล่ะ แต่ถ้าหากเรียกรถ ค่ารถ บริษัทไม่ออกให้หลอกนะ”
เซียวหยางไร้ปัญหาใดๆ เขาเพียงเอ่ยขึ้น “ไม่ต้อง ผมโทรเรียกให้เธอมาที่นี่เลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า โทรเรียก? ให้ดารามาที่นี่?”
“แกตลกมากใช่ไหม?” จางเฉียงกล่าวอย่างโมโห
“ผมพูดจริง” เซียวหยางเอ่ยพลางยักไหล่
ขณะที่ทุกคนหัวเราะเยาะเขา เขาควักโทรศัพท์ออกมา ต่อสายหาใครบางคน