บทที่9 ภาวะไตบกพร่อง
เย่หยุนซูรู้สึกอึดอัด เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นสามีของเธอ การที่ฝ่ายตรงข้ามพูดเช่นนี้ มันก็มากเกินไปหน่อย
แต่ว่าสีหน้าของเซียวหยางก็ยังคงราบเรียบ ราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เพราะว่าเขาเข้าใจเย่หยุนซู ผู้หญิงแบบหยุนซู ไม่ชอบผู้ชายอย่างจ้าวฟางสงหรอก
เพียงแต่ว่าเซียวหยางนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงสักเท่าไหร่ ในเวลาแบบนี้ เย่หยุนซูหวังที่สุดว่าเซียวหยางจะยืนเคียงข้างเธอ แต่เซียวหยางก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น จึงทำให้ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ หายไปจนหมดสิ้นเพียงพริบตาเดียว
“ประธานจ้าว ท่านยังไม่ได้ดื่มเหล้าเลย ทำไมถึงได้พูดพร่ำเพ้อแบบนี้ล่ะ” เย่หยุนซูพูดขึ้นอย่างราบเรียบประโยคหนึ่ง
“หยุนซู ผมไม่ได้พูดพร่ำเพ้อนะ พูดตามตรง ที่ผมอยากเจอคุณ ก็เพราะอยากให้คุณดูอาการ”
เย่หยุนซูงุนงง “ดูอาการ?”
ตัวเองไม่ใช่หมอสักหน่อย แล้วก็ดูอาการไม่เป็นด้วย เจ้าหมอนี้หมายความว่าอะไรกันแน่นะ
เพื่อที่จะจีบเย่หยุนซู จ้าวฟางสงก็เตรียมตัวมาไม่น้อย เขายิ้มแล้วกล่าวขึ้นว่า:“แม้ว่าผมจะร่ำรวยมากกว่าร้อยล้าน อยากจะให้หมอคนไหนมารักษาก็สามารถเชิญมาได้ แต่ว่าโรคที่ผมเป็นนั้นมีเพียงคุณคนเดียวที่จะสามารถรักษาได้”
เย่หยุนซูเห็นจ้าวฟางสงพูดคุยอย่างสนุกสนาน ไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย
ในความเป็นจริงแล้ว จ้าวฟางสงนั้นไม่ได้เป็นโรคอะไร เขาคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าหากว่าเย่หยุนซูถามว่าเขาป่วยเป็นโรคอะไร เขาก็จะสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่า เขาป่วยเป็นโรคหัวใจ จะได้ดูโรแมนติก
แต่ว่ายังไม่ทันรอให้เย่หยุนซูเอ่ยถามเซียวหยางก็พูดขึ้นว่า:“คุณป่วยจริงๆ”
จ้าวฟางสงตะลึงงันครู่หนึ่ง ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า:“ใช่แล้ว ผมป่วย”
“คุณป่วยจริงๆ ผมไม่ได้ล้อเล่นกับคุณนะ” เซียวหยางยิ้มสัพยอกพลางพูดขึ้น
เวลานี้สีหน้าของจ้าวฟางสงไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เขากำลังจะสร้างความโรแมนติก แต่ว่าเซียวหยางกำลังด่าตนอยู่ชัดๆ
“เหอะ เหอะ หรือว่าคุณเซียวไม่เพียงรู้ภาษาฝรั่งเศสแล้ว ยังมีความรู้เรื่องการแพทย์อีก?”
เซียวหยางยิ้มอย่างเรียบเฉย “ก็รู้มากกว่าคุณก็แล้วกัน”
จ้าวฟางสงโมโหขึ้นมาทันที แม่มึงดิ เจ้าหนุ่มนี่พอเข้ามาก็ตั้งท่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับตน แล้วใช้มีดค่อยๆแทงคนอย่างช้าๆ ให้ทรมานสุดๆ
หากไม่มีครอบครัวของเย่หยุนซูอยู่ด้วย เขาก็คงโมโหจนล้มโต๊ะไปแล้ว
“ผมจ้าวฟางสงแม้ว่าความรู้จะไม่ถึงขั้น แต่ว่าครอบครัวก็มีโรงพยาบาลใหญ่หลายแห่งอยู่ในเมืองหยินโจวคิดว่าตนยังพอมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง”
“คุณเซียวพูดจาโอ้อวดขนาดนี้ ไม่ทราบว่าคุณวินิจฉัยโรคของผมว่ายังไง ผมป่วยเป็นโรคอะไรหรอครับ?”
เซียวหยางพูดขึ้นว่า:“ประธานจ้าว ผมว่าที่ผมเห็นท่าทางฮึกเหิมของคุณแบบนี้ ก็คงจะเป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น ถ้าหากผมวินิจฉัยไม่ผิดล่ะก็ คุณคงปวดเอวปวดหลังบ่อยๆ แขนขาเย็น เวียนหัว ตอนกลางคืนเวลานอน มักจะเหงื่อออกช่วงกลางดึก”
จ้าวฟางสงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึง อาการเหล่านี้เขาพูดได้อย่างถูกต้อง
ไอ้เจ้าขยะนี้มีความสามารถทั้งสองอย่างนี้จริงๆ
บ้านของจ้าวฟางสงมีโรงพยาบาล ดังนั้นเขาเคยตรวจมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็แค่ร่างกายอ่อนแอ ไม่ได้เป็นโรคหนักหนาอะไร
“คุณเซียว ขอโทษนะครับ อาการที่คุณพูดถึง ผมไม่ได้มีอาการนั้นเลยแม้แต่น้อย ผมสุขภาพแข็งแรงดี”
เซียวหยางยิ้มเยาะ:“มีหรือไม่มีคุณรู้อยู่แก่ใจ ”
เมื่อจ้าวฟางสงได้ยินดังนั้นในใจก็รู้สึกลนลาน พลางพูดขึ้นว่า:“ดูคุณพูดอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่โต ผมอยากจะถามคุณกลับหน่อยว่า ผมเป็นโรคอะไรกันแน่?”
เซียวหยางพูดขึ้นว่า:“ถ้างั้นอาการที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้ คุณมีอาการเหล่านั้นหรือเปล่า?หากคุณไม่พูดความจริง ผมจะบอกว่าเป็นโรคอะไรก็คงจะไม่มีประโยชน์”
“ก็มีจริงๆ แต่นั้นก็เป็นเพราะว่างานยุ่งเกินไป ขาดการออกกำลังกายก็เท่านั้น”
เซียวหยางยิ้มเย้ยพลางพูดขึ้นว่า: “ประธานจ้าว อาการของคุณไม่ได้เป็นแค่วันสองวันแล้ว แต่เป็นภาวะไตพร่อง ช่วงนี้คุณต้องบำรุงไม่น้อย ต้องกินเนื้อแพะ เนื้อหมา แล้วก็กุยช่ายให้มากๆ”
สีหน้าของจ้าวฟางสงไม่สู้ดีนัก เหงื่อที่หน้าผากก็ค่อยๆไหลออกมาเรื่อยๆ ช่วงนี้เขาบำรุงร่างกายจริงๆ ว่าแต่ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้รู้ได้ยังไง
“คุณพูดจาเหลวไหล ผมก็แค่เหนื่อยเกินไปก็เท่านั้น ก็เลยมีอาการแบบนี้”
เซียวหยางพูดขึ้นอย่างเหยียดหยามว่า:“การที่เราทำงานเหนื่อยเกินไปนั้นอาจทำให้เรามีภาวะไตบกพร่องได้ แต่ว่าคุณหมกมุ่นกับโลกีย์มากเกินไปชักว่าวอย่างน้อยวันละสองครั้ง ผมขอให้คุณทางที่ดีลดละความอยากบ้าง เพราะหากยังเป็นอยู่แบบนี้ คุณอาจจะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือแม้กระทั่งแก่กว่าวัยอันควร ”
จ้าวฟางสงหน้าถอดสี เขานั้นเคยชินกับการชักว่าวจริงๆ แต่ว่าเจ้าหนุ่มนี่ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ นี่จะไม่ยอมให้ตนมีที่ยืนเลยหรือไง?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เซียวหยางพูดว่าจ้าวฟางสงอาจจะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั้น สีหน้าของหลิวฉ่ายเสียก็เปลี่ยนไป หล่อนยังหวังว่าลูกสาวของหล่อนจะได้แต่งงานกับจ้าวฟางสงและมีหลานให้หล่อนหนึ่งคน ถ้าหากเสื่อมสมรรถภาพทาง แล้วความสุขอีกครึ่งชีวิตของลูกสาวหล่อนจะทำยังไง
สีหน้าสวยสดงดงามของเย่หยุนซูเปลี่ยนไป ท่าทางไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ แม้กระทั่งรู้สึกหนาว คิดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ยังมีงานอดิเรกพิเศษชนิดนี้ด้วย
เมื่อเห็นสีหน้าของครอบครัวเธอเริ่มเปลี่ยนไปจ้าวฟางสงก็เริ่มนั่งไม่ติด สีหน้าหมองลง:“เหอะ เหอะคุณเซียวผมคิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อที่คุณจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับหยุนซูต่อ แม้แต่วิธีอันธพาลคุณก็กล้าใช้”
“ผมหย่ามาหลายปีแล้ว มุ่งมั่นอยู่แต่กับการทำงาน จะมีเวลาที่ไหนมาครุ่นคิดกับเรื่องโลกีย์?”
หลิวฉ่ายเสียได้สติทันที รีบพูดขึ้นว่า “ใช่แล้วฟางสงเป็นเถ้าแก่ใหญ่ของบริษัท จะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง แต่กับนายไม่แน่ หลายปีมานี้นายนอนแยกห้องกับหยุนซูนายคงทำเรื่องวิปริตแบบนั้นบ่อยครั้งล่ะสิ”
เซียวหยางไม่ปริปากพูด มีเพียงสีหน้าของเย่หยุนซูไม่ค่อยสู้ดีนัก หลายปีมานี้เซียวหยางไม่ได้นอนห้องเดียวกับเธอนั้นเป็นความจริง
ด้านหนึ่งเป็นเพราะสาเหตุจากพ่อแม่ อีกด้านหนึ่งเป็นสาเหตุมาจากตัวของเซียวหยางขอเพียงแค่ตนนั้นไม่พูดเซียวหยางก็ไม่มีทางจากแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ภายในใจของเย่หยุนซูถึงได้มองเขาเป็นเพียงคนขี้ขลาดไร้ความสามารถ
แม้ว่าจะแต่งงานมาสามปีแล้ว แต่เย่หยุนซูก็ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เมื่อจ้าวฟางสงได้ยินดังนั้นก็ดีใจ และมองเย่หยุนซูด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
เดิมทีก็คิดว่าจะได้ของมือสอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ของใหม่เอี่ยม ถ้างั้นเขาคงต้องพยายามให้มากกว่านี้แล้วล่ะ
ไม่นาน อาหารก็ถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ
จ้าวฟางสงรินไวน์แดงให้กับสุภาพสตรีอย่างสุภาพมากและรินให้กับตนเองหนึ่งแก้ว
เซียวหยางพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า:“ประธานจ้าวมีภาวะไตบกพร่อง ไม่ดื่มไวน์น่าจะดีกว่า”
จ้าวฟางสงเลิกคิ้วขึ้น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องที่เขาถนัด อีกทั้งเขาก็อยากแสดงให้เย่หยุนซูและครอบครัวเห็น เขาหัวเราะเยาะ
“คุณเซียว คุณยืนยันมาโดยตลอดว่าผมเป็นโรคภาวะไตบกพร่อง ผมว่าคุณต่างหากที่เป็นโรคนั้น คุณกล้าดื่มกับผมสักสองแก้วไหมล่ะ”
เมื่อเย่หยุนซูเห็นทั้งสองท้ากันดื่มเหล้า ก็อยากที่จะห้ามปราม แต่ว่ายังไม่ทันได้พูดก็กลับถูกหลิวฉ่ายเสียห้ามไว้
เธอนั้นเห็นเซียวหยางขัดหูขัดตามาตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ คุณมีเรื่องอะไร ทำไมถึงได้มาก่อกวนที่นี่ไม่หยุด
จ้าวฟางสงคิดว่าประสบการณ์ในการดื่มเหล้าของตัวเองน่าจะมากกว่าเขา จึงคิดอยากจะมอมเหล้าเซียวหยางเขาจะได้ขายหน้า ถ้าเป็นแบบนี้หยุนซูก็คงหวั่นไหวกับเขาบ้าง และเขาก็จะได้สมหวังกับเธอ
“ทำไมเหรอ นายนี่มันเป็นขยะจริงๆใช่ไหม แม้แต่ดื่มเหล้าก็ไม่กล้า?”
เมื่อเห็นเซียวหยางนิ่งเงียบจ้าวฟางสงก็คิดว่าเขากลัวแล้ว
“ได้ ผมขอต่อสู้ด้วยความยินดี”
เซียวหยางยิ้มอย่างราบเรียบ อย่าว่าแต่ไวน์เลย ต่อให้เป็นเหล้า จะให้ดื่มเท่าไหร่เขาก็ดื่มได้ไม่มีปัญหา เพราะร่างกายของเขานั้นแข็งแรง