“ซื้อแล้วขายทิ้ง แล้วจะไปได้อะไร ในเมื่อมันนัดเจอเธอ งั้นก็ดี พวกเราไปด้วยกัน ฉันจะดูสิ ว่าไอ้เวรนี่มันจะใช้ลูกไม้อะไร!”
ตอนเที่ยง เซียวหยางไปรับเสิ่นอ้าวจุนที่ร้านไซซีบาร์บีคิวก่อน จากนั้นค่อยไปยังที่นัดหมาย
ยี่สิบนาทีผ่านไป ทั้งสองคนก็มาถึงปากทางถนนคนเดิน
ทั้งคู่เดินเข้าไปในถนนคนเดิน พบว่าเฉินเสี่ยวเปียวได้ยืนรออยู่ที่ทางเข้าแล้ว ตอนที่เขาเห็นเซียวหยางแวบแรก ดวงตาทั้งสองข้างก็มีประกายไฟแห่งความเคียดแค้นโผล่ออกมา
แน่นอนว่านอกจากความเคียดแค้นแล้ว ยังมีความหวาดกลัวที่เหมือนฝันร้ายอีกด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้เขารู้สึกตายทั้งเป็นจริง ๆ
หลังจากที่เขาออกมาแล้ว ก็รีบไปโรงพยาบาลทันที โชคดีที่บาดเจ็บแค่ผิวหนังด้านนอกเท่านั้น ไม่ได้มีโรคอะไรตามมา
ไอ้หมอนี่ ดูท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เมื่อลงมือขึ้นมา กลับโหดเหี้ยมจริง ๆ ตอนนี้ในท้องของเขายังมีกลิ่นน้ำยาล้างห้องน้ำอยู่เลย
เฉินเสี่ยวเปียวกระตุกมุมปาก พยายามทำท่ายิ้มเล็กน้อย
เซียวหยางเห็นไอ้เวรนี่ ก็เดินเข้าไปหาอย่างคนคุ้นเคยทันที เซียวหยางตบไหล่เขาพลางเอ่ยทักทายอย่างคุ้นเคย :
“เสี่ยวเปียว เจอกันอีกแล้วนะ ไม่เจอกันแค่วันเดียว รู้สึกเหมือนไม่เจอกันมาหลายปีเลย”
เฉินเสี่ยวเปียวหมดคำพูดทันที แม่งมรึงสิ กูไม่อยากเห็นหน้ามึงโว้ย ชั่วชีวิตนี้กูไม่อยากเจอมึงอีกแล้ว
เสิ่นอ้าวจุนกะพริบดวงตาที่แววใสของเธอ แล้วมองเซียวหยางด้วยความไม่เข้าใจ ท่าทีของเขาดูไม่เหมือนกับเมื่อคืนเลยนี่นา เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
“เสี่ยวเปียว วันนี้แกจะเลี้ยงข้าวพวกเรา มีเรื่องอะไรจะพูดกับเรางั้นเหรอ?” เซียวหยางยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา ดูยังไงก็เหมือนมีมีดซ่อนอยู่ในรอยยิ้มนั้น
อย่างน้อยเฉินเสี่ยวเปียวก็คิดอย่างนี้แล้วกัน แต่เมื่อนึกได้ว่าวันนี้เขามีผู้ช่วยมาด้วย จึงรู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันที
“เรียกพวกแกมา หลัก ๆ คือต้องการเจรจา แฮ่กแฮ่ก เจรจาเรื่องบ้าน”
เขาอุตส่าห์เตรียมคำพูดข่มขู่มาทั้งคืน แต่เมื่อเห็นเซียวหยาง กลับอึ้งไปจนพูดไม่ออกสักคำ
เมื่อคืนเซียวหยางทำร้ายเขาเกินไปจริง ๆ ทำร้ายหัวใจที่แสนเปราะบางของเขาอย่างแสนสาหัส เมื่อนึกถึงวิธีการที่โหดเหี้ยมของเซียวหยาง คำพูดข่มขู่ทั้งหมดที่คิดมาก็หายไปจนหมดสิ้น
“เรื่องบ้าน? ไม่ใช่เจรจากันเรียบร้อยแล้วเหรอ แกเซ็นชื่อประทับตราไปแล้ว หรือว่าคิดจะกลับคำ?”
สีหน้าของเซียวหยางมองเขาอย่างไม่เป็นมิตร เฉินเสี่ยวเปียวรีบโบกปัดมือแล้วเอ่ยพูด : “ไม่ ไม่ใช่คิดจะกลับคำ ก็แค่อยากเจรจา เจรจาเฉย ๆ”
“อยากเจรจาใช่ไหม งั้นอย่างน้อยแกก็ต้องแสดงความจริงใจหน่อยสิ จะยืนคุยธุระกันที่นี่หรือไง?”
เฉินเสี่ยวเปียวอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วแอบดูเวลา ลุงเขามีประชุมกะทันหัน ต้องรออีกครึ่งชั่วโมงถึงจะมา ไม่ได้ ต้องจับพวกมันให้อยู่หมัดก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“เหอะเหอะ งั้นพวกเราเข้าไปคุยกันด้านใน ครั้งนี้ถือว่าฉันเลี้ยงแล้วกัน”
เซียวหยางเลิกคิ้ว “ก็ดี ชอบความใจกว้างของแกจริง ๆ งั้นแกต้องเลี้ยงพวกเราดี ๆ หน่อยนะ”
“ได้ ได้ ไม่มีปัญหา ฉันจัดการเอง”
เฉินเสี่ยวเปียวคิดดีแล้ว ไว้รอให้ลุงเขามาถึง ปัญหาเรื่องบ้านต้องสามารถแก้ไขได้แน่นอน ถึงตอนนั้นดูสิว่าพวกมันจะร้องไห้กันขนาดไหน เหอะ!
แต่เสียดายเงินในกระเป๋าตัวเองจริง ๆ ต้องมาเลี้ยงมื้อใหญ่พวกมัน แม่งเอ้ย ช่างแม่ง วันนี้ไม่เสียเลือดเลยก็คงจะไม่ได้
เซียวหยางกดแขนเฉินเสี่ยวเปียว แล้วเลี้ยวโค้ง มายังร้านอาหารร้านหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ ตอนที่เห็นป้ายร้านอาหาร เฉินเสี่ยวเปียวก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีทันที
“ร้านอาหารฝรั่งเวิร์น เครือร้านอาหารระดับไฮเอนด์แห่งเมืองหยินโจว ค่าใช้จ่ายต่ำสุดก็ห้าพันขึ้นไป!”
ไอ้เวรนี่ ต้องการขูดเลือดขูดเนื้อตัวเองชัด ๆ
เมื่อเข้าไปในร้านร้านอาหารฝรั่งเวิร์น เซียวหยางก็กวักมือเรียกพนักงานอย่างเป็นมิตรเพื่อสั่งอาหาร
“เสี่ยวเปียว ในเมื่อแกจริงใจขนาดนี้ พวกเราจะทำให้แกเสียน้ำใจไม่ได้ถูกไหม”
“เหอะเหอะ ใช่ ใช่……” เฉินเสี่ยวเปียวปากตอบตกลง แต่ในใจกลับด่าพ่อล่อแม่
“อ้าวจุน เธอชอบทานอะไร ฉันช่วยเธอสั่งดีไหม?” เซียวหยางเงยหน้ามองเสิ่นอ้าวจุน
“นายสั่งเถอะ ฉันทานอะไรก็ได้”
เซียวหยางนั่งไขว่ห้าง ลูบคางแล้วเอ่ยพูด : “ก็ได้ งั้นฉันสั่งของถูก ๆ มาสักสองสามอย่างแล้วกัน จะให้เสี่ยวเปียวเสียเลือดเสียเนื้อไม่ได้ ไม่งั้นเกรงใจแย่เลย”
เฉินเสี่ยวเปียวดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ทันใดนั้นก็รู้สึกสงบจิตสงบใจขึ้นเยอะเลย ดูท่าไอ้หมอนี่ยังมีน้ำใจอยู่บ้าง
แต่ประโยคถัดไปของเซียวหยาง กลับทำให้เฉินเสี่ยวเปียวแทบจะล้มลงไปอยู่ใต้โต๊ะ
“พนักงาน กุ้งมังกรออสเตรเลียหนักถึง 1.5 กิโลกรัมไหม เอามาสามตัวก่อนแล้วกัน”
แม่งเอ้ย มาถึงก็สั่งกุ้งมังกรออสเตรเลียสามตัวเลย เงินห้าพันหายวับไปกับตา
เสิ่นอ้าวจุนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเล็กน้อย เซียวหยางคิดจะทำให้เฉินเสี่ยวเปียวล้มละลายเลยนะเนี่ย
“เนื้อวากิวญี่ปุ่นเอามาให้ผมสองที่ แล้วก็หอยเป๋าฮื้อสามตัวครึ่งกิโลกรัม เอามาสองจานครับ”
เฉินเสี่ยวเปียวปากพะงาบ ๆ เอ่ยพูดออกมาอย่างยากลำบาก : “พอแล้ว พอแล้ว สั่งเยอะเดี๋ยวกินไม่หมดนะ”
“นี่เพิ่งสั่งไปสามอย่างเองจะไปพอได้ยังไงล่ะ วันนี้ถ้าไม่สั่งสักแปดอย่างสิบอย่าง จะเป็นการดูถูกสหายเฉินเสี่ยวเปียวเอาได้ แกว่าฉันพูดถูกไหมล่ะ?”
เฉินเสี่ยวเปียวหัวเราะแห้ง ๆ แต่ก็ไม่กล้าโต้เถียง ทำได้แค่พยักหน้าอย่างจนใจ
“จริงสิ ร้านพวกเธอมีปลิงทะเลใช่ไหม เอาปลิงทะเลมาสักสองสามจาน”
เซียวหยางชี้นิ้วไปมาบนเมนูอาหาร ทุกครั้งที่พูดชื่อเมนูอาหารออกมา หัวใจของเฉินเสี่ยวเปียวก็เหมือนถูกมีดกรีดหนึ่งครั้ง
สุดท้าย เซียวหยางได้สั่งอาหารไปแปดอย่างถึงจะยอมหยุด
ในที่สุดเฉินเสี่ยวเปียวก็ได้ถอนหายใจยาว ๆ อย่างโล่งอก เหงื่อเย็นที่อยู่บนหน้าผากผุดออกมาแล้ว ในที่สุดไอ้เวรนี่ก็สั่งเสร็จสักที
และในขณะนั้นเอง จู่ ๆ เซียวหยางก็ตบขาขึ้นมา
“ไอ้หยา ลืมเรื่องหนึ่งไปเลย!”
เสิ่นอ้าวจุนถามอย่างสงสัย : “ลืมเรื่องอะไรเหรอ?”
“ฉันยังไม่ได้สั่งเครื่องดื่มเลย ออกมาทานข้าวจะไม่ดื่มเหล้าได้ไงล่ะ พนักงาน เอาเมนูเครื่องดื่มมาหน่อย”
เฉินเสี่ยวเปียวกำลังจะดื่มน้ำเปล่าเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่เมื่อเซียวหยางพูดออกมาอย่างนี้ น้ำที่เขาดื่มก็พุ่งออกมาจากปากทันที
แม่งเอ้ย ยังไม่จบไม่สิ้นอีกเหรอ ไอ้เวรนี่คิดจะเอาให้ตัวเองหมดตัวเลยใช่ไหม?
เซียวหยางพูดพลางโบกมือ : “ไม่ต้องแล้ว เครื่องดื่มเอาเป็นโรมาเน กองติ มาหนึ่งขวดแล้วกัน เอาขวดที่ผลิตปี 1989 ราคาสามหมื่นนะ”
พรวด!!!
ในที่สุด เสิ่นอ้าวจุนก็อดไม่ไหวจนหัวเราะออกมา
ส่วนเฉินเสี่ยวเปียว แทบจะหยิบเอามีดและส้อมที่อยู่บนโต๊ะอาหารมาหั่นเซียวหยางออกเป็นชิ้น ๆ
ไวน์ขวดละสามหมื่นหยวน แม้แต่กูยังไม่เคยดื่มเลย อาหารพวกนี้รวมกับไวน์โรมาเน กองติ หนึ่งขวด อย่างน้อยก็หกเจ็ดหมื่นหยวนเลยนะ
เมื่อวานบ้านของตัวเองแม่งเพิ่งขายไปในราคาแค่หกหมื่นหยวน!
ดีจริง ๆ เอาเงินที่ตัวเองขายบ้านได้เมื่อวาน มาเลี้ยงพวกมึงกิน ๆ ดื่ม ๆ จนหมดเลยใช่ไหม?
“ห้ามโกรธ ห้ามโกรธเด็ดขาด ฉันต้องอดทน ต้องอดทนเข้าไว้!”
เฉินเสี่ยวเปียวแอบบอกตัวเองตลอด ว่าให้อดทนเดี๋ยวก็ผ่านพ้นไป ไว้รอลุงมาถึง มีลุงคอยหนุนหลัง ถึงตอนนั้นไอ้สองคนนี่ไม่รอดแน่!
แม่งเอ้ย ยังมีเสิ่นอ้าวจุนอีกคน ไว้รอจัดการเซียวหยางแล้ว จะหาโอกาสไปงัดบ้านของหล่อน จะต้องให้หล่อนได้เห็นความเก่งกาจของสว่านไฟฟ้าที่ไร้เทียมทานของตัวเองแน่นอน!
เพื่อแก้แค้น เฉินเสี่ยวเปียวจึงได้แต่อดทน เหมือนเต่านินจาเลยก็ว่าได้!
ผ่านไปสักพัก อาหารและไวน์ก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เซียวหยางเปิดไวน์อย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด แล้วรินไวน์ให้พวกเขาทั้งสองคน
“มา มา ไม่ต้องเกรงใจ ชนแก้ว!”
เซียวหยางยืดคอขึ้น ยกไวน์หนึ่งแก้วดื่มจนหมดในอึกเดียว
เฉินเสี่ยวเปียวมองไวน์ แล้วแทบจะร้องไห้โดยไร้น้ำตา เขาเสียดายของจริง ๆ
ไวน์แก้วนี้ อย่างน้อยก็ราคาสามพันหยวน
นี่เรียกว่าดื่มไวน์ที่ไหนกันล่ะ นี่กำลังดื่มเลือดของเขาอยู่ชัด ๆ!