บทที่ 2 แกคุกเข่าลงเดี่ยวนี้
4 พิงกี้ เธอบ้าไปแล้วหรือ?! ”
เควินผลักพิงกี้ออกอย่างแรง และยกมือเช็ดริมฝีปากที่เปียก
สายตาที่เย็นชาของเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาแสดงออกอย่าง
ชุ่ม
โกรธแค้น
พิงกี้ล้มลงที่พื้นอย่างแรง เจ็บจนร้องโอ๊ย แต่เธอกลับยิ้ม
ใช่ ฉันบ้าไปแล้ว เสียงของเธอเบามาก เบาเหมือนควันที่ กำลังจางหายไป
“ ถ้าฉันไม่บ้า แล้วจะขึ้นเตียงพี่เขยตัวเองได้ยังไง? แถมยังมี อะไรไปตั้งหลายครั้ง
เพราะว่าสบายหรือ? )
หุบปาก! ” เควินพูดอย่างเย็นชา
เรื่องของเมื่อคืนเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุด!
แววตาที่ดุร้ายรู้สึกมืดมนขึ้นมากระทันหัน เขายื่นมือออกมาบีบ
ที่ลำคอของพิงกี้
แววตาเขาเหมือนมีดที่แหลมคมที่มไปที่เธอ
* ถ้าเธอพูดอีกคำนึง ฉันจะไม่ให้เธอมีชีวิตรอดถึงพรุ่งนี้ ! ) แค้กออกซิเจนค่อยๆน้อยลง ใบหน้าของพิงกี้แดงก่ำ
และไอขึ้นมาอย่างรุนแรง ถึงจะเป็นแบบนี้ ดวงตากลมโตของ
เธอก็ยังยิ้มอยู่
มองดูเควินอย่างไม่เกรงกลัว เสมือนว่าถึงเขาจะบีบคอเธอให้
เธอก็ขี้เกียจที่จะต่อต้าน ในเมื่อขวดแก้วนี้ก็กำลังจะแตกอยู่
มือใช้แรงบีบอย่างไม่หยุด ในใจเควินมีความรุนแรงอย่างห้าม
ไม่ได้
แค่นิดเดียว เหมือนลำคอที่ขาวเรียวจะถูกบีบจนแหลกจริงๆ
แต่ว่า….สีหน้าที่ยอมจำนนต่อชีวิตของพิงกี้
ทำให้เขานึกถึงเมื่อคืนเธอร้องไห้คุกเข่าของร้องให้เขาปล่อย
และหน้าตาที่กรีดร้องจนเสียงแหบ ไฟแค้นยิ่งอยู่ยิ่งลุกท่วมใน
“ เควินคะ อย่าค่ะ! เสียงร้องตกใจคำนึง ลิสารีบเดินไปที่
ข้างเตียง
แต่ว่าเดินไปแค่ก้าวสองก้าว ก็เริ่มเอามือกดไว้ตรงอกด้วยสีหน้า
ที่เจ็บปวด
ใจ “ ลิสา คุณมีโรคหัวใจ อย่าร้อนใจนะ! ” สีหน้าธีระตื่นตระหนก และเดินไปตะคอกใส่พิงกี้ “ตอนนี้เธอพอใจแล้วใช่ไหม?
ที่ทำให้ลิสาเครียดตาย ต่อไปทุกอย่างของตระกูล
ดำรงกูลก็เป็นของเธอคนเดียวแล้วสินะ
ต่อไปก็จะไม่มีใครแย่งตำแหน่งคุณหนูดำรงกูลกับเธออีก
สินะ!”
เควินขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้ใช่เวลามาพูดเรื่องแบบนี้หรือ?
ปล่อยมือจากพิงกี้ออก
เขาสวมใส่เสื้อผ้าด้วยความว่องไวและรีบอุ้มลิสาก้าวเท้าเดิน ออกไปอย่างไว
ธีระจ้องพิงกี้ด้วยสายตาดุร้ายเสร็จ จากนั้นก็รีบตามหลังเควิน ไปด้วยความเป็นห่วงลลิสา
ห้องที่กว้างใหญ่ พริบตาเดียวก็รู้สึกโล่ง
พิงกี้ล้มลงไปที่เตียง เธอสูดอากาศเข้าไปลึกๆ
ปอดที่ปวดแสบเพราะขาดอากาศค่อยๆรู้สึกดีขึ้นหลังจากมี ออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยง
รอยยิ้มในดวงตาเหมือนดอกไม้ไฟ ดวงตาที่อยู่ในค่ำคืนที่มืด
มนค่อยๆหนาวเย็นลง สุดท้ายก็สลายไปจนมองไม่เห็น คนอย่างลิสาจะเครียดตาย?
ทุกอย่างในวันนี้ ก็อยู่ในแผนการของเธอไม่ใช่หรือ?
เมื่อวานคืองานแต่งของเธอกับธีระ นึกถึงลิสาถือแก้วไวน์มาให้ เธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
พิงกี้ก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว เพื่อวางแผนปองร้ายเธอ
แม้แต่เควินคู่รักเธอยังยอมเสียสละให้ ช่างใจกล้าจริงๆ!
หลังจากหมั้นไปวันเดียวก็ไปยั่วยวนพี่เขย
คำครหาที่หนักหนานี้ทำให้คนรังเกียจ…ยิ่งไปกว่านั้น ลีสายัง ถูกเธอเครียดตาย
นี่ก็เป็นคำครหาที่หนักขึ้นไปอีก! ครั้งนี้ พ่อแม่ใจบุญของ
ตระกูล ดำรงกูล
คู่นั้นจะมีปฏิกิริยายังไงนะ? ครั้งก่อน
เขาทั้งสองก็บอกแล้วถ้าเธอก่อเรื่องที่อับอายขายขี้หน้า ถ้า จงใจจะทำร้ายลลิสาอีก
ถึงเธอจะเป็นลูกแท้ๆ และถึงลลิสาจะเป็นแค่ลูกเลี้ยง พวกเขาก็ จะไล่เธอออกจากบ้าน
เพื่อไม่ให้เธอทำลายชื่อเสียงของตระกูลอีก —- กลับถึงบ้าน
ดำรงกุล เพิ่งเดินไปถึงห้องรับแขก พิงกี้ก็ได้ยินเสียงที่โกรธกริ้ว
“พิงกี้ แกยังมีหน้ากลับมาอีกหรือ?
เงามืดนึงเขยวงมาที่พิงกี้
แต่เธอหลบหลีกได้ทัน ที่เขี่ยบุหรี่เขย่งลงมาจนแ จนแตกสาแหรก
และตามมาด้วยรีโมทแต่หลบไม่ทัน เขยิ้วงมาใส่ที่หน้าผากจน
เจ็บจี๊ด
พิงกี้มองดูที่โซฟา เห็นชาตรีกับมาลาตีเหมือนกำลังจะ พิพากษาคดียังไงอย่างงั้นเลย
เธอยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยหัวเราะเยาะตัวเอง
เธอรู้ตั้งนานแล้วว่าเธอไม่มีโอกาศได้แก้ตัว
* แกคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ ”
ขาด
บทที่ 2 แกคุกเข่าลงเดี่ยวนี้
4 พิงกี้ เธอบ้าไปแล้วหรือ?! ”
เควินผลักพิงกี้ออกอย่างแรง และยกมือเช็ดริมฝีปากที่เปียก
สายตาที่เย็นชาของเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาแสดงออกอย่าง
ชุ่ม
โกรธแค้น
พิงกี้ล้มลงที่พื้นอย่างแรง เจ็บจนร้องโอ๊ย แต่เธอกลับยิ้ม
ใช่ ฉันบ้าไปแล้ว เสียงของเธอเบามาก เบาเหมือนควันที่ กำลังจางหายไป
“ ถ้าฉันไม่บ้า แล้วจะขึ้นเตียงพี่เขยตัวเองได้ยังไง? แถมยังมี อะไรไปตั้งหลายครั้ง
เพราะว่าสบายหรือ? )
หุบปาก! ” เควินพูดอย่างเย็นชา
เรื่องของเมื่อคืนเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุด!
แววตาที่ดุร้ายรู้สึกมืดมนขึ้นมากระทันหัน เขายื่นมือออกมาบีบ
ที่ลำคอของพิงกี้
แววตาเขาเหมือนมีดที่แหลมคมที่มไปที่เธอ
* ถ้าเธอพูดอีกคำนึง ฉันจะไม่ให้เธอมีชีวิตรอดถึงพรุ่งนี้ ! ) แค้กออกซิเจนค่อยๆน้อยลง ใบหน้าของพิงกี้แดงก่ำ
และไอขึ้นมาอย่างรุนแรง ถึงจะเป็นแบบนี้ ดวงตากลมโตของ
เธอก็ยังยิ้มอยู่
มองดูเควินอย่างไม่เกรงกลัว เสมือนว่าถึงเขาจะบีบคอเธอให้
เธอก็ขี้เกียจที่จะต่อต้าน ในเมื่อขวดแก้วนี้ก็กำลังจะแตกอยู่
มือใช้แรงบีบอย่างไม่หยุด ในใจเควินมีความรุนแรงอย่างห้าม
ไม่ได้
แค่นิดเดียว เหมือนลำคอที่ขาวเรียวจะถูกบีบจนแหลกจริงๆ
แต่ว่า….สีหน้าที่ยอมจำนนต่อชีวิตของพิงกี้
ทำให้เขานึกถึงเมื่อคืนเธอร้องไห้คุกเข่าของร้องให้เขาปล่อย
และหน้าตาที่กรีดร้องจนเสียงแหบ ไฟแค้นยิ่งอยู่ยิ่งลุกท่วมใน
“ เควินคะ อย่าค่ะ! เสียงร้องตกใจคำนึง ลิสารีบเดินไปที่
ข้างเตียง
แต่ว่าเดินไปแค่ก้าวสองก้าว ก็เริ่มเอามือกดไว้ตรงอกด้วยสีหน้า
ที่เจ็บปวด
ใจ “ ลิสา คุณมีโรคหัวใจ อย่าร้อนใจนะ! ” สีหน้าธีระตื่นตระหนก และเดินไปตะคอกใส่พิงกี้ “ตอนนี้เธอพอใจแล้วใช่ไหม?
ที่ทำให้ลิสาเครียดตาย ต่อไปทุกอย่างของตระกูล
ดำรงกูลก็เป็นของเธอคนเดียวแล้วสินะ
ต่อไปก็จะไม่มีใครแย่งตำแหน่งคุณหนูดำรงกูลกับเธออีก
สินะ!”
เควินขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้ใช่เวลามาพูดเรื่องแบบนี้หรือ?
ปล่อยมือจากพิงกี้ออก
เขาสวมใส่เสื้อผ้าด้วยความว่องไวและรีบอุ้มลิสาก้าวเท้าเดิน ออกไปอย่างไว
ธีระจ้องพิงกี้ด้วยสายตาดุร้ายเสร็จ จากนั้นก็รีบตามหลังเควิน ไปด้วยความเป็นห่วงลลิสา
ห้องที่กว้างใหญ่ พริบตาเดียวก็รู้สึกโล่ง
พิงกี้ล้มลงไปที่เตียง เธอสูดอากาศเข้าไปลึกๆ
ปอดที่ปวดแสบเพราะขาดอากาศค่อยๆรู้สึกดีขึ้นหลังจากมี ออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยง
รอยยิ้มในดวงตาเหมือนดอกไม้ไฟ ดวงตาที่อยู่ในค่ำคืนที่มืด
มนค่อยๆหนาวเย็นลง สุดท้ายก็สลายไปจนมองไม่เห็น คนอย่างลิสาจะเครียดตาย?
ทุกอย่างในวันนี้ ก็อยู่ในแผนการของเธอไม่ใช่หรือ?
เมื่อวานคืองานแต่งของเธอกับธีระ นึกถึงลิสาถือแก้วไวน์มาให้ เธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
พิงกี้ก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว เพื่อวางแผนปองร้ายเธอ
แม้แต่เควินคู่รักเธอยังยอมเสียสละให้ ช่างใจกล้าจริงๆ!
หลังจากหมั้นไปวันเดียวก็ไปยั่วยวนพี่เขย
คำครหาที่หนักหนานี้ทำให้คนรังเกียจ…ยิ่งไปกว่านั้น ลีสายัง ถูกเธอเครียดตาย
นี่ก็เป็นคำครหาที่หนักขึ้นไปอีก! ครั้งนี้ พ่อแม่ใจบุญของ
ตระกูล ดำรงกูล
คู่นั้นจะมีปฏิกิริยายังไงนะ? ครั้งก่อน
เขาทั้งสองก็บอกแล้วถ้าเธอก่อเรื่องที่อับอายขายขี้หน้า ถ้า จงใจจะทำร้ายลลิสาอีก
ถึงเธอจะเป็นลูกแท้ๆ และถึงลลิสาจะเป็นแค่ลูกเลี้ยง พวกเขาก็ จะไล่เธอออกจากบ้าน
เพื่อไม่ให้เธอทำลายชื่อเสียงของตระกูลอีก —- กลับถึงบ้าน
ดำรงกุล เพิ่งเดินไปถึงห้องรับแขก พิงกี้ก็ได้ยินเสียงที่โกรธกริ้ว
“พิงกี้ แกยังมีหน้ากลับมาอีกหรือ?
เงามืดนึงเขยวงมาที่พิงกี้
แต่เธอหลบหลีกได้ทัน ที่เขี่ยบุหรี่เขย่งลงมาจนแ จนแตกสาแหรก
และตามมาด้วยรีโมทแต่หลบไม่ทัน เขยิ้วงมาใส่ที่หน้าผากจน
เจ็บจี๊ด
พิงกี้มองดูที่โซฟา เห็นชาตรีกับมาลาตีเหมือนกำลังจะ พิพากษาคดียังไงอย่างงั้นเลย
เธอยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยหัวเราะเยาะตัวเอง
เธอรู้ตั้งนานแล้วว่าเธอไม่มีโอกาศได้แก้ตัว
* แกคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ ”
ขาด