“หยุนซู!”
เซียวหยางเห็นเย่หยุนซูที่ดูย่ำแย่ในห้องโดยสารเรือ ดวงตาคู่นั้นก็แดงก่ำขึ้นมา
ชั่วพริบตาเดียว ทั่วตัวเซียวหยางก็มีพลังที่หาเปรียบไม่ได้แผ่ซ่านออกมา ที่ยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนไม่ใช่ผู้ชายคนหนึ่ง แต่เป็นมัจจุราชตนหนึ่ง
แม้แต่กาเบรียลยังสั่นสะท้านไปทั้งตัว นานมากแล้วที่นายท่านไม่ได้โมโหขนาดนี้ กล้าแตะต้องเกร็ดมังกรของนายท่าน เตรียมหนาวสั่นได้เลย มนุษย์เอ๋ย!
พรึบ!
ร่างของเซียวหยางหายไปในชั่วพริบตา แล้วปรากฏขึ้นตรงหน้านักฆ่า
ขณะที่ดวงตาของนักฆ่าประสานเข้ากับรูม่านตาที่สงบนิ่งของเซียวหยางนั้น ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นทันที จากนั้นก็เย็นวูบที่คอ แล้วล้มลงไปกองกับพื้น
มือของเหลิ่งเฟิงที่ถือปืนอยู่สั่นระริก กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พลังของไอ้หมอนี่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ราวกับมีออร่าของความน่ากลัว เมื่อถูกครอบงำ คนก็จะเกิดกลัวจนสั่นสะท้านไปถึงส่วนลึกของจิตวิญญาณ
“พวกมึงยืนบื้อกันอยู่ทำไม จัดการมันสิ พวกมันมีกันแค่สองคน!”
เหลิ่งเฟิงสั่งการให้นักฆ่าทุกคนยิงใส่เซียวหยางกับกาเบรียลอย่างบ้าคลั่ง
แต่ว่า สิ่งที่ทำให้ทุกคนขนหัวลุกก็คือ เซียวหยางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จนนักฆ่าล้มลงจมกองเลือดไปทีละคน
ราวกับว่าสิ่งที่เขาถืออยู่ในมือไม่ใช่มีดสั้น แต่เป็นเคียวของมัจจุราช
“ปีศาจ! มันเป็นปีศาจ!”
นักฆ่าคนหนึ่งที่อายุค่อนข้างน้อยหน่อย สติแตกไปแล้ว โยนปืนทิ้งไป แล้วกระโดดออกไปนอกเรือทันที
แต่ว่า ขณะที่ตัวของเขากำลังลอยอยู่ในอากาศ ตรงหน้าอกก็มีรูที่มีเลือดไหลปรากฏขึ้น
“ฉันบอกแล้ว ว่าต้องตายทั้งหมด!”
เซียวหยางลูบเลือดสด ๆ ที่อยู่บนใบหน้า แล้วเดินไปข้างหน้าทีละก้าวทีละก้าว
กาเบรียลที่กำลังเคี้ยวหมากฝรั่ง ใช้ปืนอินทรีทะเลทรายด้วยลูกเล่นมากมายหลายแบบ กราดยิงศัตรูที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปชั่วครู่ ศัตรูที่อยู่บนเรือก็ถูกกำจัดจนหมดสิ้น
“ฉันจะไปช่วยหยุนซู นายไปดูที่อื่นนะ อย่าลืมเค้นถามที่มาที่ไปของนักฆ่าด้วย!”
“ครับ นายท่าน!”
กาเบรียลวาบไปด้านหลังเรือ เพื่อดูว่ายังมีปลาที่หลุดจากแห่อีกหรือเปล่า
“แม่งมึงอย่าเข้ามานะ ถ้าเข้ามากูฆ่ามันแน่!”
ในตอนนี้ เหลิ่งเฟิงจับตัวเย่หยุนซูเดินออกมายังบริเวณขอบ ๆ ของเรือประมง
เหลิ่งเฟิงเหงื่อตกไม่หยุด ภารกิจครั้งนี้ พ่ายแพ้ราบคาบอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนนี้สิ่งเดียวที่ต้องทำ ก็คือรักษาชีวิตเอาไว้เพื่อกลับไปรายงานให้เบื้องบนทราบ
ตอนนี้เขาโกรธจนด่าพ่อล่อแม่ ภารกิจครั้งนี้ พวกเขาส่งคนมากว่าสามสิบคน เรือสปีดโบ๊ท อาวุธปืนทั้งหมดก็เอาออกมาใช้หมดแล้ว แต่กลับไม่สามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามที่มีแค่สองคนลงได้
แม่งเหมือนเจอผีเลยว่ะ!
สิ่งที่ทำให้คนคาดเดาไม่ได้ก็คือผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ตั้งแต่เริ่มไล่ตามมาจากชายฝั่ง ไอ้หมอนี่ก็แสดงความสามารถที่เหนือคนธรรมดาทั่วไป
สปีดโบ๊ทไล่ล่า ระเบิดตอร์ปิโด จนท้ายที่สุดกระโดดขึ้นกลางอากาศมาอยู่บนเรือประมงแล้วไล่ฆ่ารอบทิศทาง
ความสามารถแบบนี้ แม้เป็นราชาแห่งทหารก็ไม่มีทางทำได้แบบนี้ ไอ้หมอนี่มันเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงทำได้ขนาดนี้?
หัวมังกร……หัวมังกร!
ตอนนี้เหลิ่งเฟิงคิดอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน บนเฮลิคอปเตอร์มีสัญลักษณ์หัวมังกรปรากฏอยู่ ไอ้คนขาวนั่นเรียกเขาว่านายท่าน!
ในโลกนี้ขั้วอำนาจที่มีความเกี่ยวข้องกับมังกรจีน สามารถใช้นิ้วนับได้เลย
สำนักดราก้อน……ที่ยุโรป!!
เพียงแต่ว่า ไม่ทันรอให้เขาได้พูดออกมา เย่หยุนซูก็วู่วามขึ้นมาทันที เธอกัดฟัน มองไปยังน้ำทะเลสีคราม แล้วทิ้งตัวไปด้านหลัง!
ร่างบอบบางนั้นตกลงไปในน้ำทะเลเสียงดังจ๋อม
“หยุนซู!” เซียวหยางร้องเรียกอย่างตกใจ ความห่างจากพื้นเรือสู่ผิวทะเลมีความสูงราวห้าหกเมตร เย่หยุนซูว่ายน้ำไม่ค่อยเก่ง น้ำทะเลที่มีลมและคลื่นแรงอย่างนี้ ทนได้ไม่ได้เท่าไหร่หรอก!
เหลิ่งเฟิงเองก็ตกใจมาก เขาคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้จะแข็งแกร่งไม่ยอมใครแบบนี้ ถึงกับยอมกระโดดลงทะเลเพราะอยากถูกเขาจับเป็นเชลย
เพียงชั่วพริบตา เขาเสียที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวไปทันที!
“ไปตายซะ!”
สายตาเย็นชาของเซียวหยางวาบขึ้นมา เขาออกแรงกระทืบพื้นเรือ แล้วเด้งออกไปเหมือนสปริง แขนและเข่าทั้งสองข้างพุ่งเข้าไป กระแทกเข้ากับหน้าอกของเหลิ่งเฟิง
ปึก ปึก ปึก ปึก!
อ๊า อ๊าก!
เหลิ่งเฟิงร้องโหยหวนไม่หยุด กระอักเลือดออกมา ถึงขนาดกระอักเอาอวัยวะภายในที่แหลกละเอียดออกมาด้วย!
หน้าอกของเขายุบตัวลง หัวใจถูกกระดูกที่แตกหักเสียบแทง!
เสียงร่วงหล่นดังตุบ เหลิ่งเฟิงตายแบบอนาถมาก
จากนั้น เซียวหยางก็กระโดดลงไปในทะเลอย่างไม่ลังเล
ถึงแม้เป็นเพียงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วินาที แต่คลื่นลมในทะเลได้พัดพาเย่หยุนซูลอยไปไกลถึงสิบกว่าเมตร คลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดกระแทกเข้าหน้าเย่หยุนซู
เธอตะเกียกตะกายอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ในน้ำทะเล ใกล้จะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแล้ว
ขณะที่เธอใกล้จะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวนั้น ร่างแข็งแรงกำยำก็ว่ายเข้ามา แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมอก จากนั้นยกร่างของเธอขึ้นมาบนผิวน้ำ
ตอนที่เซียวหยางได้กอดเย่หยุนซูเอาไว้จนแน่นนั้น หัวใจของเขาถึงได้รู้สึกโล่งขึ้น
มือข้างหนึ่งของเซียวหยางประคองเย่หยุนซูไว้ ส่วนมืออีกข้างก็กวักน้ำ เพื่อว่ายไปทางเรือสปีดโบ๊ทที่อยู่ด้านล่างเรือประมง
เย่หยุนซูถูกเซียวหยางโอบกอดไว้ ใบหน้ารูปงามนั้นก็ร้อนระอุขึ้นมา เธอใส่เพียงชุดว่ายน้ำ ส่วนเซียวหยางก็มีเพียงกางเกงชายหาดกับเสื้อกล้ามสีขาว สัมผัสที่แท้จริงนั้น ทำให้เย่หยุนซูหัวใจเต้นรัว
เธอหันหน้ามามองใบหน้าด้านข้างของเซียวหยาง ดูเหมือนเธอจะไม่เคยตั้งใจมองเซียวหยางมาก่อน ตอนนี้ เย่หยุนซูรู้สึกผ่อนคลายสบายใจอย่างมาก
เมื่อขึ้นมานั่งบนเรือสปีดโบ๊ทแล้ว เซียวหยางได้นั่งลงด้านหน้าเย่หยุนซู จากนั้นก็หันมาพูดว่า “กอดฉันให้แน่น”
เจ้าหญิงน้ำแข็งในยามปกติ ครั้งนี้กลับเชื่อฟังอย่างน่าประหลาดใจ กอดเอวเซียวหยางเอาไว้จนแน่น
เมื่อครู่นี้อยู่ใกล้กับความเป็นความตายเหลือเกิน เมื่อครู่เธอวู่วามเกินไปจริง ๆ เพื่อไม่ให้นักฆ่าข่มขู่เซียวหยางได้ เธอก็ตื่นเต้นเป็นกังวล จนเลือกกระโดดลงทะเล
ถ้าหากเซียวหยางมาช้ากว่านี้อีกสักนิด เธอคงจมน้ำทะเลตายไปแล้วจริง ๆ
เรือสปีดโบ๊ทถูกสตาร์ทเครื่อง แล้วเปลี่ยนทิศทาง เซียวหยางขับพาเย่หยุนซูกลับไปยังชายฝั่ง
ระหว่างทาง ทั้งสองคนไม่พูดกันสักประโยค บรรยากาศแปลกชอบกล
เมื่อถึงฝั่ง เซียวหยางประคองเย่หยุนซูอย่างระมัดระวัง เมื่อเท้าทั้งสองของเย่หยุนซูเหยียบลงพื้น ก็เกือบเซล้มลงไปกองกับพื้น
ตอนนี้ เธอถึงเพิ่งรู้สึกตัว ว่าตัวเองสูญเสียพละกำลังทั้งหมดไปแล้ว
“ระวัง!”
เซียวหยางรีบโอบเอวของเธอไว้อย่างรวดเร็ว จับเธอไว้จนมั่น
“ฉันไร้ประโยชน์มากใช่ไหม?” เย่หยุนซูพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง
ประโยคนี้ ที่จริงรวมความหมายเอาไว้มากมาย
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองเหมือนจะทำได้แค่หลบอยู่ในห้องวิจัยเพื่อวิจัยงานของเธอ ทำได้แค่นั่งเซ็นเอกสารอยู่ในห้องทำงานของประธาน
ส่วนเซียวหยาง กลับเสี่ยงชีวิตช่วยเธอเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะบนบก หรือในทะเล ก็สามารถปกป้องเธอเอาไว้ได้
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว กลับเป็นเธอต่างหากที่ไม่เอาไหน
เซียวหยางฝืนยิ้มออกมา “คนที่ไร้ประโยชน์ควรเป็นฉันมากกว่า เป็นฉันที่ดูแลปกป้องเธอได้ไม่ดี”
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน นายก็คงไม่ต้องเจอเรื่องอันตรายแบบนี้ ไม่ใช่เหรอ?” เย่หยุนซูถามกลับ
เซียวหยางไม่ได้ตอบคำถาม มือหนึ่งสอดไว้ใต้ข้อพับของเธอ ส่วนอีกมือก็โอบหลังเธอไว้ แล้วอุ้มเธอขึ้นมาทั้งตัว
เย่หยุนซูไม่ได้ขัดขืน และไม่มีแรงที่จะขัดขืน หุ่นอรชรปรากฏอยู่ตรงหน้าเซียวหยาง
เซียวหยางอุ้มเธอเดินไปทางโรงแรม แล้วบรรยากาศก็เงียบลง
ทันใดนั้น เซียวหยางก็พูดขึ้นมาอย่างแน่วแน่ :
“ฉันรับปากเธอ เรื่องแบบนี้ จะไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด!”