บทที่ 26 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ชายไตพร่อง?
สีหน้าจ้าวฟางสงเปลี่ยนไปกะทันหัน เซียวหยางแกกล้าดียังไง แม่งเป็นความผิดแกนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ทิ้งความทรงจำให้เย่หยุนซูว่ากูเป็นคนไตพร่องหรอก
“เซียวหยาง นายพูดงี้ได้ไง?” เย่หยุนซูขมวดคิ้ว พูดอธิบายอย่างกระอักกระอ่วน
“ประธานจ้าว คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร คุณเซียวมีอารมณ์ขันจริงๆ นะเนี่ย”
จ้าวฟางสงกัดฟันยิ้มพูดขึ้น “ในเมื่อคุณเซียวกลับมาแล้ว ฉันจองห้องวีไอพีที่โรงแรมตี้เหาไว้แล้ว เราไปกันเลยดีกว่า”
“ประธานจ้าว เราไปหาอะไรกินกันข้างล่างบริษัทดีกว่า ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก”
“หยุนซู เธออย่าสงสัยความจริงใจของฉันเลยนะ คราวที่แล้วฉันกับคุณเซียวเข้าใจผิดกัน หวังว่าครั้งนี้จะคลี่คลายปม คุยกันดีๆ”
จากนั้นจ้าวฟางสงก็มองไปที่เซียวหยาง เค้นยิ้มออกมานิดหน่อย
เซียวหยางยักไหล่สักหน่อย “ฉันยังไงก็ได้”
“งั้นก็ดี เราลงไปกันเถอะ”
ทุกคนเดินมาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดิน รถบีเอ็มดับเบิลยูเอาไปซ่อมแล้ว ทำได้แค่นั่งรถของ จ้าวฟางสง
จ้าวฟางสงเปิดประตูเบาะผู้โดยสารอย่างสุภาพ ยิ้มให้กับเย่หยุนซู ราวกับส่งสัญญาณให้นั่งเบาะผู้โดยสาร
ในขณะนี้ เซียวหยางก็เปิดประตูเบาะหลังทันที ดึงมือสวยของเย่หยุนซู ทั้งคู่นั่งเบาะหลังด้วยกัน
หัวใจเย่หยุนซูเต้น รีบชักมือออก แล้วเหลือบมองเซียวหยาง
จ้าวฟางสงเห็นเย่หยุนซูไม่สนใจตน แถมยังนั่งเบาะหลังกับเซียวหยาง อารมณ์ขุ่นมัวมาก
เขามองเซียวหยางผ่านกระจกมองหลัง มุมปากเผยยิ้มร้ายกาจที่ยากจะสังเกต รอก่อนเถอะ คืนนี้กูจะสั่งสอนมึง!
ออกจากโรงรถมา จ้าวฟางสงแสดงให้เห็นถึงทักษะการสื่อสารอย่างเต็มเปี่ยมในฐานะที่เขาเป็นประธาน สร้างบรรยากาศตลอดเวลา แค่เย่หยุนซูและเซียวหยางตอบสนองเชิงสัญลักษณ์ไม่กี่ประโยค บรรยากาศก็ยิ่งแปลก
จ้าวฟางสงขับปอร์เช่ คาเยนน์ ขับไปขับมา ก็ขับเข้าไปในซอยเล็กที่ห่างไกล
ไฟถนนสีเหลืองสลัวกะพริบไม่หยุด แทบไม่มีคนเดินเลย เย่หยุนซูคิดว่าเขาอยากใช้ทางลัดไปโรงแรมตี้เหาเลยไม่ได้พูดอะไร
แต่จู่ๆ รถของจ้าวฟางสงก็หยุดลง
“ทำไมจอดรถ?” เย่หยุนซูถามขึ้น
“มีคนข้างหน้าขวางถนน”
จ้าวฟางสงอธิบายประโยคเดียว ในใจแอบดีใจ
ในที่สุดก็มาแล้ว
ด้านหน้าปอร์เช่ คาเยนน์ มีชายสี่คนสักลายมังกรและเสือ ตัดผมเกรียน ในมือถือท่อเหล็กสังกะสี ใบหน้าดุร้าย แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี
พวกมันจ้องมองเข้ามาในรถอย่างหยอกล้อ
เย่หยุนซูขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าจะเจอพวกนักเลงไปทุกที่
“เซียวหยาง โทรแจ้งตำรวจ” เย่หยุนซูพูดขึ้นเรียบๆ อย่างไรแล้วนี่ก็เป็นสังคมภายใต้กฎหมาย ตำรวจมาทุกอย่างก็จะคลี่คลาย
“อย่าเพิ่งโทรแจ้งตำรวจ ดูก่อนว่าพวกมันจะทำอะไร?”
จ้าวฟางสงห้ามทันที
ล้อเล่นหรือเปล่า โทรแจ้งตำรวจแล้วเขาจะเสแสร้งอย่างไร ความจริงแล้วทุกอย่างนี้เขาเป็นคนจัดเตรียมขึ้นมา
เขาขอให้หลิวเฉียงหานักเลงสองสามคนในสังคม ถึงตอนนั้นจะหาโอกาสเล่นงานเซียวหยางแรงๆ จากนั้นตัวเองก็เป็นฮีโร่ออกไปช่วยสาวสวย
ยิงปืนทีเดียวได้นกสองตัว ทำสิ่งเดียวได้ผลประโยชน์สองเด้ง
สถานที่ที่พวกเขานัดกันคือซอยเล็กๆ ซอยนี้ จ้าวฟางสงให้นักเลงพวกนี้แสร้งเป็นโจร เซียวหยางออกไปก่อน หลังจากจัดการมันอย่างรุนแรงแล้ว เขาถึงค่อยออกโรง
และเพื่อการแสดงที่สมบูรณ์แบบ เขายังกำชับหลิวเฉียงเป็นพิเศษว่าลงมืออย่างไร ให้อีกฝ่ายร่วมมืออย่างละเอียด
เขารู้สึกว่าทำไมตัวเองไม่เป็นผู้กำกับ แม่งไม่ได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่
ถึงแม้จ้าวฟางสงจะไตพร่อง แต่เขาก็ฝึกเทควันโดมาตั้งแต่เด็ก ทักษะกังฟูก็มี
ท่าเทควันโดงดงามมาก เป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างแน่นอน
ทักษะที่ดีที่สุดของเขาคือขากรรไกรคร่าชีวิต
เคล็ดลับนี้ยากมาก ต้องอาศัยความร่วมมือของคน ก่อนหน้านี้หลิวเฉียงบอกเขาว่า คนสวมเสื้อกั๊กลายดอกไม้หนึ่งในนี้จะเป็นคนร่วมมือกับเขา
แต่จ้าวฟางสงมองไปรอบๆ พบว่าในสี่คนนี้ ไม่มีคนสวมเสื้อกั๊กลายดอกไม้สักคน นี่มันแปลกแล้ว
เขาก็ไม่ได้คิดมาก มันถึงเวลาแล้ว เดาว่าคนสวมเสื้อกั๊กคงมีธุระมาไม่ได้แล้ว หรืออาจจะไปห้องน้ำก็ได้ ใครจะสนเขาล่ะ
จ้าวฟางสงเผยสีหน้าเคร่งขรึม หันตัวไปพูดกับเย่หยุนซู
“หยุนซู เธอรออยู่บนรถดีๆ นะ เรื่องแบบนี้ ให้พวกผู้ชายอย่างเราจัดการดีกว่า ฉันฝึกเทควันโดมาตั้งแต่เด็กๆ นักเลงพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาหรอก เซียวหยาง อย่ามัวแต่อึ้ง ลงรถไปดูกับฉัน”
เซียวหยางกะพริบตา และไม่ได้พูดอะไร เปิดประตูรถลงไป
วัยรุ่นว่างงานคนหนึ่งที่คีบบุหรี่เดินมาข้างหน้า มองมาทางจ้าวฟางสงอย่างหยอกล้อ
“พี่ชาย ขอยืมเงินมาใช้หน่อยสิ”
จ้าวฟางสงแอบดีใจ แอบคิดว่าแสร้งทำได้เหมือนจริงๆ
แต่แกผิดเป้าหมายหรือเปล่า ไม่ใช่ตกลงกันว่าให้เล็งเป้าไปที่เซียวหยางหรอกเหรอ ทำไมต้องการเงินจากฉัน
จ้าวฟางสงยังคงขยิบตาให้เขา
“แกแม่งป่วยเหรอวะ ขยิบตาให้ฉันทำไม ฉันขอยืมเงินแกมาใช้เนี่ยได้ยินไหม?” วัยรุ่นว่างงานตะโกนเสียงดุ
จ้าวฟางสงกระอักกระอ่วน ในใจแอบด่า หลิวเฉียงไอ้งี่เง่า จัดการยังไงของมัน แม้แต่สัญญาณลับแม่งก็ไม่ถูกต้อง
คิดสักพักหนึ่ง ไม่ได้การ ต้องให้เซียวหยางไปจัดการก่อน ไม่อย่างนั้นการแสดงจะไม่ดำเนินต่อไป
“เซียวหยาง พวกนี้นายจัดการแล้วกัน”
เซียวหยางสนุกทันที พูดขึ้น “ประธานจ้าว คุณเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าเรียนเทควันโดมา ฉันไม่เก่งเท่าคุณอยู่แล้วอ่ะ”
จ้าวฟางสงยังอยากพูดอะไร ไม่คิดว่านักเลงพวกนี้มันจะอารมณ์ร้ายเช่นกัน
“มึงแม่งเรียนเทควันโดนมาใช่ปะ กูจะดูสักหน่อยว่ามึงทำอะไรได้บ้าง”
ขณะที่พูด วัยรุ่นว่างงานที่คีบบุหรี่ก็เดินมาหาจ้าวฟางสง อีกสามคนก็พุ่งเข้ามาหาจ้าวฟางสงอย่างก้าวร้าว
“เฮ้ พวกแกจะทำอะไร?” จ้าวฟางสงโกรธจนกัดฟันกรอด แม่ง นี่มันใครวะ หลิวเฉียงไอ้โง่เอ๊ย ไม่คิดว่าจะไปเอาแก๊งสมองพิการมาจริงๆ
แต่มีความเป็นไปได้อีกหนึ่งอย่าง แผนการอาจจะเปลี่ยนแปลงชั่วคราวก็ได้ อีกฝ่ายแอบส่งสัญญาณว่าตัวเองเริ่มก่อน
ไม่มีทางเลือก ดูเหมือนทำได้แค่ให้เขาแสดงออกมาก่อน
ตอนอยู่ที่ร้านอาหารตะวันตกก่อนลงมือ เขาครุ่นคิดมาตลอด หาวิธีจะล้มความเป็นคนไตพร่องออกไป ชะล้างความอัปยศ
วันนี้ เป็นโอกาสที่ดีมาก
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะโอ้อวดเสน่ห์ผู้ชายของตัวเองต่อหน้าเย่หยุนซู
หยุนซู เธอดูให้ดีนะ อะไรที่เรียกว่าชายอย่างแท้จริง
ว้าว!
จ้าวฟางสงทำท่าทางเท่มาก ตะโกนลั่นหนึ่งครั้ง แล้วพุ่งตรงไปยังวัยรุ่นหน้าสุด
เมื่อห่างจากวัยรุ่นประมาณสองเมตร กระโดดขึ้นมาทันที จากนั้นก็เอนหลัง เตะขาสองข้างไปข้างหน้า ไขว้ขากลางอากาศ แล้วทำท่ากรรไกร
ขากรรไกรคร่าชีวิต!
ขาสองข้างไขว้กัน ตรงไปที่คอของวัยรุ่น
เซียวหยางเกือบไม่ได้หัวเราะออกมา เจ้านี่มันแปลกจริงๆ
แม้เคล็ดลับนี้จะมีประโยชน์ แต่ปกติใช้ในท่าไม้ตายตอนจบ เมื่อสองฝ่ายต่อสู้กันสักพักแล้ว หลังจากใช้พลังงานทางกายภาพไปจำนวนหนึ่ง ใช้เคล็ดลับนี้ จะสามารถควบคุมศัตรูได้ภายในครั้งเดียว
แต่ฝั่งตรงข้ามมีสี่คน คุณสามารถตะครุบคอได้คนเดียว ไม่แปลกที่อีกสามคนจะเตะคุณเป็นวงกลม
เซียวหยางอธิบายเขาได้เพียงคำเดียว
มือสมัครเล่น
แต่ในความคิดของจ้าวฟางสง ลูกเตะของตัวเองวิเศษมาก ไม่มีอะไรอย่างอื่น ตั้งแต่การวิ่งไปสู่การกระโดดขึ้น ส่งเท้าออกไป ชุดการกระทำนี้ มันสมบูรณ์แบบอย่างมาก
แต่สิ่งที่ทำให้จ้าวฟางสงไม่คิดไม่ฝันก็คือ สองขายังไม่ทันล็อกคอวัยรุ่นที่คีบบุหรี่ ท่อเหล็กสังกะสีก็โยนมา
เสียงดังปัง จ้าวฟางสงกรีดร้อง ล้มลงกับพื้น