“ยาอะไร?”
“บัวหิมะเทียนซาน!”
ตอนนั้นที่เซียวหยางเขียนสูตรยาให้กับอู๋จื้อเหวิน มีบัวหิมะเทียนซานจริง ๆ นั่นแหละ และบัวหิมะเทียนซานเป็นตัวยาหลักด้วย ไม่สามารถใช้อะไรมาแทนได้
เซียวหยางส่ายหน้า “ถ้าหากหาบัวหิมะเทียนซานไม่ได้ งั้นเรื่องนี้ก็จัดการลำบากแล้วล่ะ”
อู๋จื้อเหวินเป็นห่วงอาการป่วยของภรรยา ถ้าหากหาไม่ได้จริง ๆ งั้นตระกูลอู๋คงต้องสูญสิ้นแน่นอน
แต่โชคดี ที่เขายังมีความหวังสุดท้าย
“พี่หยางครับ พวกเราหาร้านขายยาในเมืองหยินโจวและเมืองรอบ ๆ จนทั่ว สุดท้ายพบว่าสามารถหายาตัวนี้ได้จากโรงยาฉางโซ่วในเมืองฉินโจว”
เซียวหยางหมดคำพูดทันที “ในเมื่อหาได้แล้ว จะกังวลทำบ้าอะไรล่ะ”
“แต่ว่าเขา……เขาไม่ขายน่ะสิ”
“ไม่ขาย เพราะอะไร?” เซียวหยางเอ่ยถาม
อู๋จื้อเหวินจึงอธิบาย “ลูกสาวของเถ้าแก่ป่วยเป็นโรคประหลาด หาหมอชื่อดังหลายคนมารักษาก็ไม่ได้ผล ต่อมาลูกสาวของเขาอาการหนักจนไม่ไหวแล้ว เขาเลยเอาบัวหิมะเทียนซานมาเป็นของรางวัล ใครสามารถรักษาอาการป่วยของลูกสาวเขาได้ เขาก็จะมอบบัวหิมะเทียนซานให้เป็นรางวัล”
ที่จริงบัวหิมะเทียนซานหายากมาก ไม่อย่างนั้นตระกูลอู๋ที่ยิ่งใหญ่ เส้นสายกว้างขวาง ตามหามาหลายวันจะหาไม่ได้ได้ยังไงกัน
เถ้าแก่โรงยาฉางโซ่วรู้ดีกว่าบัวหิมะเทียนซานเป็นของล้ำค่า จึงได้เอามันมาเป็นของรางวัล
“แค่กแค่ก พี่หยาง พี่ว่าเรื่องนี้……”
ที่จริง อู๋จื้อเหวินอยากให้เซียวหยางไปลองดูสักครั้ง เพื่อเอาบัวหิมะเทียนซานกลับมา
แต่เขาไม่กล้าเอ่ยปากขอร้อง
เซียวหยางมองความคิดของเจ้าหมอนี่ออก จึงโบกปัดมือแล้วเอ่ยพูด : “เอาล่ะ ฉันจะไปดูสักครั้งเพื่อช่วยนาย”
อู๋จื้อเหวินโล่งใจขึ้นมาทันที ร้องเรียกอย่างดีใจ : “งั้นก็ดีมากเลยครับ อาหุยคนขับรถของผมอยู่ด้านนอกพอดี หากพี่มีเวลาพวกเราก็ไปกันตอนนี้เลย”
“นายรอฉันเดี๋ยวนะ ฉันขอโทรศัพท์ก่อนแล้วพวกเราค่อยไปกัน”
เซียวหยางโทรศัพท์ไปหาเย่หยุนซู ขอลางานเธอครึ่งวัน จากนั้นก็โทรศัพท์ไปหากาเบรียล ให้เขาไปคอยดูแลปกป้องเย่หยุนซูที่บริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ป
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวหยางจึงออกมาด้านนอก แล้วขึ้นไปนั่งบนรถโรลส์รอยซ์ที่สีแสบตาคันนั้น
อาหุยขับรถได้นิ่งและเร็วมาก ขับมุ่งหน้าไปยังเขตนอกเมือง
“บริเวณรอบเมืองฉินโจวมีเทือกเขามากมาย อุดมไปด้วยตัวยาหลากหลายชนิด เครื่องยาของร้านยาจีนมากมายในเมืองหยินโจว ล้วนส่งมาจากเมืองฉินโจวทั้งนั้น
บนรถ อู๋จื้อเหวินเริ่มแนะนำข้อมูลท้องถิ่นของเมืองฉินโจวให้เขาฟัง
ที่เมืองฉินโจวมีร้านเก่าแก่ดั้งเดิมอายุนับร้อยปีอยู่ร้านหนึ่ง ชื่อว่าโรงยาฉางโซ่ว
โรงยาฉางโซ่วเป็นร้านยาจีนที่ใหญ่สุดในเมืองฉินโจว เถ้าแก่ชื่อว่าเซ่หงถู เขายังมีฉายาด้วย ราชาแห่งยาของเมืองฉินโจว!
“คนคนนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงและภูมิหลัง มีลูกน้องที่คอยช่วยเก็บตัวยามากมาย มีเส้นสายทั้งในวงการมาเฟียและข้าราชการ พวกเราไปแล้วต้องระวังตัวหน่อยนะ ยังไงก็อยู่ในที่ของคนอื่น”
เซียวหยางไม่ปริปากพูดอะไร ผ่านไปสองชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงโรงยาฉางโซ่วในเมืองฉินโจว
อาหุยจอดรถเรียบร้อยแล้ว เซียวหยางกับอู๋จื้อเหวินก็เดินลงมา จึงได้เห็นว่าประตูทางเข้าด้านนอกของโรงยาฉางโซ่ว ถูกปิดล้อมอย่างแน่นหนา เต็มไปด้วยผู้คน
เซียวหยางเบียดเข้าไปในกลุ่มคน เห็นที่หน้าประตูมีชายร่างกายกำยำยืนอยู่สองคน กวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร ส่วนผนังด้านข้างมีกระดาษปิดประกาศอยู่
เป็นประกาศของรางวัล!
“ลูกสาวของเซ่หงถูป่วยหนัก จำเป็นต้องหาหมอชื่อดังมารักษาด่วน หลังจากรักษาหายแล้วจะได้เงินรางวัลกว่าสิบล้านหยวน บัวหิมะเทียนซานหนึ่งหัว ถ้าหากอีกฝ่ายยังโสด ยินดียกลูกสาวให้แต่งงานกับหมอเทวดา”
เซียวหยางเปล่งเสียงออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
“เงินสดสิบล้านกับบัวหิมะเทียนซานก็ถือว่าพอแล้ว นี่รักษาหายแล้วยังจะยกลูกสาวให้แต่งงานกับคนอื่นอีก ใจกว้างได้ขนาดนี้ ดูท่าทางอาการป่วยของลูกสาวเซ่หงถูคงหนักมากเลยนะเนี่ย”
ขณะนั้นเอง หมอคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เซียวหยางมีท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือ อยากแกะเอาใบประกาศลงมา
หมอคนนี้หน้าตาดูดี สวมแว่นตากรอบสีทอง มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นนักเรียนหมอ
“เจ้าหนุ่ม อย่าวู่วามสิ แกะใบประกาศรางวัลออกนั่นเท่ากับแลกด้วยชีวิตเลยนะ”
“หมายความว่ายังไง?”
“ถ้าหากนายแกะใบประกาศออก ถ้ารักษาอาการป่วยของคุณหนูไม่ได้ นายก็จะรักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ได้เหมือนกัน!”
หนุ่มหน้าละอ่อนสีหน้าดูแย่ขึ้นมาทันที “คุณลุง คุณอย่าขู่ผมสิ ผมไปรักษาคนป่วย พวกเขาจะกล้าลงมือเหรอ?”
“ชิ นายเพิ่งมาล่ะสิ ไม่เห็นเหรอว่าเมื่อกี้เข้าไปกี่คน แต่ละคนพูดโม้ว่าตัวเองเก่งกาจขนาดไหน ปริญญาเอกแพทยศาสตร์เอย จบจากเมืองนอกเอย มีผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนอายุหกสิบกว่าปีอีกคนหนึ่งด้วย สุดท้ายผลเป็นไงล่ะ ถูกซ้อมจนขาหักแล้วจับโยนออกมา!”
“ถูกซ้อมขาหัก? ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
คุณลุงเอ่ยพูดอย่างจริงใจ : “ฉันเห็นว่านายอายุยังน้อย ไม่อยากให้เข้ามาพัวพัน ถึงแม้ลูกสาวตระกูลเซ่จะอยู่สวย แต่นายต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเสพสุขซะก่อน”
ชายหนุ่มได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น จึงได้ล้มเลิกความคิดไป
และในขณะนั้นเอง ชายหนุ่มก็พบว่ามีคนที่อายุเท่า ๆ กับตัวเองคนหนึ่ง เดินไปข้างหน้า ยื่นมือไปดึงใบประกาศลงมา
เขาอยากขัดขวางแต่ไม่ทันการเสียแล้ว คุณลุงคนนั้นได้แต่แสยะยิ้มออกมา “หึ หาเรื่องใส่ตัวอีกคนหนึ่งแล้ว”
คนที่ดึงใบประกาศไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเซียวหยางนั่นเอง
เซียวหยางดึงใบประกาศรางวัลออกมาแล้วเดินไปยื่นให้ข้างหน้า มองชายร่างกำยำทั้งสองคนนั้นแล้วเอ่ยพูดว่า : “อาการป่วยนี้ผมจะรักษาเอง พาผมเข้าไปเถอะ”
เสียงเปิดประตูดังขึ้น!
คนที่อยู่ทั่วบริเวณโรงยาฉางโซ่วต่างพากันเงียบ แล้วจับจ้องไปที่เซียวหยาง
ไอ้หมอนี่ไม่กลัวตายเลย ไม่ได้ยินที่พวกเขาพูดกันหรือไง รักษาไม่หายต้องถูกซ้อมจนขาแข้งหัก
อีกอย่าง เซียวหยางดูท่าทางอายุน้อยมาก คนที่เรียนแพทย์มาต่างรู้กันดี ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนจีนหรือแผนปัจจุบัน ต้องยิ่งอายุมากถึงจะยิ่งเก่ง ทักษะทางการแพทย์ก็ยิ่งยอดเยี่ยม
ในที่นี้มีหมอชื่อดังมากมาย ต่างก็คิดว่าทักษะการแพทย์ของตัวเองสูสีกับคนอื่น พวกเขาต่างไม่ดึงใบประกาศลงมา แล้วไอ้หนุ่มที่ขนยังขึ้นไม่เต็มนี่มีสิทธิ์อะไร?
เซียวหยางไม่สนใจคนพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่มองแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับชายร่างกำยำสองคนนั่น
หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งชำเลืองมองเซียวหยางด้วยสายตาดูถูก แล้วหมุนตัวเดินเข้าไปรายงาน ส่วนชายร่างกำยำอีกคนได้แสยะยิ้มออกมา แล้วเริ่มรู้สึกสงสารเซียวหยางขึ้นมา
เขามั่นใจว่าเซียวหยางไม่ต่างจากคนพวกนั้นเมื่อครู่นี้ ต่างก็มาเพื่อเงินรางวัลและความสวยของคุณหนู
ผ่านไปไม่นาน ด้านในก็มีเสียงฝีเท้าเล็ดลอดออกมา คนที่เดินนำหน้าคือชายวัยกลางคนสวมชุดจงซาน อายุประมาณสี่สิบห้าปี ผิวหน้าแดงอมชมพูดูสุขภาพดี สดชื่นกระปรี้กระเปร่า
แต่ในขณะเดียวกันเขากลับมีสีหน้าที่เคร่งขรึม แววตาแฝงไปด้วยความเย็นชา
ทุกคนต่างพากันเงียบลงอย่างรวดเร็ว คนคนนี้ก็คือเซ่หงถู ราชาแห่งยาของเมืองฉินโจวนั่นเอง!
คนเดียวแทบจะผูกขาดตลาดยาทั้งหมดของเมืองฉินโจว ไม่ว่าจะในธุรกิจมืดหรือทางราชการต่างมีเส้นสาย มีฐานะร่ำรวยกว่าร้อยล้าน เรียกได้ว่าเป็นราชาแห่งเมืองฉินโจว
เซ่หงถูกวาดตามองคนที่อยู่ด้านล่าง แต่ละคนไม่กล้าสบตาเขาเลย แต่เซียวหยางกลับยิ้มแล้วมองเขา ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
“นายคือคนที่ดึงใบประกาศรางวัลเหรอ?”
“ผมเองครับ”
เซ่หงถูพูดอย่างเคร่งขรึมว่า : “นายน่าจะได้ยินกฎเกณฑ์ของฉันแล้ว ถ้ารักษาหายจะมีรางวัลอย่างงาม แต่ถ้านายรักษาไม่หาย กล้าเล่นตุกติกกับฉัน ฉันคงต้องทำอะไรสักหน่อย”
ที่จริงเขาทำใบประกาศรางวัลขึ้นมา จุดประสงค์คือเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์มารักษาอาการป่วย
แต่เงื่อนไขที่เขาเสนอล่อตาล่อใจคนเกินไป จึงมักมีแต่พวกหมอที่ไม่เต็มบาทมาฉวยโอกาส ประตูโรงยาฉางโซ่วของเขาไม่ใช่ว่าใครจะเข้ามาก็ได้
เซ่หงถูเห็นว่าเซียวหยางอายุยังน้อย จึงคิดว่าเป็นแค่ไอ้หนุ่มที่เข้ามาฉวยโอกาสอีกคนหนึ่ง