ในตอนนี้ หมอที่ใส่แว่นพลางพูดเตือนออกมา
“คุณผู้หญิง ฉันต้องบอกคุณก่อนนะ ถ้าเขาทำให้เราเสียเวลาในการรักษาคนไข้ แล้วเกิดอะไรขึ้นจริงๆ โรงพยาบาลพวกเราจะไม่รับผิดชอบนะ”
เขาเป็นหมอมาตั้งหลายปี ไม่เคยเจอใครบ้ามากมายขนาดนั้น
หนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นดูก็รู้ว่ารักษาอะไรไม่เป็น การจับชีพจรเป็นวิธีของหมอจีน แต่การรักษาแบบจีนนั้นมันคือการรักษาอาการป่วยอย่างเบาๆ
แต่ว่า เด็กผู้หญิงที่เป็นลมกะทันหัน สีหน้าซีดเซียว ปากปิดแน่น มันแสดงให้เห็นได้ชัด ว่ามันไม่ใช่อาการป่วยแบบค่อยๆ
เขาอนุมาน ว่าเด็กคนนี้อาจจะมีอาการป่วยตั้งแต่กำเนิดแล้วก็ได้ ดังนั้น หนุ่มตรงหน้าคนนี้ อาจจะกำลังรบกวนเวลาการรักษา หรือพูดให้เลวร้ายกว่านั้นคืออาจเกิดการสูญเสียชีวิตของคนคนหนึ่งไปได้เลย!
เซียวหยางไม่สนใจคำพูดของหมอเลย และไม่สนใจแววตาเสียดสีที่มองมาด้วย
ตอนที่อยู่บนรถ เซียวหยางได้ยินเสิ่นอ้าวจุนพูด ว่าพ่อของเด็กป่วยเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เกิด เซียวหยางเลยเดา ว่าหลี่เมิ่งนีอาจจะได้รับโรคนี้มาเหมือนกัน
เมื่อจับชีพจรแล้ว เซียวหยางก็มั่นใจ ว่าการป่วยของหลี่เมิ่งนีนั้น คือโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิดจริงๆ ด้วย!
อาการป่วยนี้ วิทยาการแพทย์ที่พัฒนามาถึงปัจจุบัน ก็ถือว่ายากมาก จนอาจจะเรียกว่ารักษาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
แต่ว่า วิชาพลังเทพมังกรนั้นมีการอธิบายร่างกายและชีพจรของคนเอาไว้โดยละเอียด
อาการป่วยนี้ เซียวหยางสามารถรักษาได้
หลังจากยืนยันอาการป่วย เซียวหยางก็ถูมือ จนมือร้อนแล้วก็เอามาวางไว้ที่หน้าอกด้านซ้ายของหลี่เมิ่งนี ส่วนอีกมือนั้นไม่ได้ทำอะไร เลยจี้จุดสี่จุดของเธอ
เทียนเหมิน หย่งฉวน เหรินจง ยิ่งถัง!(ชื่อจุดฝังเข็ม)
จากนั้นมือที่กดหน้าอกอยู่ก็กดลงไปเต็มแรง!
แค่กๆ !
หลี่เมิ่งนีเหมือนคนที่คว้าเชือกเอาไว้ได้ในเวลาที่จมน้ำ เลยไอแรงมาก จากนั้นมือก็มาจับที่แขนของเซียวหยาง
“โอ้ ขยับแล้ว!”
“มาดูเร็ว เด็กคนนี้ลืมตาแล้ว นี่มัน!เป็นไปได้อย่างไร?”
คนรอบๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน หรือหมอ ต่างเบิกตาโพลง ด้วยความไม่อยากจะเชื่อที่ได้เห็นแบบนี้
เมื่อครู่ที่เด็กน้อยสลบไป พวกเขาเรียกอย่างไรก็ไม่ฟื้น แถมการบีบนวดทุกจุดแล้ว แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
คนคนนี้ทำได้อย่างไรนะ แค่กดร่างกายของหลี่เมิ่งนีเล็กน้อย และตบหน้าอกเล็กน้อย ก็ฟื้นแล้วเหรอ?
หมอเมื่อครู่ที่แดกดันเซียวหยาง มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะพูดในใจ ว่าชายคนนี้ทำเป็นไม่รู้อะไร แต่จริงๆ แล้วเป็นหมอจีนที่มีประสบการณ์มากงั้นเหรอ?
คนต่างเดากันไปต่างๆ นานา และมีท่าทีต่อเซียวหยางเปลี่ยนไป ถึงอย่างไรทุกคนก็ไม่อยากให้เด็กคนนี้เป็นอะไรอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน การที่เด็กฟื้นขึ้นมาก็นับเป็นเรื่องที่ดีมาก
หลี่เมิ่งนีค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ขนตาของเด็กคนนี้ยาวมาก ประกายวิบวับ ดวงตาที่ดำขลับ มันทำให้ดูมีมิติท่ามกลางเงาของขนตาที่สาดส่องลงมา
เธอกัดริมฝีปาก พลางมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย ในตอนนี้ เธอเพิ่งจะรู้ ว่าตัวเองกำลังจับแขนของพี่ชายแปลกหน้าอยู่ พลางแลบลิ้นออกมา
เมื่อเห็นฉากที่น่ารักแบบนี้ เซียวหยางก็เผยรอยยิ้มและความอ่อนโยนออกมา ไม่แปลกที่เสิ่นอ้าวจุนรักหลี่เมิ่งนีขนาดนั้น ถ้าเด็กน้อยคนนี้เป็นลูกของตัวเอง ก็คงจะรักเหมือนกัน
เสิ่นอ้าวจุนรีบวิ่งมา ก่อนจะปรี่เข้าไปที่เปล แล้วก็กอดหลี่เมิ่งนีไว้ในอ้อมอก ก่อนจะลูบหลังเธอ พลางพูด
“เมิ่งนี คุณฟื้นแล้วเหรอ เมื่อครู่แม่ตกใจมาก ยังดีที่คุณไม่เป็นไร”
เด็กน้อยเองก็ยื่นแขนขาวเนียนออกมากอดแม่เหมือนกัน พลางเอาใบหน้าขาวสวยซบอกของแม่แล้วพูด
“แม่ เมื่อครู่ฉันเป็นลมไป ฉันป่วยอะไรหรือเปล่า เมิ่งนีต้องไปฉีดยาที่โรงพยาบาลหรือเปล่า ฉันไม่อยากไป ฉันกลัวเข็มที่สุดเลย”
ปากของเสิ่นอ้าวจุนขยับเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ลูกสาวเห็นน้ำตาของตัวเอง เลยกอดลูกสาวอีกครั้ง
“เซียวหยาง ตอนนี้เมิ่งนีอาการเป็นอย่างไรบ้าง?” เสิ่นอ้าวจุนมองเซียวหยางอย่างต้องการความช่วยเหลือ
เซียวหยางส่งสายตาให้เสิ่นอ้าวจุนว่าไม่ต้องเป็นห่วง จากนั้นก็นั่งยองลง ก่อนจะลูบจมูกของหลี่เมิ่งนีพลางพูด
“เมิ่งนีเด็กดี พวกเราไม่ต้องไปโรงพยาบาลนะ เมื่อครู่คุณสลบไป เพราะเรียนหนักเกินไป กลับไปกินอะไรอร่อยๆ ก็พอแล้ว ไม่ต้องฉีดยา เข้าใจไหม?”
เซียวหยางในตอนนี้ อ่อนโยนเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนเจ้าของสำนักดราก้อนที่เย่อหยิ่งอีก และไม่เหมือนชายที่จะปกป้องภรรยาให้พ้นจากอันตราย และยิ่งไม่เหมือนพี่ใหญ่ที่จูงสุนัขทิเบตันด้วยล่ะ
เซียวหยางในตอนนี้ เหมือนลุงที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
“นี่พวก ไม่ต้องการรถพยาบาลแล้วจริงๆ เหรอ คุณมั่นใจไหม?”
นายแพทย์ไม่กล้าเสียดสีเซียวหยางอีก แต่กลับถามด้วยน้ำเสียงดี
เซียวหยางโบกมือพลางพูด “เด็กคนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว พวกคุณไปทำงานของพวกคุณเถอะ”
นายแพทย์ส่ายหัวด้วยความหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร ถึงอย่างไรเมื่อครู่เขาก็พยายามช่วยเด็กหญิงคนนี้ให้ฟื้นได้
สุดท้ายเซียวหยางก็ช่วยเด็กหญิงมาได้แล้ว ถ้าอยู่ต่อไปการเรียนรู้มาอย่างไม่รอบรู้นั้นจะต้องถูกเปิดโปงแน่นอน เลยบอกลาเล็กน้อย ก่อนจะออกไปกับรถพยาบาล
ผู้อำนวยการกับครูเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เลยบอกลากับทุกคน
ประตูโรงเรียน ตอนนี้เหลือเพียงเซียวหยางกับเสิ่นอ้าวจุนแม่ลูกเท่านั้น
“ลุง เมื่อครู่คุณช่วยฉันเอาไว้จริงๆ เหรอ?”
หลี่เมิ่งนีขยับขาด้วยความไว ก่อนจะวิ่งไปหาเซียวหยาง แล้วกอดขาของเซียวหยาง พลางเงยหน้าถามด้วยความสงสัย
เซียวหยางส่ายหัว ก่อนจะลูบหัวของเมิ่งนี พลางพูด “ลุงเห็นว่าคุณหลับลึกมาก เลยจักจี้รักแร้สักหน่อย คุณก็ตื่นขึ้นมาแล้ว”
เซียวหยางจักจี้รักแร้ของหลี่เมิ่งนีเล็กน้อย จากนั้นหลี่เมิ่งนีก็ยิ้มหวานขึ้นมา เหมือนคนที่สดใสมาก ก่อนจะอยู่ในอ้อมกอดของเซียวหยาง ทั้งสองคนก็ยิ้มแย้มกันขึ้นมา
เมื่อเห็นฉากนี้ เสิ่นอ้าวจุนก็ถอนหายใจยาวๆ ทันที สุดท้ายลูกสาวก็ไม่เป็นไรแล้ว
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเซียวหยาง ถ้าเซียวหยางไม่ช่วยเอาไว้ ลูกสาวตัวเองอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาง่ายขนาดนี้
นอกจากเสิ่นอ้าวจุนจะสุขใจ เซียวหยางรู้สึกซึ้งใจมากกว่าเสียอีก
เธอรู้ดี ว่าเธอติดค้างอะไรเอาไว้แล้วล่ะ