บทที่ 29 จูเจียนเฉียง
หลังจากเข้าครัวเกือบชั่วโมง ในที่สุดอาหารก็วางบนโต๊ะ กลิ่นหอมไม่เลว แต่ไม่รู้รสชาติเป็นอย่างไร
เย่หยุนซูยกจานอาหารสุดท้ายออกมา วางไว้บนโต๊ะแล้วพูดขึ้น “ทำเสร็จแล้ว กินได้”
เซียวหยางเดินจากโซฟามายังหน้าโต๊ะอาหาร มองอาหารไม่กี่จาน ดวงตาเป็นประกายอย่างอดไม่ได้
ผู้หญิงคนหนึ่งทำอาหารให้เขา สำหรับเซียวหยางแล้ว ค่อนข้างมีความประทับใจมาก
เขาคีบเนื้อวัวมาหนึ่งชิ้น ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ดูไม่เลวนะ ฉันจะลองชิม”
พูดจบ ก็ส่งเข้าปากไป
เมื่อครู่นี้เย่หยุนซูตรวจสอบสูตรอาหารในโทรศัพท์เป็นเวลานาน ถึงได้เตรียมอาหารบนโต๊ะนี้ อดไม่ได้ที่จะถาม “รสชาติเป็นไงบ้าง?”
เซียวหยางอึ้งไป จากนั้นก็เผยยิ้มกระอักกระอ่วน พูดขึ้น “เอ่อ ก็โอเคนะ โอเค”
สีหน้าเย่หยุนซูเย็นชาขึ้นมา สีหน้าแบบนี้ ทั้งๆ ที่ไม่อร่อยก็ยังเสแสร้งว่าอร่อย
“เอาเถอะ ไม่อร่อยฉันจะเอามันไปเททิ้ง”
ขณะที่พูด ก็จะหยิบจานขึ้นมา เซียวหยางแย่งมันมาได้ คีบเนื้อวัวหนึ่งชิ้นขึ้นมาอีกครั้ง กินไปด้วย พูดไปด้วย
“เอาไปทิ้งเสียดายอ่ะ จริงๆ รสชาติก็ยังโอเคนะ”
“โอเคจริงๆ ไหม ฉันจะลองชิมเอง”
“เฮ้ อย่า……”
เซียวหยางห้ามช้าเกินไปแล้ว เย่หยุนซูคีบเนื้อวัวชิ้นเล็กเข้าไปในปาก เพิ่งเคี้ยวได้สองที หน้าสวยก็บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที
“ถุยๆ เคี้ยวไม่ได้เลยสักนิด นายกลืนลงไปได้ไง”
เซียวหยางเผยรอยยิ้ม “ฟันฉันดี เคยกินเนื้อดิบมาแล้ว นี่ไม่เท่าไรหรอก”
“พอแล้ว ไม่ต้องกินแล้ว ฉันไม่อยากให้นายทำแบบนี้เพื่อเอาใจฉัน!”
เย่หยุนซูทำหน้าตาย คว้าเนื้อทอดชิ้นเล็กแข็งกลับมา แล้วเทใส่ถังขยะทันที
เซียวหยางหมดหนทาง ถึงแม้เนื้อจะดิบไปหน่อย แต่เขาก็รู้สึกว่ารสชาติมันยังโอเคจริงๆ นะ มันดีกว่ารสชาติของการกลืนแมงมุมเป็นๆ ในป่าอะเมซอน
บรรยากาศค่อนข้างแปลกๆ แต่โชคดีที่จานอื่นโอเค สองคนก้มหน้าก้มตาทานอาหารเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร
เย่หยุนซูรู้ตัวว่าตัวเองทำอาหารไม่อร่อย แต่เซียวหยางทานมันอย่างเอร็ดอร่อย ให้เกียรติเธอมากพอ
ถึงเธอจะไม่มีความรู้สึกใดๆ กับผู้ชายคนนี้ แต่อย่างไรก็จดทะเบียนสมรสกันแล้ว ถ้าตัวเองเอาแต่ตำหนิเขา ก็ใจแคบไปหน่อย
ดูเหมือนเธอต้องแก้ไขปัญหานี้ในอนาคตสักหน่อย
ทานอาหารเย็นแล้ว เซียวหยางก็ล้างจานและตะเกียบให้สะอาด ขึ้นมาข้างบนอย่างกระตือรือร้น
ห้องของเย่หยุนซู เธอถือแท็บเล็ตเพื่อจัดการธุระบริษัท เมื่อเห็นเซียวหยางยืนยิ้มอยู่ที่ประตู ก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันที
“นายมานี่ทำไม อย่าคิดว่าฉันทำอาหารให้นาย แล้วนายจะทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้นะ ลงไปซะ”
ทั้งสองคนแต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว ชั้นบนเป็นพื้นที่พิเศษของเธอมาโดยตลอด เป็นพื้นที่ต้องห้ามของ เซียวหยาง
เซียวหยางพูดแนะนำอย่างเหมาะสมให้กับเธอ “หยุนซู เธอลืมไปแล้วสินะ ตอนกลางวันก่อนที่โดนเจ้าหน้าที่เจียงพาตัวไป เธอรับปากฉันว่า ตอนกลางคืนจะให้ฉันนอนในห้องด้วย”
ดวงตาเซียวหยางร้อนแรง เขารอช่วงเวลานี้มานานมากแล้ว
ปากเล็กเย่หยุนซูเผยอ กลายเป็นตัว O ผ่านไปห้าวินาที เธอก็พูดขึ้นด้วยความอับอายและโกรธเคือง
“เซียวหยาง นายอย่ามาเหยียบจมูกขึ้นหน้านะ ฉันเป็นถึงประธานผู้มีเกียรติของบริษัทหยุนซูทำอาหารให้นายกินด้วยตัวเอง นายยังต้องการอะไรอีก?”
“ก่อนที่ฉันจะโกรธ รีบออกไปซะ”
ล้อเล่นอะไรกัน เธอไม่อยากให้นอนด้วยกันสองคน ก่อนหน้านี้แค่พูดเล่นเท่านั้น
เซียวหยางโกรธแล้ว จริงๆ ด้วยอ่ะ คำพูดผู้หญิงอะเนอะ ผีหลอกชัดๆ ทั้งที่ตกลงกันแล้ว สุดท้ายตอนกลางคืนก็เปลี่ยน
“ก็ได้ คิดว่าฉันไม่ได้พูด” เซียวหยางหันตัวไป ออกจากห้องไปอย่างเชื่อฟัง
ดูเหมือนกุ่ยเหย่นจะพูดถูก เจ้านายผู้มีเกียรติแห่งสำนักดราก้อน ไม่คิดว่าจะมีแนวโน้มโดนภรรยาเข้มงวดจริงๆ
นี่ถ้าให้พวกผู้มีอำนาจใต้ดินชั้นนำของโลกรู้เข้า จะต้องตกใจแน่นอน
……
เช้าวันรุ่งขึ้น เซียวหยางและเย่หยุนซูไปทำงานด้วยกัน เย่หยุนซูมาถึงห้องทำงานประธานชั้น 27 ฝ่ายขายของเซียวหยางอยู่ชั้น 25
นั่งอยู่โต๊ะทำงาน เซียวหยางหมดอาลัยตายอยาก เปิดเกมCrossFireเล่น
ในตอนนี้ วัยรุ่นคนหนึ่งที่นั่งโต๊ะทำงานด้านหลังเซียวหยางยืนขึ้นมา เดินมาข้างๆ เซียวหยางอย่างสนใจ
วัยรุ่นชื่อจูเจียนเฉียง สูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบ หน้าตาสะอาดสะอ้าน หุ่นค่อนข้างผอม
เขาเพิ่งจบการศึกษามหาวิทยาลัย มาบริษัทหยุนซูได้ไม่นาน สำหรับเซียวหยาง จูเจียนเฉียงเป็นคนขี้สงสัย พนักงานขายคนอื่นไปดำเนินการธุรกิจ ส่วนนายคนนี้ไม่มีอะไรทำทั้งวัน
สิ่งแรกที่จูเจียนเฉียงตอบสนองก็คือ นายคนนี้ต้องเข้ามาทางประตูหลัง
ยืนอยู่ด้านหลังเซียวหยางสักครู่ จูเจียนเฉียงจงใจกระแอมไอสักหน่อย “พี่ เล่นCrossFireเป็นด้วยเหรอ ผมเซียนนะ พี่อยู่เขตไหน เรามาเล่นด้วยกันไหม?”
เซียวหยางไม่แม้แต่จะหันศีรษะกลับไป พูดขึ้นเรียบๆ “ไม่ต้องหรอก”
จากนั้นก็เริ่มติดตั้งเกมต่อ เข้าอินเตอร์เฟสของเกม
จูเจียนเฉียงถูกโจมตี ทำเสียงฮึดฮัดอย่างเหยียดหยามหนึ่งที ดูสิแกจะเล่นได้ขนาดไหน จูเจียนเฉียงไม่ได้เดินไป ยืนอยู่ด้านหลังเขาแล้วมองดู
เป็นครั้งแรกที่เซียวหยางเล่นCrossFire ได้ข่าวว่าเกมนี้เป็นที่นิยมมากในประเทศ ว่างไม่มีอะไรทำ เล่นฆ่าเวลาสักหน่อย
รอไปสักพัก ในที่สุดก็เข้ามาในอินเตอร์เฟสของเกม เห็นฉากนี้ จูเจียนเฉียงก็แทบหัวเราะขึ้นมา
“พี่ เป็นมือใหม่อ่อ ให้ผมสอนไหม?”
วันนี้พนักงานฝ่ายขายออกไปข้างนอกหมด ทิ้งให้เขาดูแลอยู่คนเดียว อย่างไรแล้วมันก็น่าเบื่อ ดูเซียวหยางเล่น มือเขาก็คันๆ ขึ้นมานิดหน่อย
แต่เซียวหยางไม่คิดจะสนใจเจ้านี่อยู่แล้ว เหมือนจมความคิดอยู่ในเกมอย่างสมบูรณ์
“ชิชะ เล่นไม่เป็นยังตอแหลอีก ดูสิว่าแกจะตายยังไง” จูเจียนเฉียงเผยสีหน้าดูถูกออกมา
หลังเข้าไปในเกม เซียวหยางก็คุ้นเคยอินเตอร์เฟสในเกมแล้ว เปลี่ยนความเร็วของการเคลื่อนที่และปืนของตัวละครทั้งหมด รีบออกไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม
“พี่ พี่ยังไม่ได้ซื้ออาวุธเลย แค่มีดสั้นกับปืนพกเล็กๆ จะไปตีไรได้อ่ะ”
จูเจียนเฉียงดูต่อไปไม่ไหวจริงๆ วิจารณ์อย่างสะเพร่า อยากจะเล่นด้วยตัวเองมาก
เซียวหยางใส่หูฟัง ปรับเสียงให้ดังที่สุด ควบคุมแป้นพิมพ์และเมาส์ต่อไป
เหี้ยเอ๊ย กล้าเมินฉันเหรอ ไร้เหตุผล
ผ่านไปไม่นาน เสียงปืนดังขึ้น ตำรวจและกลุ่มโจรเริ่มสู้กันอย่างดุเดือด หลังจากนั้นกม่กี่นัด เพื่อนร่วมทีมเซียวหยางตายร่วงไปสาม
เซียวหยางยังคงซ่อนตัวหลังตู้สินค้า เดินวนอยู่ที่เดิม
“แม่ง ไอ้สวะ แกยิงจริงๆ เหรอ?”
“ไอ้โง่ รีบออกไปเลยนะ เล่นไม่เป็นก็ไปเขตฝึกดิวะ มาเขตสงครามทำห่าไร?”
ด้านล่างหน้าจอ เพื่อนร่วมทีมพิมพ์ตัวอักษรขนาดเล็กออกมาทีละแถว ด่าเซียวหยางอย่าดุเดือด
เซียวหยางแสดงออกอย่างใจเย็นตลอดเวลา ไม่ได้ยิงในทันที แต่ตั้งใจฟังทิศทางของเสียงปืนและทิศทางการบินของขีปนาวุธในหูฟัง