เซียวหยางเห็นอย่างนั้น ก็ส่ายหน้าไปมา “นี่คือสาเหตุที่การแพทย์แผนจีนตกต่ำสินะ พวกแกแต่ละคน ไม่ได้มีความรู้ความสามารถสักเท่าไหร่เลย ดีแต่โวยวายกันเท่านั้น หมอในสมัยโบราณอ่อนน้อมถ่อมตนมากอีกทั้งยังยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น แต่ดูพฤติกรรมของพวกเธอสิ เห่าเหมือนหมาบ้านไม่มีผิด หมดทางเยียวยาจริง ๆ!”
“บัดซบเอ้ย ไอนี่มันด่าพวกเราว่าเป็นหมาใช่ไหม?”
“ไอหนุ่ม แกแม่งประสาทหรือไงวะ ว่าใครเป็นหมาบ้านห๊ะ?”
แต่เซียวหยางกลับไม่สนใจพวกเขาเลย ได้แต่หันหน้าแล้วจากไป
ผิดหวังเหลือเกิน ปวดใจจริง ๆ!
การแพทย์แผนจีนตกต่ำ หมดหนทางเยียวยา!
“คิดจะหนีเหรอ? ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
หลี่เป่าเหนิงยื่นมือไปรั้งเซียวหยางเอาไว้
ปล่อยไอ้หนุ่มนี่ไป ก็เท่ากับว่าเขากลัวสิ ถ้ากลัว งั้นพวกมันก็จะยิ่งอวดดีไม่เกรงกลัวอะไร
“ทำไม คิดจะจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคลของฉันเหรอ? เกรงว่าพวกนายจะรั้งฉันไว้ไม่ได้นะ!”
หลี่เป่าเหนิงท่าทางเด็ดเดี่ยวเคร่งขรึม พูดแทนหมอทุกคนว่า “ฉันต้องการให้แกขอโทษทุกคน!”
“ขอโทษ? เพราะฉันพูดว่าทักษะการแพทย์ของพวกนายแย่ก็ต้องขอโทษงั้นเหรอ? นี่มันเหตุผลบ้าอะไร?”
ลูกศิษย์ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ทำเสียงเหอะออกมา แล้วยืดหน้าอกเล็ก ๆ ของตัวเองขวางเซียวหยางเอาไว้
“คนอื่นฉันไม่สน แต่นายต้องขอโทษอาจารย์ของฉัน!”
เซียวหยางยิ่งไม่เข้าใจ แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า : “เพราะอะไร ซุนจ้าวเหนียงอาจารย์ของเธอมีทักษะการแพทย์ที่อ่อนด้อย ล้าหลัง เทคนิคทางการแพทย์ที่บริษัทหยุนซูควบคุมไว้ ฉลาดล้ำกว่าเขาตั้งไม่รู้กี่เท่า แล้วทำไมฉันต้องขอโทษเขาด้วย?”
“แก……แกมันเหลวไหล!”
ลูกศิษย์ผู้หญิงคนนั้นโกรธจนหายใจหอบ “แกกล้าดูถูกอาจารย์ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
ทุกคนต่างประณามเซียวหยาง ถ้าหากคนสามารถจมน้ำลายตายได้ เซียวหยางคงจมตายไปแล้ว
ส่วนเย่หยุนซูที่อยู่รอบนอก ตอนนี้กลับตกอยู่ในภวังค์
ที่จริงเมื่อครู่นี้ตอนที่เฉียนโหย่วฉายและบริษัทใหญ่อื่น ๆ กดดันบริษัทหยุนซู บริษัทหยุนซูได้ถูกเตะตกรอบไปแล้ว
ทั้งต้นทุนทางการก่อสร้าง รวมถึงต้นทุนทางยาและอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ต่าง ๆ บริษัทหยุนซูไม่ใช่คู่แข่งของบริษัท Qian Medical กรุ๊ปเลย
ถ้าหากยึดตามราคาที่บริษัท Qian Medical กรุ๊ปเสนอมา บริษัทหยุนซูคงจะขาดทุนย่อยยับเลยทีเดียว
แต่คำพูดเหล่านี้ของเซียวหยาง ทำให้พบจุดเปลี่ยนท่ามกลางเสียงแห่งความสงสัย
เซียวหยางได้ชี้ช่องทางอื่นให้กับบริษัทหยุนซู ซึ่งเป็นทางที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน
พวกเขาเอาแต่คิดมาตลอดว่าจะทำยังไงให้กดราคาได้ต่ำลง เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์มากขึ้น แต่กลับคิดไม่ถึงในเรื่องของเทคนิคการรักษา
เมื่อเป็นแบบนี้ บริษัทหยุนซูก็มีโอกาสได้หายใจขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าหากบริษัทหยุนซูสามารถแสดงให้เห็นถึงเทคนิคทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมได้ ก็จะมีโอกาสได้ชนะการแข่งประมูลครั้งนี้
ในแง่ของความคิด แม้แต่เย่หยุนซูก็แอบยกย่องชื่นชมเซียวหยาง ที่คิดหาทางอื่นได้ สมองปราดเปรื่องจริง ๆ
แต่มีข้อเสียอยู่เรื่องหนึ่ง ก็คือพูดแรงเกินไป พูดซะพวกหมอเหล่านั้นไม่มีดีอะไรเลย แถมยังย่ำยีซุนจ้าวเหนียงอีกด้วย ดังนั้นถูกหาเรื่องแบบนี้ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้
แต่เย่หยุนซูพอใจกับการกระทำของเซียวหยางมาก ให้เขาเข้ามาทำงานที่บริษัทดูท่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ถึงแม้ปกติเจ้าหมอนี่ทำตัวไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญ ก็ใช้การได้ดีทีเดียว
“พอได้แล้ว ทะเลาะกันจนฟังความไม่รู้เรื่อง เละเทะไปหมดแล้ว!”
ในที่สุดประธานเจิ้งก็มีสีหน้าโมโห จ้องไปที่เซียวหยางแล้วพูดว่า :
“พ่อหนุ่ม ในเมื่อไม่รู้ก็ผิด ฉันเห็นว่านายทำเพื่อแข่งประมูลถึงได้พูดจาไร้เหตุผลพวกนี้ออกมา ฉันไม่ถือสาเอาความนายแล้ว รบกวนนายกับบริษัทหยุนซูของพวกนายกลับไปซะเถอะ ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกนาย!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ก็มีเสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นทันที
“ประธานเจิ้งพูดได้ดีครับ รีบไสหัวไปซะสิ คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง ยังคิดจะร่วมมือกับสมาคมการแพทย์อีกเหรอ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ”
“ใช่ รีบไสหัวไปซะ บริษัทหยุนซูน่ารังเกียจจริง ๆ เพื่อได้รับความร่วมมือ ถึงกับยอมทำทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย!”
บรรดาหัวกะทิของบริษัทหยุนซู แต่ละคนสีหน้าบึ้งตึง อยากโต้ตอบกลับแต่ก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับไปได้เลย
เมื่อตกต่ำลงก็มีแต่ผู้คนเหยียบย่ำซ้ำเติม พากันข่มเหงรังแก ไม่ว่าจะเป็นพวกผู้ประกอบการหรือพวกหมอ ต่างก็เอาความผิดของเซียวหยางมาโยนใส่บริษัทหยุนซู
“ช่างมัน พวกเราไปกันเถอะ!” เย่หยุนซูก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง ในเมื่อคนพวกนี้ไม่มีเหตุผลกันขนาดนี้ งั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองอึดอัดใจคับแค้นใจ
เซียวหยางแสยะยิ้มออกมา “แพทย์แผนจีนตกต่ำถึงขนาดนี้ ไม่ถึงร้อยปี ต้องล่มสลายสูญหายไปแน่นอน!”
……
ซุนจ้าวเหนียงสูบบุหรี่อยู่หน้าประตูสองมวน ในหัวกำลังคิดถึงภาพเหตุการณ์วันนั้นที่ได้พบกับเซียวหยาง
วิสัยทัศน์ที่แตกต่างไม่เหมือนใครของอีกฝ่าย สมองที่ปราดเปรื่องว่องไว ทำให้การแพทย์แผนจีนมีชีวิตชีวาขึ้นมา คนแบบนี้หากอยู่ในยุคโบราณ สามารถก่อตั้งสำนักวิชาแพทย์รุ่นแรกได้เลย หากอยู่ในยุคปัจจุบัน ต้องกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ด้านการแพทย์อย่างแน่นอน
ทักษะการแพทย์อันน่าทึ่งของเขา ถ้าหากสามารถเอามาแบ่งปันให้ทุกคนได้ ทั่วทั้งวงการแพทย์แผนจีน คงจะยินดีร่วมเฉลิมฉลองกันทั่วหล้า
แต่น่าเสียดาย ที่ครั้งนี้ไม่ได้พบกันอีก
หรือว่ามีบุพเพนำพามาพบกันแต่ไร้วาสนาที่จะได้เจอกันอีก?
ซุนจ้าวเหนียงถอนหายใจออกมา แล้วเดินเข้าไปในห้องประชุม
แต่เมื่อเข้าไป ก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันเอะอะ ได้ยินคนกลุ่มหนึ่งตะโกนพูดว่าสารเลวอะไรทำนองนี้
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ซุนจ้าวเหนียงขมวดคิ้ว แล้วเดินไปข้างหน้า
ปรากฏว่า ได้พบกับเซียวหยางที่กำลังจะกลับไปพร้อมกับบริษัทหยุนซูพอดี!
ซุนจ้าวเหนียงรู้สึกช็อกหนักมาก!
ตื่นเต้นจนหนวดเคราสั่นไหวไปหมด รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาทันที
“หมอเทวดาน้อย คุณหมอเทวดาน้อย ในที่สุดก็ได้พบคุณแล้ว!”
“บังเอิญมากจริง ๆ ผมคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้พบคุณอีกแล้ว ไอหยา ดีจังเลย ดีมากเลยจริง ๆ!”
ซุนจ้าวเหนียงอยู่มาครึ่งชีวิตแล้ว แต่ไม่เคยตื่นเต้นเหมือนอย่างวันนี้มาก่อนเลย
เขาตื่นเต้นจนหน้าแดงไปหมด มือข้างหนึ่งจับแขนของเซียวหยางไว้จนแน่นไม่ยอมปล่อย
“ผมมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่คุณมองไม่เห็นผมเอง” เซียวหยางตอบกลับอย่างเรียบเฉย
วันนี้เห็นสภาพของสมาคมการแพทย์แล้ว มันก็เท่านั้นเอง ดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ยอมรับคนที่เก่งกว่าตัวเองไม่ได้
จากเรื่องนี้เห็นได้ว่า ตั้งแต่ระดับบนยันระดับล่าง ได้เน่าเสียเข้ากระดูกไปแล้ว หมดหนทางเยียวยาแล้ว
ซุนจ้าวเหนียงตกใจจนหน้าถอดสี เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเซียวหยางจะอยู่ในห้องประชุมมาโดยตลอด เขากำลังจะสอบถามต่อ แต่กลับถูกคนอื่นพูดขัดขึ้นมา
“อาจารย์ คุณกำลังทำอะไรครับ คุณรู้จักกับไอ้นี่ด้วยเหรอ?” ลูกศิษย์ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อสักเท่าไหร่
“ไอ้เวรนี่!” ซุนจ้าวเหนียงพูดขัดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ทำไมแกถึงกล้าเรียกหมอเทวดาน้อยแบบนี้!”
“หมอ……หมอเทวดาน้อย นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ลูกศิษย์ผู้ชายคนนั้นสับสนงุนงงไปชั่วขณะ
“ผู้อาวุโสซุน คุณรู้จักกับไอ้หนุ่มนี่เหรอ?” หลี่เป่าเหนิงเดินออกมา แล้วขมวดคิ้วเอ่ยถาม
เดิมทีได้ไล่บริษัทหยุนซูไปแล้ว แต่จู่ ๆ กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ซุนจ้าวเหนียงลูบเคราตัวเอง แล้วพูดด้วยท่าทียิ้มแย้มพึงพอใจว่า :
“ก็ไม่เชิงรู้จักหรอก แม้กระทั่งชื่อของหมอเทวดาน้อยฉันก็ยังไม่รู้เลย แต่ว่า เคสตัวอย่างที่ฉันเคยพูดให้พวกเธอฟังก่อนหน้านี้ ก็มาจากอาจารย์หมอผู้วิเศษคนนี้แหละ เทคนิคการรักษาแบบนี้ แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังเทียบไม่ได้”
ซุนจ้าวเหนียงเองก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าเมื่อเขาพูดประโยคนี้จบ ทุกคนในที่นี้ต่างพากันช็อกไปหมด
ส่วนเย่หยุนซูที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ยิ่งตกตะลึงจนเอามือขึ้นมาป้องปากเรียวบางนั้นไว้ ถึงแม้เธอไม่ค่อยเข้าใจว่าเคสตัวอย่างนั่นบ่งบอกถึงอะไร แต่สามารถทำให้ชายชราใกล้ตายคนหนึ่งฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง ถือว่าเป็นทักษะการแพทย์ที่พบได้ยากยิ่งนัก
เจ้าหมอนี่ ทำให้ตัวเองรู้สึกเซอร์ไพรส์อีกแล้ว!