บทที่ 36 หมัดแสนยอดเยี่ยม
ดวงตาจูเจียนเฉียงเป็นประการ จิตใต้สำนึกต้องการบอกว่าจีบสาว
แต่เมื่อลองคิดดูแล้วก็ไม่ถูกต้อง เขาผู้ชายตัวเหม็นธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีเงิน ไม่มีศักยภาพ จะเอาอะไรมาจีบสาว
จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่ว่าพี่หยางอาศัยกังฟูในการจีบสาวหรือ ถ้าหากว่าเขาไม่ได้จัดการนักเลงหลายคนนั้นจนหนีไป คาดว่าไซซีบาร์บีคิวก็คงไม่ได้เพิ่มความโปรดปรานเขามากกว่าเดิมหรอก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จูเจียนเฉียงก็เอ่ยตอบว่า “อาจารย์ ผมอยากเรียนกังฟู
สีหน้าของเซียวหยางไม่เปลี่ยน พยักหน้าเรียบๆ ยกถ้วยชาในมือขึ้น เหมือนกับทหารเก่าแก่คนหนึ่ง มือข้างหนึ่งพาดไว้ด้านหลัง ก้าวนำออกไปด้านนอก
จูเจียนเฉียงไม่รู้ว่าเซียวหยางหมายความว่าอะไร และก็ไม่รู้ว่าเซียวหยางรับปากหรือไม่รับปาก ยืนหน้าเซ่ออยู่ตรงนั้น อย่างทำอะไรไม่ถูก
เซียวหยางหมดคำพูดชั่วขณะ ช่างเป็นคนที่สมองโง่เง่าเสียจริง นี่ก็ยังไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไรอีก
“ตามฉันมา” เซียวหยางเดินไปถึงหน้าประตู เอ่ยเสียงขรึม
จูเจียนเฉียงตะลึง สีหน้ายินดีจากเบื้องลึกของจิตใจปรากฏออกมา บัดซบ พี่หยางรับตัวเองเป็นลูกศิษย์แล้วใช่ไหม
ต้องทำพิธีการกราบอาจารย์อะไรด้วยหรือไม่
เขาไม่กล้ารีรอ รีบวิ่งเหยาะๆตามออกไป
ตอนที่เขาก้าวออกจากประตูใหญ่ในเสี้ยววินาที บนใบหน้าของจูเจียนเฉียง ก็ถูกแสงอาทิตย์อาบย้อม
สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ การตัดสินใจในวันนี้ของตัวเอง ได้เปลี่ยนแปลงวงโคจรทั้งชีวิตของตัวเองไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
เส้นทางชีวิตของเขา คงจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ไม่เหมือนใครนับแต่นี้
เซียวหยางพาจูเจียนเฉียงมาถึงห้องออกกำลังกาย
สองปีมานี้บริษัทหยุนซูทุ่มเทให้กับการวิจัยมาโดยตลอด วิจัยและผลิต P-one การทำงานล่วงเวลาเป็นเรื่องที่มีบ่อยๆ ดังนั้นเย่หยุนซูจึงเตรียมห้องออกกำลังกายให้กับเหล่าพนักงานห้องหนึ่ง เพื่อที่พนักงานจะได้ออกกำลังกายได้อย่างสะดวก
ห้องออกกำลังกายกว้างมาก ประมาณ 200 ตารางเมตรเห็นจะได้ มีอุปกรณ์ออกกำลังกายต่างๆ ลู่วิ่ง เครื่องยกน้ำหนัก เป็นต้น
เพียงแต่ว่าตอนนี้ในห้องออกกำลังกายไม่มีคน ทุกคนล้วนยุ่งกับการทำงาน มีเพียงแค่ฝ่ายขายสองคนที่ว่างงานถึงได้มา
เพิ่งมาถึงห้องออกกำลังกาย ใจของจูเจียนเฉียงก็กระตุกเล็กน้อย
“พี่หยาง พี่จะสอนยิวยิตสูให้ผมหรือ เยี่ยม! หลังจากนี้ผมก็จะเป็นเหมือนกับพี่หยาง ที่เป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม หล่อเหลาระเบิดระเบ้อใช่ไหม”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว สีหน้าของจูเจียนเฉียงก็เปลี่ยนจากเคารพนบนอบเป็นตลบตะแลงในทันที ลองคิดดูแล้ว เมื่อหญิงงามคนหนึ่งได้รับการรังแกกลั่นแกล้ง เขาก็เป็นผู้ออกโรงช่วยเหลือ อุ้มสาวงามกลับมา
เขาหัวเราะอิอิ เหมือนกับว่ามองเห็นสาวงามหลากหลายโบกมือมาทางเขา
เซียวหยางเลิกคิ้ว เขาจะมองไม่ออกถึงความคิดของจูเจียนเฉียงได้อย่างไรกัน เพียงแต่ว่าตอนเขาอายุเท่านี้ ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน
ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของเขา แน่อยู่แล้วว่าไม่สามารถทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายได้ คิดถึงจุดนี้แล้ว เขาก็ชี้นิ้วไปยังอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล พร้อมกับเอ่ยว่า
“จูเจียนเฉียง เคยใช้เครื่องวัดพลังหมัดไหม”
จูเจียนเฉียงนั้นคุ้นเคยกับเครื่องวัดพลังหมัดนี้มาก ด้านบนมีกระสอบทรายอยู่ถุงหนึ่ง ต่อยหมัดเข้ากับกระสอบทราย หน้าจอก็จะแสดงผลตัวเลขออกมาเป็นแถบ ตัวเลขยิ่งสูง ก็แสดงว่าพลังหมัดของคุณยิ่งแรง
ตอนที่เขาเพิ่งจะมาบริษัทหยุนซู ก็ลองวัดพลังหมัดของตัวเองดู หมัดหนึ่งมากสุดสามารถชกได้แรงถึง 50 KG ภายในห้องออกกำลังกายแห่งนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นระดับกลางแล้ว
จูเจียนเฉียงเห็นเซียวหยางยืนขึ้นมา ก็มีความรู้สึกรอคอย ไม่รู้ว่าพี่หยางจะสามารถต่อยได้กี่กิโลกรัมกัน
คาดว่ามากกว่าตัวเองสองเท่า 100 KG นี่เป็นสถิติที่สูงที่สุดในห้องออกกำลังกายแห่งนี้แล้ว
เซียวหยางขยับข้อมือไปมา เดินมาถึงหน้าอุปกรณ์ โคจรพละกำลังไปมาอยู่ชั่วครู่ และปล่อยหมัดออกมาในทันที
ฟิ้ว!
เหมือนกับว่ามีลมแรงพัดผ่านไปชั่วขณะ ใบหน้าของจูเจียนเฉียงก็ดูเหมือนจะถูกใบมีดพัดผ่านไปจนทำให้เขาสะดุ้งตกใจ
พร้อมกับเสียงลม ดวงตาของจูเจียนเฉียงก็เบิกกลมโตในทันที เพราะเขาไม่เห็นแม้กระทั่งว่าเซียวหยางลงมืออย่างไร เห็นเพียงแค่เงาพาดผ่าน
ถัดมา กระสอบทรายก็มีเสียงดังลอยมา
เดิมอุปกรณ์ที่ติดอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน กลับเกิดการสั่นอย่างรุนแรง ถ้าหากที่มุมจอมอนิเตอร์ทั้งสี่ด้านไม่มีสกรูขันอยู่ คาดว่าอุปกรณ์นี้คงถูกชกกระเด็นไปแล้ว
ทันใดนั้น ตัวเลขที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอมอนิเตอร์ ตอนที่จูเจียนเฉียงเห็นตัวเลขเป็นแถบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากกว้าง เผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา
แรกเริ่มหน้าจอมอนิเตอร์ปรากฏตัวเลข 200 KG ออกมา
แต่ตัวเลขยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็ถึง 400 KG
600KG!
800KG!
1000KG!
ติ๊ดๆๆ…….ปัง!
เครื่องวัดพลังหมัดส่งสัญญาณเตือนออกมาว่า ถึงระดับสูงสุดแล้ว บ่งบอกว่าเข้มล้วนชี้ไปถึงจุดสิ้นสุดแล้ว แต่พลังหมัดยังคงเพิ่มขึ้น
สุดท้ายแล้วก็มีเสียงปังดังขึ้น เข็มวัดขึ้นเกินขีดจำกัดแล้ว!
อึก!
จูเจียนเฉียงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก มองสายไฟที่ไฟลัดวงจรอยู่นานก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้
จนกระทั่งพลังหมัดระบุว่าเข็มวัดขึ้นเกินขีดจำกัดแล้ว นี่……นี่มันยังเป็นคนอยู่หรือไม่
เซียวหยางไม่ใช่ไอ้หนุ่มหมัดเดียวจอดกลับชาติมาเกิดหรอกนะ บัดซบ น่ากลัวเกินไปแล้ว
บนโลกใบนี้ยังมีคนที่มีพลังหมัดที่วิปริตขนาดนี้อยู่ด้วยหรือ
หมัดนี้ถ้าหากว่าปะทะเขากับร่างของคนละก็ คาดว่าคงถูกต่อยจนกลายเป็นซอสเนื้อไปแล้ว
“อยากเรียนไหม”
เซียวหยางเก็บมือกลับมา มองปฏิกิริยาตอบสนองของจูเจียนเฉียง มุมปากก็ยกโค้งขึ้น
จูเจียนเฉียงฝืนหันร่างกายกลับไปยังทิศทางของเซียวหยาง เมื่อครู่นี้ เขารู้สึกว่าหมัดของเซียวหยางมีพลังอย่างหนึ่ง
เหมือนพลิกภูเขากลับทะเล ทรงพลังยิ่งใหญ่ ยิ่งคล้ายกับพญาเสือลงจากภูเขา ท่วงท่าสง่างาม แฝงไปด้วยความดุดัน ขอเพียงแค่พลังนี้ถูกปล่อยออกมา คาดว่าคงทำให้คนปัสสาวะราดแล้ว
ลมหายใจจูเจียนเฉียงถี่กระชั้น ใบหน้าแดงก่ำ ในที่สุดเขาก็รู้ว่า คราวนี้ตัวเองพบกับยอดฝีมือเข้าแล้ว ทั้งหมดนี้ เหมือนฝันเกินไปแล้ว
ตึกตัก!
จูเจียนเฉียงไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย คุกเข่าลงบนพื้น โขกศีรษะให้กับเซียวหยาง 3 ครั้งทันที
“ศิษย์จูเจียนเฉียง คารวะอาจารย์ ขอให้อาจารย์จะมีอายุยืนยาว มีความสุขเกษมสำราญ!”
เซียวหยางฟังครึ่งประโยคแรกก็พยักหน้าเล็กน้อย แต่เมื่อฟังครึ่งประโยคหลังแล้ว ก็รู้สึกหมดคำพูดขึ้นมาชั่วขณะ
นายกำลังเรียกเสียงฮาสินะ บิดาไม่ใช่คนแก่สักหน่อย
จูเจียนเฉียงตื่นเต้นขึ้นมา ก็เอ่ยพูดโพล่งออกไป รู้ตัวว่าพลั้งปากไปแล้ว ก็รีบตบตัวเองทีหนึ่ง เปลี่ยนคำพูดว่า
“อาจารย์ ศิษย์พลั้งปากไปแล้ว ผมจูเจียนเฉียง นับตั้งแต่นี้ไป ยินยอมติดตามท่านอาจารย์ขึ้นเขียงมีด ลงกระทะน้ำมันเดือด ชีวิตนี้ไม่เสียใจในภายหลังอย่างแน่นอน คำสัญญานี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
ในตอนนี้เอง เสียงพูดของเขาก้องกังวานมาก นี่เป็นใช่พิธีการกราบอาจารย์ง่ายๆธรรมดาๆ ยิ่งเป็นการที่ผู้ชายคนหนึ่งให้คำสัญญากับผู้ชายอีกคนหนึ่ง!
มือสองข้างของเซียวหยางไพล่หลัง พยักหน้าเรียบๆ สีหน้าไม่มีแววหยอกล้อ แต่เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
“ดี อย่างนั้นฉันก็จะรับนายเป็นลูกศิษย์ นายเป็นลูกศิษย์พื้นฐานด้อยที่สุด ในบรรดาลูกศิษย์ที่ฉันรับ”
“เดิมฉันไม่ยินยอมรับนาย เพียงแต่นายกับฉันถือว่ามีโชคชะตาต่อกัน เห็นแก่ที่นายจิตใจดีงาม จะรับนายเข้าสำนักก็แล้วกัน”
จูเจียนเฉียงเผยสีหน้าประหลาดใจ “อาจารย์ คุณไม่ได้มีผมเป็นศิษย์คนเดียวหรือ”
เซียวหยางยิ้มลึกลับ เขาสร้างสำนักดราก้อนขึ้นมากับมือ ในสำนักมีทูตสวรรค์เสราฟิมสี่คน ทูตสวรรค์หกปีก12คน และลูกศิษย์ไม่ได้มีเพียงแค่หลายหมื่น
จะมีเพียงแค่นายเป็นลูกศิษย์คนเดียวได้อย่างไรกัน เพียงแต่ ถ้าหากว่าเจ้าหมอนี่ได้ยินชื่อของบรรดาศิษย์พี่ตัวเองแล้ว คาดว่าคงตกใจจนกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
“วันหลังนายก็จะค่อยๆได้รู้เอง ฉันรับศิษย์ มีสามหลักการ นายจะต้องจำเอาไว้ให้แม่น!”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ จูเจียนเฉียงก็รีบกระดิกใบหู ตั้งใจฟังอย่างจริงจังจนหาที่เปรียบมิได้
“ข้อแรก ห้ามหันหลังให้กับศัตรูอย่างเด็ดขาด ข้อสอง ห้ามทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรม ข้อสาม เคารพผู้ชราและรักเด็ก โดยเฉพาะปฏิบัติตัวดีต่อภรรยา โดนตีก็ไม่โต้กลับ ถูกด่าก็ไม่ด่ากลับ รู้หรือไม่”
จูเจียนเฉียง พยักหน้าอย่างครุ่นคิด แต่เมื่อตอนที่เขาได้ยินหลักการทั้งสามข้อแล้ว ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนงง
เคารพคนชราและรักเด็กนั้นเข้าใจได้ไม่ยาก ยังต้องปฏิบัติตัวดีกับภรรยา โดนตีก็ไม่โต้กลับ ถูกด่าก็ไม่ด่ากลับ นี่ไม่ใช่เป็นทาสภรรยาหรอกหรือ
หรือหลักการในข้อนี้ จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับการเรียนกังฟูกัน