บทที่ 35 กราบอาจารย์
เซียวหยางชะงัก ส่ายศีรษะจนปัญญา คิดไม่ถึงเลยว่าถูกจับมาสถานีตำรวจครั้งเดียว จะทำให้ภรรยาผู้ยิ่งใหญ่มีโทสะเสียได้
เพื่อทำให้อารมณ์ของเย่หยุนซูสงบลง เซียวหยางจึงทำได้เพียงแค่ปลอบใจว่า
“หยุนซู ผมมาสถานีตำรวจก็แค่ดื่มชา พูดคุยเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก”
“คุณ………”
เย่หยุนซูโกรธจนหน้างามขาวซีด สิ่งที่เธอต้องการก็คือให้เซียวหยางยอมรับผิด และท่าทีของเขา
แล้วเขาล่ะ กลับแสดงท่าทางเหมือนไม่แยแสอะไรออกมา เธอตามทนายความมาอย่างเอิกเกริก แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือคุณกลับพูดว่า มานั่งดื่มชาและพูดคุยในสถานีตำรวจอย่างนั้นหรือ
คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไรไปแล้ว ล้อคนเล่นก็ไม่ล้อกันแบบนี้
“เซียวหยาง ถือว่าฉันเข้าใจคุณแล้วจริงๆ นับตั้งแต่วันนี้ ถ้าหากว่าคุณสร้างเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นมาอีก ฉันจะไม่สนใจคุณแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ เชอะ”
ทนายหลิ่วที่อยู่ในเหตุการณ์ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ดันแว่นตา พลางเอ่ยว่า “ประธานเย่ ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ หลังจากนี้หากมีเรื่องอะไรก็เรียกใช้ผมได้ครับ”
เอ่ยจบแล้ว ทนายหลิ่วก็จากไป
ในเวลานี้ หน้าประตูสถานีตำรวจก็มีคนเข้าๆออกๆ มีตำรวจ และมีนักเลงที่ทำผิดกฎหมายยิ่งกว่า
ตอนที่พวกเขาเห็นเย่หยุนซูนั้น ดวงตาล้วนสว่างวาบ มองเย่หยุนซูขึ้นๆลงๆอย่างพิจารณา ต้องพูดเลยว่า รูปร่างหน้าตาของเย่หยุนซูนั้นยอดเยี่ยมมาก
เซียวหยางขมวดคิ้วเมื่อเห็นสายตาของพวกหื่นกามแล้ว ที่เลวร้ายไปกว่านั้นยังมีพวกที่ผิวปากใส่เย่หยุนซูด้วย
ถ้าไม่ได้คำนึงถึงว่าที่แห่งนี้คือสถานีตำรวจ เซียวหยางก็ไม่แคร์ที่จะฉีกปากของนักเลงพวกนั้นหรอก
“หยุนซู ไปเถอะ พวกเรากลับไปแล้วค่อยว่ากัน”
“ทำไมต้องกลับไปพูด พูดให้ชัดเจนที่นี่สิ!”
เมื่อเย่หยุนซูมีโทสะ ไม่ว่าใครล้วนไม่ฟัง ต้องการให้เซียวหยางอธิบายให้เธอฟัง
เซียวหยางไม่มีวิธีอื่น คว้ามือขาวของเย่หยุนซูเอาไว้อย่างต้องการจะลากออกไปข้างนอก
ชั่วขณะนั้นเย่หยุนซูเบิกตาโต ต่อต้านอย่างรุนแรง “เซียวหยาง ใครให้ความกล้าในการที่มือไม้อยู่ไม่สุขแบบนี้กับคุณ ที่นี่คือสถานีตำรวจ คุณปล่อยฉันนะ!”
เซียวหยางอดยิ้มไม่ได้ คุณเป็นภรรยาของผม อย่าพูดเลยว่าเป็นสถานีตำรวจ แม้ว่าจะเป็นสถานที่ใด ล้วนมีสิทธิ์ที่จะมือไม้อยู่ไม่สุขกับคุณ
เรือนร่างงามบอบบางของเย่หยุนซูนั้นไร้เรี่ยวแรงต้านทานแม้แต่น้อย
เซียวหยางดึงมือขาวหยกของเย่หยุนซู ก้าวเท้ายาวเดินออกไปด้านนอก แม้ว่าเซียวหยางจะเอาอกเอาใจเย่หยุนซู หลงใหลเย่หยุนซู แต่ในบางครั้งการแสดงตำแหน่งของผู้ชายนั้นก็เป็นสิ่งจำเป็นมาก
นอกสถานีตำรวจ เถ้าแก่เนี้ยเสิ่นอ้าวจุนเดินกลับไปกลับมา รอคอยอย่างร้อนใจ
เซียวหยางกับจูเจียนเฉียงถูกจับมายังสถานีตำรวจเพราะเรื่องของเธอ ในใจของเธอเต็มไปด้วยความละอายอย่างหาที่เปรียบมิได้
เธอรู้ว่าจูเจียนเฉียงเป็นพนักงานของบริษัทหยุนซู ดังนั้นจึงโอบกอดการลองดูโทรศัพท์ไปหาบริษัทหยุนซู ตอนที่เธอเอ่ยชื่อของจูเจียนเฉียงและเซียวหยางสองคนนั้น กลับถูกโอนสายไปยังห้องทำงานของประธานบริษัท
เสิ่นอ้าวจุนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดรอบหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งมาที่สถานีตำรวจอย่างเร่งรีบ ตอนที่กำลังคิดหาวิธีนั้น กลับมองเห็นเงาร่างของเซียวหยางเดินออกมาจากด้านในแล้ว
ใบหน้างามของเธอเต็มไปด้วยความยินดีในทันที และเป็นฝ่ายก้าวเข้าไปหา
“ในที่สุดคุณก็ออกมาแล้ว ไม่เป็นอะไรสินะ พวกเขาไม่ได้ทำให้คุณลำบากใจใช่ไหม”
เมื่อเห็นเสิ่นอ้าวจุน เย่หยุนซูก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อลองคิดดูก็รู้สถานะของเสิ่นอ้าวจุน น่าจะเป็นสมญานามเถ้าแก่เนี้ยของไซซีบาร์บีคิว
มิน่าล่ะ ดูแล้วเซียวหยางไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างแน่นอน แต่เป็นการที่วีรบุรุษช่วยสาวงามต่างหาก!
ในใจของเย่หยุนซู เกิดความรู้สึกหึงหวงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ร่างงามไม่ดิ้นรนอีกแล้ว ยอมให้เซียวหยางจับแขนของเธอเอาไว้ เหมือนกับคู่รักคู่หนึ่ง
เซียวหยางกำลังยิ้มตาหยีมองไปที่เถ้าแก่เนี้ย จู่ๆก็รู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมา บริเวณแขนมีความรู้สึกนุ่มนิ่มส่งผ่านมา จึงก้มหน้าใช้หางตามอง ก็รู้สึกสะท้านกายขึ้นมาในทันใด
บัดซบ หยุนซูกล้าเป็นฝ่ายเขยิบเข้ามาใกล้ บางสิ่งแตะโดนแขนของเขา ค่าตอบแทนแบบนี้เขาไม่เคยได้รับมาก่อน
“แหะๆ เถ้าแก่เนี้ย ทำให้คุณเป็นห่วงแล้ว ผมไม่เป็นอะไร นี่ก็ออกมาแล้วไม่ใช่หรือ”
เสิ่นอ้าวจุนถึงได้พยักหน้าอย่างโล่งใจ เพียงแต่ว่าเธอก็พบว่าข้างกายของเซียวหยางมีสาวงามคล้องแขนเซียวหยางเอาไว้อยู่ อีกทั้งสีหน้ายังเย็นชา เชิดคองามระหงขึ้นเล็กน้อยด้วย
หน้าตาสวยสดงดงาม บุคลิกสูงส่ง ไม่เหมือนกับเธอที่เต็มไปด้วยควันจากการปรุงอาหารทั้งวัน
ในเสี้ยววินาที เธอก็มีความรู้สึกต่ำต้อยขึ้นมา
จะว่าไปแล้ว เซียวหยางนั้นเป็นบุคคลยอดเยี่ยมในที่ทำงานอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะมีสาวงามหยดย้อยเช่นนี้คนหนึ่งอยู่ข้างกายได้อย่างไรกัน เสิ่นอ้าวจุนเผยรอยยิ้มหดหู่ออกมา
“ในเมื่อคุณออกมาแล้ว อย่างนั้นฉันก็วางใจได้แล้ว ที่ร้านยังมีธุระ ฉันไปก่อนนะคะ”
พูดแล้วก็เดินจากสถานีตำรวจไปอย่างช้าๆ
เซียวหยางก็ไม่ได้พูดอะไร สำหรับเขาแล้ว จัดการนักเลงสองสามคน ก็เป็นเพียงแค่เรื่องง่ายๆที่ไม่ต้องออกแรงอะไร
แต่เขากลับไม่รู้ว่า สำหรับเสิ่นอ้าวจุนการทำเรื่องง่ายๆอย่างไม่ต้องออกแรงอะไรของเขา กลับเป็นการช่วยเหลือเธออย่างมากมาย บุญคุณในครั้งนี้ เสิ่นอ้าวจุนจดจำเอาไว้ในใจ กระทั่งมีความรู้สึกรอคอยบางอย่างในใจด้วย
จนกระทั่งเงาร่างของเสิ่นอ้าวจุนจางหายไป เย่หยุนซูถึงได้พบว่าตัวเองยังคงคล้องแขนอยู่ที่แขนของเซียวหยาง ชั่วขณะหนึ่งจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา จึงหดมือกลับมาราวกับถูกไฟช็อต
เธอไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองกำลังทำอะไร อาศัยปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณไปคล้องแขนของเซียวหยางเอาไว้ ตอนนี้ลองคิดดู เมื่อครู่นี้ตัวเองอ่อนหัดเกินไปแล้ว
“หยุนซู คุณเป็นอะไรหรือ ดูเหมือนว่าหน้าจะแดง” เซียวหยางเอ่ยคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“อย่ามายิ้มหน้าบานกับฉัน อย่าลืมเสียล่ะว่าตอนนี้คุณเป็นคนขับรถของฉัน ขับรถมา และส่งฉันกลับบริษัทเสีย” เย่หยุนซูเอ่ยเสียงเย็น
“ครับผม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่”
“คนเลว คุณเรียกฉันว่าอะไรนะ” เย่หยุนซูกระทืบเท้ากรีดร้องอับอาย
แต่เซียวหยางกลับหลบไปไม่เห็นเงาแล้ว ตอนที่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ก็ขับรถเข้ามาแล้ว
ระหว่างทางทั้งสองคนล้วนไม่ได้พูดอะไรเท่าไร ในใจของเซียวหยางกังวลมาโดยตลอด เมื่อครู่เขาเรียกภรรยาแบบนั้น ไม่รู้ว่าเย่หยุนซูจะมีโทสะจริงๆหรือไม่
…….
เมื่อกลับมาถึงบริษัท เซียวหยางก็กลับไปรายงานตัวที่ฝ่ายขาย เพิ่งจะถึงฝ่ายขาย จูเจียนเฉียงก็เดินโซเซเข้ามาหา
“พี่หยาง กลับมาแล้วสินะ นั่งเร็วๆ”
จูเจียนเฉียงเห็นเซียวหยาง ก็มีสีหน้ายินดีขึ้นมาในทันที รีบให้เขานั่ง และรินน้ำชาให้เซียวหยางอีกถ้วยหนึ่ง
เซียวหยางดื่มน้ำชา เพลิดเพลินไปกับการบีบนวดของจูเจียนเฉียง ท่าทางการปฏิบัติเหมือนพี่ใหญ่ แต่กลับไม่ได้เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเล่นเกมส์
หรี่ตามองจูเจียนเฉียงด้วยสายตาที่เหมือนกับเหยี่ยว
จูเจียนเฉียงหัวใจหดตัวขึ้นมากะทันหัน ยิ้มแห้งๆ พลางเอ่ยว่า “พี่หยาง น้ำชาไม่อร่อยใช่หรือไม่ ผมเปลี่ยนแก้วใหม่ให้คุณไหม”
เรื่องในวันนี้ ทำให้เซียวหยางรู้จักจูเจียนเฉียงคนผู้นี้ สามารถยืดตัวออกไปในสถานการณ์แบบนี้ได้ มากพอที่จะอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า เจ้าเด็กนี่จิตใจดี
วันหลังเป็นลูกสมุนของตัวเองที่บริษัทหยุนซู เป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
“พูดมาสิ ต้องการให้ฉันทำอะไรกันแน่ ทำดีล้วนหวังผลทั้งนั้น”
เซียวหยางสาดสายตาอันเฉียบคมสองข้างออกไป คล้ายกับว่าต้องการมองจูเจียนเฉียงให้ออก
จูเจียนเฉียงร่างกายสั่นสะท้าน ทั่วทั้งร่างไม่ว่าจะบนหรือล่างคล้ายกับรู้สึกว่าถูกเซียวหยางมองออกหมดแล้ว เหงื่อเย็นรินไหล
“…….พี่หยาง ผมไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอย่างอื่น ผมก็แค่อยากกราบคุณเป็นอาจารย์”
เขากลัวว่าเซียวหยางจะไม่เชื่อ จึงพูดต่อไปว่า “คุณดูสิ คุณเป็นเทพแห่งการเล่นเกมส์ และเป็นราชาแห่งการจีบสาว กังฟูก็สามารถหิ้วนักเลงขึ้นมาจัดการได้ กระทั่งตำรวจคนงามก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ ฝีมือยอดเยี่ยมมากเลย”
เซียวหยางยิ้มอ่อน “อยากกราบฉันเป็นอาจารย์จริงหรือ”
จูเจียนเฉียงพยักหน้ารัว “อยาก อยาก อยากมากเลย”
เซียวหยางหัวเราะเหอๆ นั่งไขว่ห้าง พร้อมกับเอ่ยว่า “เป็นคนไม่สามารถโลภมากได้ เกมส์ จีบสาว กังฟู นายเลือกได้เพียงแค่อย่างเดียว เลือกเองแล้วกัน”
สิ่งที่จูเจียนเฉียงไม่รู้ก็คือ นี่ก็เป็นบททดสอบเซียวหยางที่มีต่อเขาอย่างหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเกมส์หรือว่าจีบสาว สำหรับเซียวหยางแล้วล้วนไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ถ้าหากว่าจูเจียนเฉียงเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งในสองอย่างนี้ คาดว่าจูเจียนเฉียงก็ไม่มีอนาคตอะไรแล้ว