ในตอนเที่ยง เซียวหยางลงไปกินข้าวที่ชั้นล่าง กำลังจะเดินออกประตูตึก เซียวหยางก็สังเกตเห็นรถคันหนึ่งตามตัวเองอยู่ไม่ไกล
เซียวหยางเดินไปยังถนนที่อยู่หลังตึก แล้วเข้าซอยไป
ไม่นาน ก็มีชายหกคนลงมาจากรถออฟโรดคันนั้น มองสบตากัน แล้วตามไปติดๆ
ในซอยที่ไร้ผู้คน
“แม่ง ไอเด็กนั่นมันหายไปไหนแล้ววะ ?”
“เห็นอยู่ตำตาว่าไอเด็กนั่นมันเดินเข้ามาในซอยนี้ แล้วมันหายไปไหนวะ ?”
ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในซอย “พวกนายกำลังหาฉันอยู่เหรอ ?”
ร่างของเซียวหยางเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“ไอ้หนู กล้าล้อเล่นกับพวกเราเหรอ ? ”ชายหน้าตาดุร้ายคนหนึ่งพูดขึ้นมา บนคอมีรอยแผลเป็น ราวกับมีตะขาบเกาะเอาไว้ เห็นแล้วน่ากลัวยิ่งนัก
“ล้อเล่นอะไร พวกนายต่างหากที่สะกดรอยตามฉัน ทำไมถึงได้กลายเป็นฉันที่เป็นคนล้อเล่นไปได้ ? ”
เซียวหยางพูดเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มไปว่า“ บอกฉันสิ ใครส่งพวกนายมา ?”
“ไอ้หนู มีทางดีๆให้เดินกลับไม่เดิน จะลงนรกอยู่ท่าเดียว นายเลือกเองนะ พวกเรา ล้อมเอาไว้ !”
ชายตะขาบโบกมือ คนพวกนั้นก็ล้อมหน้าล้อมหลังเซียวหยางเอาไว้
“ไอ้หนู มีคนอยากให้เราจัดการนายให้พิการ หากไม่ขัดขืน เราจะเอาแค่แขนทั้งสองข้างของนาย ”
“หากขัดขืน ก็เพิ่มขาอีกสองข้าง ”
เขาก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วตบไปที่ไหล่ของเซียวหยางอย่างหยอกล้อ พูดขึ้นว่า“นายเลือกเอาเองก็แล้วกัน !”
สีหน้าของเซียวหยางเรียบนิ่ง “พูดแบบนี้ หากไม่สู้ก็หมดทางเจรจาแล้วนะสิ ? ”
“ยังคิดสู้ ? ฮ่าฮ่าฮ่า พวกพี่ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ หากนายยังพอมีความคิด ก็คุกเข่าลงกับพื้นดีๆ แล้วพวกพี่จะเอาแค่แขนสองข้างกลับไปเป็นผลงาน แล้วอัดคลิปวิดีโออีกนิดหน่อย ”
“แล้วถ้าฉันไม่ยอมล่ะ? ”เซียวหยางถามกลับ
“ไม่ยอม งั้นก็อย่าหาว่าพวกพี่ใจดำอำมหิตแล้วกัน ”
“พาลขนาดนั้นเชียว ? ข่มเหงกันเกินไปหน่อยรึเปล่า ”
“เหอะๆ บนโลกใบนี้ คนที่อ่อนแอก็ย่อมเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแรงกว่า !”
ชายตะขาบหัวเราะเยาะออกมา พูดแล้วก็ตั้งท่าต่อสู้ “จะโทษก็คงต้องโทษนายที่ไปมีเรื่องกับคนที่ไม่ควรจะมีเรื่องด้วย สมควรแล้วที่เจอแบบนี้ !”
“พวกเรา ไอ้เด็กนี่มันไม่ยอมดีๆ จัดการหักแขนและขาของมันซะ แล้วเอากลับไปเป็นผลงาน !”
ชายตะขาบโบกมืออย่างจนใจ ไม่อยากแม้แต่จะมองไปที่เซียวหยาง
เพียงแต่ว่า ในเวลานี้ เซียวหยางก็ยกฝ่ามือขึ้น เหวี่ยงตบไปที่ชายตะขาบทันที
ป้าบ!
ชายตะขาบหมุนเคว้งไปในอากาศอยู่หลายตลบ แล้วหล่นตุบลงกับพื้น กระอัก จนเลือดแดงกับฟันที่หักไหลทะลักออกจากปาก
ยังไม่ทันที่ชายตะขาบจะได้ส่งเสียงร้อง อีกหมัดก็ชกเข้าไปที่ใต้คางของอันธพาลผมแดงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
คว้าก!
กระดูกคางแตกละเอียด เสียงร้องที่อนาถ ทันทีที่เซียวหยางยกขาขึ้น ก็ถีบไปที่กระดูกต้นขาของเขา
เสียงคว้ากก็ดังขึ้นอีกครั้ง กระดูกต้นขาโค้งงอจนเป็นรูปที่แปลกประหลาด อันธพาลผมแดงเจ็บปวดจนล้มกลิ้งลงไปกับพื้น
“เชรด กล้าลองดีกับพวกเรา เอามันให้ตายเลย !”
อันธพาลที่เหลือ ก็พุ่งเข้ามาทันที
เซียวหยางยิ้มเยาะ กระแทกเข่า ไปยังหน้าอกของชายคนหนึ่ง ทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมา แล้วล้มลงไปกับพื้น เป็นตายไม่รู้
จากนั้น อัพเปอร์คัตซ้าย และจู่โจมฟาดด้วยขา กวาดคู่ต่อสู้จนล้มระเนระนาด!
จัดการจนอันธพาลที่ว่าฝีมือดี ต่างกลัวจนเหยี่ยวหดตดหาย
เพียงชั่วครู่ อันธพาลทั้งหกคนที่ว่านี้ต่างพากันลุกไม่ขึ้น บ้างก็กุมไปยังข้อเข่าที่หักแล้วส่งเสียงกรีดร้อง บ้างก็กุมไปยังข้อแขนที่หักแล้วส่งเสียงกรีดร้องอย่างทรมาน
และทั้งหมดนี้ ก็เกิดขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว
มันเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจริงๆ เร็วจนคนเหล่านี้แทบไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
“ฉิบหาย ไอ้เด็กนี่มัน……ทำได้ยังไงวะ?”ชายตะขาบรู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั้งร่างกาย และประหลาดใจมาก
“ไอเด็กคนนี้ไม่ใช่พวกไร้น้ำยาเหรอ แม่งเอ๊ย แบบนี้ยังเรียกไร้น้ำยาได้เหรอ ? เย็xแม่ง !”
ดวงตาของชายตะขาบเยือกเย็น แล้วจับไปยังเอวด้านหลัง กำลังจะหยิบของสีดำชิ้นหนึ่งที่ซ่อนเอาไว้ออกไป
“อยากควักออกมา ? เว้นแต่ว่านายจะมีความมั่นใจพอว่าจะจัดการกับฉันได้ ไม่อย่างนั้น รับผิดชอบผลที่ตามมาด้วย !”
เซียวหยางที่หันหลังกลับ นัยน์ตาก็แปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นทันที ในช่วงเลือนรางนั้น ก็มีไอสังหารปรากฏ
ชายตะขาบจำต้องกลืนน้ำลายลงคอ หนังศีรษะชาวาบ ดวงตาของเจ้าเด็กคนนี้ช่างน่ากลัวนัก ราวกับมังกรที่บ้าคลั่ง จนทำให้ไม่กล้าคิดที่จะต่อต้านอีก
เขารู้ดี หากเขาพลาด คนที่จะต้องตายนั้นเป็นตัวเขาแน่นอน !
“นายชนะ ฉันยอมแพ้!”
ชายตะขาบพูดออกไปด้วยความกลัว
เซียวหยางยักไหล่ เดินมาตรงหน้าเขา แล้วพูดว่า“ ใช้ได้นี่ อย่างน้อยก็ยังพอมีความคิด ให้ฉันเดา ว่าใครส่งพวกนายมา ”
“ใช่ถังเทียนหวาที่ส่งพวกนายมาจัดการกับฉันให้ถึงขั้นพิการเลยถูกไหม ? ”
ในเมืองหยินโจว คนที่เป็นศัตรูกับเซียวหยางก็มีแค่ไม่กี่คน จ้าวฟางสงถูกสั่งสอนจนหลาบจำไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ส่งใครมาเพื่อทำร้ายเขาอีก
ส่วนพวกP-one ยิ่งไม่มีทางที่จะหาคนฝีมือห่วยๆแบบนี้มา และคนเดียวที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดนั้นก็คือถังเทียนหวา
“ในเมื่อนายรู้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องถามอีก”พี่ชายตะขาบก็ยอมรับแล้วเช่นกัน
เซียวหยางยิ้มเยาะ “กลับไปบอกนายคุณ บัญชีครั้งนี้ผมจดเอาไว้แล้ว คราวหน้าผมจะทบต้นทบดอก ไสหัวไปซะ ”
พูดจบ เซียวหยางก็เดินออกจากซอยไป
ดูแล้วจะเป็นไปอย่างที่เย่หยุนซูพูด ถังเทียนหวาเป็นคนใจแคบ เรื่องเพียงเท่านี้ก็ส่งคนมาจัดการเซียวหยางแล้ว
คงได้แต่แอบพูดในใจกับชายตะขาบพี่ชายตะขาบว่าซวยแล้ว แต่พวกเขาจะทำอะไรไม่ได้ คงต้องบากหน้ากลับไปรายงานผลงาน
แต่ ที่พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นนั้นก็คือ มีเงาบางอย่างหายวับไป ในตอนที่พวกเขาจากไป
……
ในวิลล่าส่วนตัวของถังเทียนหวา ถังเทียนหวาที่กำลังดื่มด่ำกับไวน์แดงลาฟีตปี 82 และกำลังดูนางแบบวัยรุ่นสาวสวยเดินแบบ ในทุกรอบที่เดินชุดเสื้อผ้าที่ใส่ก็จะลดลงไปหนึ่งชิ้น
สายตาของถังเทียนหวายิ่งดูก็ยิ่งเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่นางแบบวัยรุ่นสาวสวยเหลือเพียงเสื้อชั้นในตัวเดียวนั้น ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“คุณชาย พวกตะขาบกลับมาแล้วครับ”
“ทำไมกลับมาเร็วจัง ดี ให้พวกเขาเข้ามา”
ถังเทียนหวากวักมือให้สัญญาณ นางแบบวัยรุ่นสาวสวยก็หย่อนก้นนั่งลงไปที่อ้อมกอดเขา
“เซียวหยาง กล้าที่จะเป็นศัตรูกับฉัน ก็ต้องหักแข้งหักขาแบบนี้แหละ อยากรู้นักว่าเย่หยุนซูจะยังมองแกอีกไหม!”
ถังเทียนหวายังจินตนาการอย่างภาคภูมิ แต่กลับเห็นพวกตะขาบและคนอื่นๆเดินกะเผลกกันเข้ามา ใบหน้าบวมช้ำ เต็มไปด้วยฝุ่นเกาะอยู่ทั่วตัว
“แม่ง นี่มันบ้าอะไรวะ ?”
ตะขาบพูดด้วยสีหน้าสลด “คุณชาย เรื่องที่ให้ไปทำพังไม่เป็นท่าเลยครับ ไอเด็กนั้นฝีมือดีมาก พวกเรา……พวกเราสู้ไม่ได้เลยครับ”
“ ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์!ไอพวกขยะไร้ประโยชน์ !”
“กะอีแค่เขยที่แต่งเข้าบ้านพวกแกยังจัดการไม่ได้ ฉันจะเลี้ยงพวกแกไว้ให้เสียข้าวสุกทำไม !”
ถังเทียนหวาคว้าที่เขี่ยบุหรี่ เขวี้ยงไปที่ใบหน้าของตะขาบ ทันใดนั้นใบหน้าของตะขาบก็เกิดแผลขึ้นมาทันที เขาปวดจนต้องกลั้นเสียงเอาไว้ ไม่กล้าให้มันเล็ดลอดออกมา
“ถังเทียนหวาใช่ไหม นางแบบสาวกับไวน์ ดูไปแล้วคุณก็ช่างหาความสุขเป็นจริงๆ ”
และในตอนนี้เอง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึง แล้วมองไปยังที่มาของเสียงนั่น
เห็นเพียงโซฟาตรงมุมห้องโถง ไม่รู้ว่ามีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่นตั้งแต่เมื่อไรกัน สวมใส่ชุดสูท นั่งไขว่ห้าง ยิ้มเยาะมาที่พวกเขา
“แกเป็นใคร เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ทันใดนั้นถังเทียนหวาก็ลุกขึ้น ด้วยท่าทีที่ไม่อยากจะเชื่อ
วิลล่าของเขามีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดี บอดี้การ์ดไม่ต่ำกว่าสามสิบคน หากไม่ได้รับอนุญาตจากเขา อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็บินเข้ามาไม่ได้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขากล้าที่จะหาความสุขส่วนตัวที่นี่ โดยไม่สนอะไร
กาเบรียลยกยิ้ม เคาะไปที่หัว ราวกับกำลังนึกคิดอะไรบางอย่าง
“ถ้าจะพูดให้ถูก ก็คงเข้ามาตอนที่คุณให้นางแบบเดินโชว์ จุ๊ๆ ช่างเป็นศิลปะการแสดงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ”